ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดข่าวร้ายชนิดผ่าฟ้าลงมากลาง “บ้านขาว อ่าวไทย” ที่เป็นบ้านของ “เสี่ยเอ๋” ชนสวัสดิ์ อัศวเหม ประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ ที่เกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันระหว่างซ้อมขับรถ ณ สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ช่วงเที่ยงวานนี้ (30 มี.ค.2566) ข่าวว่าเสี่ยเอ๋เกิดอาการ “ฮีทสโตรก” ทำให้ช็อคหมดสติแล้ววูบไป ทีมงานพยายามปฐมพยาบาลและส่งโรงพยาบาลบุรีรัมย์ที่ใกล้ที่สุดในมือง ท่ามกลางการเอาใจช่วยจากบรรดาพี่น้องในสนามการเมือง รวมถึงบรรดดาแวดวงนักแข่งมอเตอร์สปอร์ตที่เสี่ยเอ๋มีคุณูปการกับวงการนี้มาก เป็นพี่ใหญ่ในวงการเป็นอารีของทุกคนเป็นนักเลงนักซิ่งที่พี่น้องในวงการทุกคนชื่นชม เพราะถ้าเป็นเรื่องรถแข่งเป็นเรื่องมอเตอร์สปอร์ตใครมีปัญหาติดขัดอะไร ถ้ามาบอกเสี่ยเอ๋จะดูแลช่วยเหลือน้องๆหมดทุกคนโดยไม่ปริปากไม่มีการทวงบุญคุณ ความรักในกีฬารถแข่งของเสี่ยเอ๋ถึงขนาดเคยเปรยกับญาติมิตร คนใกล้ตัว พวกพ้อง ” กูเป็นนักแข่ง เกิดในสนาม ถ้าตายก็ขอตายในสนาม ตายหลังพวงมาลัย ” ใครรู้จักใกล้ชิดเสี่ยเอ๋เป็นต้องได้ยินประโยคนี้นับครั้งไม่ถ้วน เพราะจิตวิญญาณและหัวใจอยู่กับการแข่งรถจริงๆ
บารมีของเสี่ยเอ๋ใหญ่คับจังหวัด น้ำใจแผ่ไพศาลไปไกลใครก็รู้ เรียกว่าถอดแบบ “เจ้าพ่อปากน้ำ” ผู้พ่ออย่างวัฒนา อัศวเหม อดีตส.ส.ปากน้ำสิบสมัย อดีตรมต.ประจำสำนักนายกฯ อดีตรมช.อุตสาหกรรมและอดีตรมช.มหาดไทย สมัย “บิ๊กสุ” พล.อ.สุจินดา คราประยูร เสี่ยเอ๋เกิดเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2511 ปัจจุบันอายุ 54 ปี เป็นบุตรของวัฒนากับ จันทร์แรม อัศวเหม มีพี่ชาย 2 คน คือ พิบูลย์ อัศวเหม และ พูลผล อัศวเหม เขาจบปริญญาตรีจากคณะบริหารธุรกิจ ม.กรุงเทพ สมรสครั้งแรกกับนันทิดา แก้วบัวสาย ครั้งที่สองกับเจนนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ ก่อนเลิกรากัน ด้านการทำงาน ชนม์สวัสดิ์ เป็นนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจการเกษตร และน้ำมันเชื้อเพลิง เคยดำรงตำแหน่งประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ และเคยลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ต่อมาถูกสั่งปลดตามคำสั่งหัวหน้า คสช. เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558 ชนม์สวัสดิ์ เคยเป็นกรรมการบริหารพรรคมหาชน และเป็นกรรมการบริหารพรรคเพื่อแผ่นดิน ลงรับสมัครเลือกตั้งในปี 2550 แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง ต่อมาได้เป็นรองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดินในปี 2551 อย่างไรก็ตาม ในการเลือกตั้ง ปี 2562 ชนม์สวัสดิ์ให้การสนับสนุนผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐจนสามารถคว้าส.ส.มาได้ถึง 6 คน เป็นเขต 5 คน บัญชีรายชื่อ 1 คน
จนถึงตอนนี้ยังไม่มีการแถลงอย่างเป็นทางการจากแพทย์หรือครอบครัวว่าเสี่ยเอ๋จากไปเพราะอะไร แต่อดีตคนปากน้ำรู้ดีว่าคนในตระกูลอัศวเหมเคยเสียชีวิต ด้วยโรคปัจจุบันทันด่วนแบบนี้มาแล้ว ย้อนกลับไปเมื่อ 29 ธ.ค.2558 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ ไเด้รับแจงเหตุพบศพพูลผล อัศวเหม อายุ 48 ปี นายกสมาคมกีฬาจังหวัดสมุทรปราการ ที่มีศักดิ์เป็นพี่ชายของชนม์สวัสดิ์ โดยเสียชีวิตภายในบ้านพัก ซอย อ.พระสมุทรเจดีย์ ต.แหลมฟ้าผ่า จ.สมุทรปราการ ทั้งนี้การเสียชีวิตของเสี่ยเอ๋ ไม่ได้สร้างแรงกระเพื่อมในบ้านขาวอ่าวไทย บ้านใหญ่ปากน้ำ เท่านั้น แต่เอฟเฟกต์จากการจากไปแบบไม่มีวันกลับของเสี่ยเอ๋ยังสร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วสนามการเมืองปากน้ำ และรวมถึงพรรคพลังประชารัฐของลุงป้อมที่โดนผลกระทบไปแบบเต็มๆ อย่าลืมว่าเสี่ยเอ๋คือขุนพลเอกของลุงป้อม เลือกตั้งคราวที่แล้วก็สร้างผลงานอย่างเอกอุเพราะกวาดส.ส.เกือบยกจังหวัด เหลือว่างให้ไพลิน เทียนสุวรรณ กับ ส.ส.อนาคตใหม่ แค่ 2 คน ที่เหลือกวาดเรียบวุธ 5 ที่นั่ง ล่าสุดทางลุงป้อมก็อวยยศให้กลุ่มปากน้ำไป 1 ตำแหน่ง คือ สุนทร ปานแสงทอง รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่ล่าสุดหลังการจากไปของเสี่ยเอ๋ สุนทรได้ออกมาเปิดเผยว่า ” กลางดึกเมื่อคืนลุงป้อมได้โทรศัพท์มาสอบถาม พร้อมฝากทุกคนช่วยทำงานให้เอ๋อย่างเต็มที่ด้วย ทุกคนก็พยายามลุ้น แต่ปาฏิหาริย์ก็ไม่มีจริง ต้องแสดงความเสียใจ เพราะเขาก็เป็นน้องรักของตน คบกันมานาน รักกันมานานแล้ว ตั้งแต่เล่นการเมือง แล้วเขาก็เป็นแกนหลักที่ จ.สมุทรปราการ” ด้านวัฒนาก็โทรให้กำลังใจสมาชิกปากน้ำทุกคน ” นายวัฒนามีจิตใจที่เข้มแข็ง และได้ให้กำลังใจมาในการที่จะร่วมมือกันในการทำงาน ก็คือพวกเราก็พร้อม ย้ำว่าหากพูดกันตรงๆ พวกเราก็ยังคงทำงานกันเหมือนเดิม” พร้อมฝากม็อตโต้ให้ทุกคน “ไม่มีเอ๋ แต่ยังมีพ่อ ทุกคนต้องสู้ต่อไป” เจ้าพ่อปากน้ำย้ำ
ขณะที่ฝ่าย “ผู้กอง” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า แกนนำตัวตึงของพปชร. ออกมายอมรับเสียเสี่ยเอ๋กระทบพปชร.แน่นอน จากนี้คงต้องมาวางกลยุทธ์สนามปากน้ำกันใหม่ ” เรายังคงเดินหน้าต่อ ทุกอย่างยังเหมือนเดิม แต่อาจต้องปรับยุทธศาสตร์เข้าไปช่วยเขา เพราะการเมืองในพื้นที่สมุทรปราการ เมื่อปี 62 ทางพรรคพลังประชารัฐ ก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งหรือทำอะไรเลย ชนม์สวัสดิ์ ทำคนเดียว เราก็ต้องกลับเข้าไปช่วย แต่ผู้สมัครที่สมุทรปราการของเราทุกคนแข็งมาก มีพื้นฐานการเป็นนักการเมืองท้องถิ่นอยู่แล้ว ก็ไม่หนักใจเท่าไร มันเป็นเรื่องของขวัญและกำลังใจมากกว่า ก็ต้องเข้าไปช่วยกัน” ร.อ.ธรรมนัสระบุ
ปากน้ำรอบที่แล้ว ชนสวัสดิ์เป็นเดอะแบกคนเดียวเลย ไม่ให้พรรคมายุ่ง ไม่ให้ลุงป้อมมาเอี่ยว เขต 7 คน พลังประชารัฐคว้ามา 6 คือ เขต 1 อัครวัฒน์ อัศวเหม เขต 2 ยงยุทธ สุวรรณบุตร เขต 3 ภริม พูลเจริญ เขต 4 วุฒินันท์ บุญชู พรรคอนาคตใหม่ เขต 5 กรุงศรีวิไล สุทินเผือก เขต 6 ฐาปกรณ์ กุลเจริญ และ เขต 7 ไพลิน เทียนสุวรรณ ที่ตอนหลังไพลินแยกออกไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติเพราะเป็นสายเสี่ยเฮ้ง ถ้ายังจับกันได้ตอนศึกซักฟอกปีที่แล้วก็เป็นส.ส.กลุ่มปากน้ำ 6 คนนี้แหละ ซึ่งรวม ต่อศักดิ์ อัศวเหม ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่โหวตสวนไม่ไว้วางใจเสี่ยเฮ้งกับบิ๊กป๊อก จนเกิดปัญหาคาใจกันมารอบนึงแล้ว แทนที่ลุงป้อมจะหาทางเยียวตรงข้ามกลับให้ท้ายกลุ่มปากน้ำ ยกเก้าอี้ “พญานาค 3” ให้กับสุนทร โปรโมตกลุ่มปากน้ำแบบสุดๆ จนเป็นเหตุผลสำคัญให้เกิดปัญหาในพรรคและเป็นฟางเส้นสุดท้ายให้สุชาติทิ้งพรรคลุงป้อม รอบหน้าการเลือกตั้งปากน้ำเขตจาก 7 คน จะเป็น 8 คน การเลือกตั้งใหญ่ที่ผ่านมานับสิบปี เพื่อไทยแทบไม่เคยเสียที่นั่งปากน้ำให้ใครเลย ตั้งแต่ปี 2544 2548 2550 2554 อาจมีพลาดให้พรรคสีฟ้ากับพรรคกัญชาบ้างแต่ก็น้อย มีคราวก่อนนี้แหละที่แพ้ยกจังหวัด แต่ถ้าไปดูคะแนนดิบจริงๆ จะเห็นว่าก้าวไกลกับเพื่อไทยแพ้ไปน้อยมากๆ ทั้งจังหวัด พลังประชารัฐ กวาดไป 232,666 คะแนน ได้ส.ส.ไป 6 คน อนาคตใหม่กวาดไป 182,551 คะแนนได้ส.ส.ไป 1 คน เพื่อไทยไม่มีส.ส.เลยแต่ได้คะแนนไปมากถึง 187,885 คะแนน ฯลฯ รอบนี้เพื่อไทยมี “บิ๊กแป๊ะ” สนธยาเป็นหัวเรือใหญ่ชลบุรี เขตใกล้ๆกับปากน้ำ ไม่รู้ว่าเพื่อนรักอย่างเสี่ยเอ๋ไม่อยู่แบบนี้เพื่อไทยจะรุกคืบตีกินปากน้ำหรือไม่ แต่น่าจะเป็นจังหวะดีนาทีทองของพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่สุชาติแม่ทัพภาคกลาง ขุนพลเอกของบิ๊กตู่ คงมีโอกาสได้ล้างแค้นบาดแผลที่เคยถูกกลุ่มปากน้ำยกมือไม่ไว้วางใจในอดีตและอีกหลายกรณีที่ขบเหลี่ยมขับเคี่ยวกันมานานทั้งการเมืองระดับชาติและท้องถิ่น 8 ที่นั่งปากน้ำรอบนี้ดุเดือดจริงๆ บ้านขาวอ่าวไทย บ้านใหญ่ปากน้ำ และ ลุงป้อมจะรักษาฐานที่มันได้ดีเพียงใด หลังฉลามปากน้ำลาโลกไปแบบกะทันหันเมื่อวานนี้
////////////////////////