บิ๊กป้อม! ลุยเมืองเพชร-ประจวบฯ วาง10มาตรการ แผนใช้น้ำรองรับภัยแล้ง

รองนายกฯลงพื้นที่เพชรบุรี-ประจวบคีรีขันธ์ ดูสถานการณ์น้ำและแผนการผลิตน้ำประปา กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตาม 10 มาตรการ รองรับฤดูแล้ง ปี 2565/66 อย่างเคร่งครัด ต้องรองรับสถานการณ์ภัยแล้ง ให้เพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำในอนาคต

เมื่อวันที่ 31 มี.ค. 2566 พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) พร้อมด้วย ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวยการ กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ กอนช. และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจติดตาม การบริหารจัดการน้ำฤดูแล้ง และการดำเนินการ โครงการด้านทรัพยากรน้ำ ในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ จ.เพชรบุรี

โดยก่อนหน้านั้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้เข้ากราบสักการะ หลวงพ่อทวดองค์ใหญ่ วัดห้วยมงคล อ.หัวหิน พร้อมรับรูปหล่อหลวงพ่อทวด จาก พระพิศาลสิทธิคุณ (ท่านเจ้าคุณไพโรจน์) เจ้าอาวาสวัดห้วยมงคล เพื่อความเป็นสิริมงคลด้วย จากนั้นได้ลงพื้นที่ ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำ และการบริหารจัดการน้ำ บริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยมงคล อ.หัวหิน พร้อมประชุมติดตามสถานการณ์น้ำ และแผนการผลิตน้ำประปา เพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้ง ณ ห้องประชุม สำนักงานก่อสร้างชลประทาน ขนาดกลางที่ 14 อ.หัวหิน

ต่อมาในช่วงบ่าย ลงพื้นที่ประชุมติดตามแผนงาน และโครงการพัฒนา แหล่งน้ำที่สำคัญในพื้นที่ จ.เพชรบุรี ณ ห้องประชุมเทศบาลตำบลบางตะบูน อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี ตามลำดับ โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนในพื้นที่ให้การต้อนรับ

สำหรับการลงพื้นที่ทั้ง 2 จังหวัดในครั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรี ได้รับทราบสถานการณ์น้ำ การบริหารจัดการน้ำ ของอ่างเก็บน้ำห้วยมงคล จ.ประจวบคีรีขันธ์ และเขื่อนแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี และคุณภาพ ของการผลิตน้ำประปา รวมทั้งผลการดำเนินงานโครงการ พัฒนาแหล่งน้ำ ที่สำคัญในพื้นที่ โดยเฉพาะสถานการณ์น้ำ ในช่วงฤดูแล้งปีนี้

ข่าวที่น่าสนใจ

รองนายกรัฐมนตรี ได้กำชับ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปฏิบัติตาม 10 มาตรการ รองรับฤดูแล้ง ปี 2565/66 อย่างเคร่งครัด และให้ สทนช. เร่งรัดติดตามการดำเนินงาน ให้เป็นไปตามมาตรการดังกล่าว เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชน ให้มากที่สุด และให้มีปริมาณน้ำใช้ เพียงพอตลอดแล้งนี้ โดยมอบให้กรมชลประทาน บริหารจัดการแหล่งเก็บน้ำ ให้มีประสิทธิภาพ และตอบสนองต่อการใช้น้ำในทุกพื้นที่ และมอบให้จังหวัด ขับเคลื่อนกระบวนการสร้าง การรับรู้สถานการณ์น้ำ และแผนการดำเนินการ ด้านทรัพยากรน้ำต่างๆ ให้ประชาชนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเร่งบูรณาการทุกหน่วยงาน แก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำ ในพื้นที่รอยต่อ 3 จังหวัด (สมุทรสงคราม ราชบุรี และประจวบคีรีขันธ์) พร้อมวางแผน การพัฒนาแหล่งน้ำ ให้เต็มศักยภาพ เพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้ง และรองรับความต้องการน้ำในอนาคต รวมทั้งการผลิตน้ำประปา ที่มีคุณภาพ และเพียงพอ กับความต้องการของประชาชน

ด้าน ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ  กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ฤดูแล้งปี 2565/66 นี้ ได้ประเมินพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พบว่า จะมีพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำ ด้านอุปโภคบริโภค ในเขตการประปาส่วนภูมิภาค 1 สาขา ได้แก่ การประปาสาขาบางสะพาน และนอกเขตการประปาส่วนภูมิภาค 3 ตำบล 1 อำเภอ คือ อ.หัวหิน มีต.บึงนคร ต.หนองพลับ และ ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ โดยมีแผนงาน และโครงการพัฒนา แหล่งน้ำที่สำคัญ จำนวน 5 โครงการ เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ จะสามารถเพิ่มความจุได้ 17.52 ล้าน ลบ.ม. พื้นที่รับประโยชน์ 8,850 ไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์ 4,340 ครัวเรือน เช่น ก่อสร้างระบบระบายน้ำหลัก เพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนหัวหิน อ่างเก็บน้ำคลองลอยตอนล่าง และอาคารท่อระบายน้ำ ลงลำน้ำเดิมเขื่อนปราณบุรี เป็นต้น

ส่วน จ.เพชรบุรี จะมีพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำ ด้านอุปโภคบริโภค ในพื้นที่นอกเขตการประปาส่วนภูมิภาค 3 ตำบล 2 อำเภอ คือ อ.แก่งกระจาน (ต.ป่าเต็ง) และ อ.หนองหญ้าปล้อง (ต.ยางน้ำกลัดเหนือ ต.ยางน้ำกลัดใต้) และด้านเกษตรกรรม ในพื้นที่การปลูกพืชต่อเนื่อง (ไม้ผลที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ) มี 3 ตำบล 2 อำเภอ คือ อ.แก่งกระจาน (ต.ห้วยแม่เพรียง) อ.หนองหญ้าปล้อง (ต.ยางน้ำกลัดเหนือ และ ต.ท่าตะกร้อ) พื้นที่รวมทั้งหมด 4,728 ไร่ โดยมีแผนงานและโครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่สำคัญ จำนวน 10 โครงการ เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ จะสามารถเพิ่มความจุได้ 28.43 ล้าน ลบ.ม. พื้นที่รับประโยชน์ 7,371 ไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์ 49,256 ครัวเรือน เช่น เพิ่มประสิทธิภาพ การกักเก็บอ่างเก็บน้ำห้วยแม่ประจันต์ ขุดลอกแม่น้ำเพชรบุรี ก่อสร้างระบบป้องกันน้ำท่วม พื้นที่ชุมชนเมืองเพชรบุรี และโครงการบรรเทาอุทกภัย พื้นที่ลุ่มน้ำเพชรบุรีตอนล่าง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นต้น

นอกจากนี้ สทนช. ยังเร่งศึกษา การบริหารจัดการน้ำ พื้นที่รอยต่อลุ่มน้ำแม่กลอง เพชรบุรี–ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นการขับเคลื่อน แผนปฏิบัติการ เพื่อแก้ไขปัญหาด้านคุณภาพน้ำ (พื้นที่นำร่อง) ในพื้นที่รอยต่อ 3 จังหวัด ได้แก่ จ.ราชบุรี สมุทรสงคราม และเพชรบุรี เพื่อจัดทำแผนการบริหารจัดการ ปัญหาคุณภาพน้ำ ที่เหมาะสมกับพื้นที่ และให้ได้แนวทางการแก้ไขปัญหา อย่างเป็นรูปธรรม โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ซึ่งจะส่งผล ให้การแก้ไขปัญหาน้ำในทุกมิติ เกิดความยั่งยืน.

 

บรรณรต เจริญกิจสัมพันธ์ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.เพชรบุรี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน
สถาปนาเขตพื้นที่คุ้มครองฯ ชาติพันธุ์ชุมชนชาวเลโต๊ะบาหลิว

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น