วานนี้ ( 29 มี.ค.2566) พรรคเพื่อไทย เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ ณ ลานหน้าห้างสรรพสินค้าโลตัส รังสิต จ.ปทุมธานี ภายใต้สโลแกน ‘ปักธง คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน เพื่อคนปทุมธานี’ นำทีมโดย “หมอชลน่าน” ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย “อุ๊งอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย “เสี่ยอ๋อย” จาตุรนต์ ฉายแสง กรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย จิรายุ ห่วงทรัพย์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตคลองสามวา ” เต้นแร้งเต้นกา” ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ” โอ๊คอ๊าค” พานทองแท้ ชินวัตร ที่ปรึกษาศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง สมศักดิ์ เทพสุทิน สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ฯลฯ เรียกว่าเบอร์ใหญ่ของพรรคไปกันครบ
งานนี้หมอชลน่านหุ่นเชิดคอกแม้ว ก็โหมโรงมุกเก่าเอาเรื่อง ‘แลนด์สไลด์’ หรือโหวตเชิงยุทธศาสตร์มาเป็นจุดขาย อ้อนขอคะแนนคนปทุมธานีเลือกเพื่อไทยอย่างถล่มทลายให้ได้เกิน 310 เสียง เพื่อจัดตั้งรัฐบาลให้สำเร็จและมีเสียงมากกว่า ส.ว. 250 คน เพื่อไม่ให้ติดกับดักส.ว.สกัดดาวรุ่ง ” พรรคเพื่อไทยรณรงค์ยุทธศาสตร์แลนด์สไลด์ เราขอ 250 เสียงขึ้นไป แต่วันนี้ขยับตัวเลขไปที่ 310 เสียง เพราะเมื่อกระแสของพรรคมาแรงขึ้น ทำให้มี ส.ว. บางคนเริ่มประกาศออกมาแล้วว่าหากเพื่อไทยได้เกิน 250 เสียง ยังจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ จะจัดตั้งได้ก็ต่อเมื่อได้เก้าอี้ 370 ขึ้นไป เพราะจะชนะเสียง ส.ว. อย่างเด็ดขาด พรรคเพื่อไทยจึงจำเป็นต้องรณรงค์วิธีใหม่ ขอความร่วมมือจากพี่น้องทั้งประเทศ เลือกเพื่อไทยให้ถล่มทลาย ให้การเลือกตั้งครั้งนี้เพื่อไทยชนะขาดและจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ” ชลน่านขายฝันตอนเย็น ยกเมฆเรื่องส.ว.มาหลอกชาวบ้าน หวังจูงจมูกให้เลือกพรรคเพื่อไทย โกหกบาปใส่สภาสูงยังไม่ทันจบ ชลน่านก็เผยธาตุแท้เพื่อไทยให้ทุกคนเห็นในทันที “ ถ้าได้ครึ่งๆ กลางๆ 260 เสียงก็ยังไม่ชนะขาด วันนี้ต้องไม่รักพี่ไม่เสียดายน้อง ไม่เลือกพ่วง เพื่อไทยจะขอจับมือกับพี่น้องชาวปทุม ร่วมกัน ‘คิดใหญ่’ เปลี่ยนชีวิตคนไทย ” ชลน่านกล่าว
ความจริงเรื่องตัดญาติขาดมิตรระหว่างพรรคฝ่ายค้านด้วยกันเอง ก่อนหน้านี้แกนนำพรรคเพื่อไทยก็พูดมาตลอด เผยธาตุแท้หางโผล่ให้เห็นมานานแล้ว ก่อนหน้านี้เมื่อ 17 ก.พ. 2566 อุ๊งอิ๊งเคยประกาศเรื่องนี้บนเวทีปราศรัยโรงเรียนมัธยมเดชอุดม อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี ตอนช่วงหาเสียงในอีสาน ชัดเจนความว่า ” เสียดายประเทศโดนรัฐประหารทำให้ถอยหลัง หนี้สินที่รัฐบาลทำไว้ชั่วลูกชั่วหลานก็ใช้หนี้หมดยาก หากไม่ได้รัฐบาลที่ดีเข้ามาบริหาร ล่าสุดมี ส.ว.ออกมาบอกว่า ถึงเพื่อไทยจะได้ ส.ส. 300 กว่า ก็จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ เสียงของประชาชนจะไม่มีความหมายไม่ได้ ถ้าประชาชนเลือกใคร คนนั้นต้องได้รับใช้ประชาชน ยืนยันพรรคเพื่อไทยไม่มีพรรคพี่พรรคน้อง ใครมาบอกอย่าเชื่อ ขอให้เลือกเพื่อไทยพรรคเดียว เลือกทั้งคนทั้งพรรคให้แลนด์สไลด์ไปเลย” ดีเอ็นเอโทนี่ประกาศกร้าว ขณะที่เมื่อ 12 มี.ค.2566 ณ เวทีหาเสียง อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก “เสี่ยนิด” เศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และที่ปรึกษาทีมเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย ก็เคยกล่าวบนเวทีปราศรัยในทำนองนี้มาแล้ว “ ผมไม่อยากกลับมาที่นี่อีก เพื่ออธิบายว่าทำไมว่าทำไม่ได้ แต่ถ้าเกิดยกเขตได้ 5 เขตในพิษณุโลก ผมเชื่อว่าทุกเรื่องที่ท่านหัวหน้าได้พูด เราต้องทำได้ ถึงเวลาแล้วที่เราต้องมาดูว่า 8 ปีมันเพียงพอ 4 ปีต่อไปเราอยากได้อะไร คิดให้ดี อย่าปันใจ ไม่ต้องมีพรรคพี่ พรรคน้อง พรรคสาขา ไม่มี เราไม่เคยพูด ต้องพรรคเพื่อไทยทั้ง 5 เขตพิษณุโลก และสไลด์ทั้งแผ่นดิน” เศรษฐาย้ำ
ความจริงเรื่องตัวใครตัวมันทางการเมืองใกล้ช่วงเลือกตั้งก็พอเข้าใจได้ ว่าทุกพรรคต้องเอาตัวรอดแต่ยกเรื่องนี้มาชี้ให้เห็นเพื่อต้องการสะท้อนให้เห็น “สันดาน” นักการเมือง “ธาตุแท้” ผู้แทนไทย อุดมการณ์แทบไม่มี พรรคน้ำดีหาได้ยาก ความจริงก่อนหน้านี้เพื่อไทยกับปีกขั้วเดียวกัน คือ พวกล้มเจ้า พวกชังชาติ พวกทุนสามานย์ ไม่ว่าจะเป็น ก้าวไกล อนาคตใหม่ เสรีรวมไทย ประชาชาติ ฯลฯ ก็รักกันปานจะกลืนกิน ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันมาตลอด ตอนต้องการแนวร่วมทำสงครามกับ 3 ป. ตอนจะล้มอำนาจรัฐ ตอนจะงัดกับสถาบัน เพื่อไทยคอกแม้วก็นับคนอื่นเป็นเพื่อนหมด อ้าแขนรับทุกคนเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน ต่อสู้ร่วมอุดมการณ์เป็นฝ่ายประชาธิปไตยด้วยกัน แต่พอจะเลือกตั้ง อยากได้คะแนน อยากได้เสียงชาวบ้าน อยากได้จำนวนส.ส. ตามเป้าหมายพาโคตรพ่อกลับบ้านแบบเท่ห์ๆ ต้องได้แลนด์สไลด์ตามยุทธศาสตร์ถึง 310 คน เพื่อไทยก็ถีบหัวส่งพรรคพวก เขี่ยฝ่ายเดียวกันออกแบบไม่ใยดี ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้รักกันฉิบหาย ประกาศเคียงข้างกันมาแทบตาย แต่พอผลประโชน์ไม่ตรงกัน ความสัมพันธ์ก็จบลงในทันที แสดงนิสัยคบไม่ได้ เผยสันดานเอาแต่ประโยชน์ตนฝ่ายเดียว แถามหน้าด้านไม่อายฟ้าดิน เพราะเล่นลอกนโยบายของก้าวไกลมาทั้งดุ้น ยกเรื่องเด่นๆมาทั้งหมด อาทิ ปฏิรูปกองทัพ ยกเลิกเกณฑ์ทหาร ฯลฯ
นอกเหนือจากประเด็นถีบเพื่อนตกเรือให้จมน้ำตายแล้ว อีกประเด็นอีกเรื่องที่ต้องด่าเพื่อไทยว่าอุบาทว์ชาติชั่วของจริง คือ กรณีที่ไม่ใส่ชื่อ 2 แคนดิเดตนายกฯของพรรคที่จะลงเลือกตั้งเที่ยวนี้ คือ “อุ๊งอิงค์ -เศรษฐา ” ไว้ในลำดับ 100 รายชื่อ ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคเลย แถม 2 คนนี้ก็ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค มีสถานะเป็นแค่หัวหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กับประธานที่ปรึกษา เหลี่ยมจัดเหมือนเดิมเขี้ยวรากตลอด คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย เพื่อไทยคือพรรคโคตรหัวหมอของจริง ยก 2 แคนดิเดตนายกฯพรรคขึ้นหิ้ง ไม่เอาชื่อลงมาอยู่ในบัญชีปาร์ตี้ลิสต์ ไม่ต้องเสี่ยงถูกตัดสิทธิ์หากมีปัญหาร้องเรียนใดๆ ไม่ต้องได้รับการตรวจสอบ ไม่สามารถรื้อประวัติลากไส้กี่ขดกี่ขดออกมาได้ เพราะไม่ได้เป็นส.ส.ไม่ได้เป็นผู้แทน ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ก็พรรคคุณมึงไม่ใช่หรือที่ป่าวประกาศอุดมการณ์ พ่นหนอนออกจากปากด้วยวลีทองคำว่า “นายกฯต้องมาจากการเลือกตั้ง” นายกฯต้องยึดโยงกับประชาชน ห่าลากปากหมาทั้งเพ ทีจะด่าบิ๊กตู่บริภาษฝ่ายตรงข้าม ก็บอกว่าเป็นผู้นำรัฐประหารไม่ได้เป็นส.ส. ไม่ยึดโยงกับชาวบ้าน อัดแหลกบิ๊กตู่สารพัด ด่านายกฯยาวข้ามปี ว่าชั่วช้าเลวทราม แต่พอถึงว่าพวกคุณมึงจะทำบ้างก็เอออห่อหมกว่าดี ทำได้รัฐธรรมนูญไม่บังคับ โคตรอุบาทว์ “ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง” ปากก็พร่ำเพ้อว่าเป็นพรรคประชาธิปไตย แต่ใจทุนนิยมสามานย์ชัดๆ ทำแต่ละเรื่องก็ล้วนผิดศีลธรรมขัดคุณธรรม มือถือสากปากถือศีล จำได้ไหมปีก่อนพวกคุณมึงใช่ไหมที่ออกมายื่นเรื่องนี้ให้นายหัวชวน เรียกร้องนายกฯต้องวมาจากส.ส. ย้อนอดีตกลับไป 23 ก.พ.65 ที่รัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านได้ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญจำนวน 3 ฉบับ ต่อชวน พร้อมเปิดเผยว่า ” พรรคเพื่อไทยเข้าชื่อตามรัฐธรรมนูญ เพื่อเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติม ตามมาตรา 256 จำนวน 3 ฉบับ 1.แก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักการว่าด้วยที่มาของนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 159 ซึ่งแก้ไขให้มาจากส.ส.เท่านั้น และดำเนินการตามมาตรา 88 คือให้พรรคการเมืองเสนอชื่อนายกฯได้ แต่ผู้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯต้องเป็นส.ส.เท่านั้น ” จำได้ไหม ลืมไปหรือยัง พรรคไหนยื่น พรรคไหนชูอุดมการณ์ พรรคไหนต้องการยืนกรานเรื่องนี้ วันนี้ไอเดียนี้หายไปไหน
ไม่แปลกที่เรื่องนี้มุมมนี้ จตุพรจะออกมาขยี้บี้เพื่อไทยแบบเมามันส์ ” กรณีแคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย ทั้งอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร นายเศรษฐา ทวีสิน และนายชัยเกษม นิติสิริ ไม่ลงบัญชีรายชื่อ ส.ส.นั้น เพราะไม่ต้องการเอาตัวเองไปเสี่ยงเข้าไปอยู่ในแดนจริยธรรมทางการเมือง โดยเป็นเพียงแคนดิเดตนายกฯ และไม่ได้เป็น ส.ส. แล้ว จริยธรรมย่อมเข้าไปควบคุม ตรวจสอบไม่ถึง …..ที่จะอ้างว่ารัฐธรรมนูญไม่ได้บัญญัติให้แคนดิเดตนายกฯ ต้องเป็น ส.ส. แต่เมื่อชูหลักการประชาธิปไตยเข้มข้นแล้ว คุณหนีการลง ส.ส.ไปได้อย่างไร เอาเป็นว่า จะอธิบายอย่างไรก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงคุณกลัวเรื่องจริยธรรม ถ้าไม่ได้เป็น ส.ส. ก็ปลอดภัย” ตุ๊ดตู่ปอกเปลือกเพื่อไทย อุดมการณ์ที่เคยประกาศไว้สวยหรูวันนี้หดเข้ารูตูดไปหมดหรืออย่างไร เพิ่งเรียกร้องปีก่อนไม่ทันไรพวกคุณมึงก็ลืมหมดแล้วว่าเคยพ่นอะไรหล่อๆออกมาตอนนั้น จริงๆก็แค่ลมปากพูดเอามันส์ เขียนด้วยตีนลบด้วยเท้า ถ้าคนอื่นทำเลวหมด แต่ถ้าพวกคุณมึงจะทำจะเอาก็ล้วนดีล้วนชอบทั้งหมด ด่าคนอื่นว่าชั่วแต่ตัวมึงสุดเลว ระยำปาร์ตี้แท้ๆ
//////////////////////////