การช่วงชิงอำนาจในพลังประชารัฐ ดูจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นธรรมดาทุกยุคทุกสมัย แม้จะเป็นพรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นมาได้ไม่นานเมื่อปี 2561 เพื่อรองรับการเล่นการเมืองสมัย 2 ของบิ๊กตู่ แต่หลังจากนั้นดูเหมือนภายในพลังประชารัฐเองก็เกิดการแย่งชิงอำนาจ หักเหลี่ยมเฉือนคมกันมาตลอด ตั้งแต่ยุคสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และ 4 กุมาร “อุตตม สนธิรัตน์-สุวิทย์-กอบศักดิ์” ที่ถูกก๊วนสามมิตรของ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ กับ สมศักดิ์ เทพสุทิน และกลุ่มโคราชของวิรัช รัตนเศรษฐ กับ กลุ่มร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รุกไล่ออกจากพรรค เพื่อปูทางให้มีการล้างไพ่ใหม่ด้วยการดึง “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ลงมาคุมพรรคเอง จนสมคิดและกลุ่ม 4 กุมารถูกบีบจนหน้าเขียวต้องพ้นออกจากพรรคไปแบบเจ็บช้ำทั้งๆตัวเองเป็นคนริเริ่มก่อตั้งพรรคมาแท้ๆ
ถัดมาในพรรคก็เกิดปัญหาตั้งกลุ่มก๊วนมากมาย ทั้งแก๊ง 4 ช. ของ “ร.อ.ธรรมนัส – นฤมล-อธิรัฐ-สันติ” แต่ตอนหลังก็ขัดแย้งแตกแยกกันเองระหว่างร.อ.ธรรมนัสกับสันติ ที่ข่าวว่าร.อ.ธรรมนัสเคยรับปากว่าจะช่วยสันติเป็นเลขาธิการพรรคแต่ไปๆมาๆ ตัวเองดันอาศัยความใกล้ชิดลุงป้อมหักดิบขึ้นเป็นเลขาธิการพรรคเอง แถมยังไปเบียดเก้าอี้แม่บ้านพรรคที่ทางกลุ่มสามมิตรจับจองไว้ โดย “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย ให้หลุดจากตำแหน่งเลขาฯพรรคไปโดยปริยาย แต่อนิจจาบุญมีแต่กรรมบังร.อ.ธรรมนัสขึ้นเป็นเลขาธิการพรรคได้ไม่นาน ก็สร้างเรื่องราวมากมาย ไม่ครั้งไม่ถ้วน แต่ที่จำได้แม่นยำสุดคือการเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเดินเกมล้มบิ๊กตู่ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจปี 2564 ถึงขั้นมีเรื่องมีราวใหญ่โต แตกหักจากเรือแป๊ะ จนถูกบิ๊กตู่ปลดพ้นรัฐมนตรีกลางอากาศพร้อมกับคู่หูอย่าง อ.แหม่ม นฤมล
หลังจากถูกปลดพ้นเรือแป๊ะสิ้นสุดสภาพความเป็นรัฐมนตรีเพราะความมักใหญ่ไฝ่สูง โกรธบิ๊กตู่ที่ไม่ยอมปรับเก้าอี้รัฐมนตรใหม่ไม่ยอมปรับครม.ให้กับตัวเอง ทั้งที่ตอนนั้นโควิด-19 กำลังระบาดโรคห่ายุคดิจิทัลกำลังลงประเทศไทย คนเจ็บป่วยวันละเป็นหมื่นล้มตายเป็นหลักร้อยแต่ผู้กองก็ยังเรียกร้องขอปรับครม. พอบิ๊กตู่ไม่เอาใจก็เลยพาลหาเรื่องจับมือกับนักโทษแดนไกลโทนี่ดูไบจะล้มนายกฯ แต่ฟ้ามีแต่ทำการไม่สำเร็จ แถมถูกนายกฯย้อนเกล็ดปรับพ้นครม.กลางอากาศแบบต้องแก้เกี๊ยวเขียนจดหมายลาออกแทบไม่ทัน จากนั้นชะชีวิตของผู้กองก็ลุ่มๆดอนๆมาโดยตลอด ถูกขับออกจากพลังประชารัฐพร้อม 21 ส.ส.กบฏ ก่อนไปตั้งพรรคใหม่ชื่อเศรษฐกิจไทยเชิญ “บิ๊กน้อย”พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ไปเป็นหัว หม้อข้าวไม่ทันดำ ควันยังไม่ทันหมด ก็ทะเลาะกับบิ๊กน้อยลากไส้กันเองกับลูกพี่เก่าจนชาวบ้านรู้ไส้รู้พุงกันไปหมด สุดท้ายบิ๊กน้อยก็ต้องลาออกแพ้ภัยผู้กองไปอีกคน
เลือกตั้งรอบนี้มีการเปลี่ยนกติกาใหม่จากบัตรใบเดียวมาใช้บัตร 2 ใบ เขต 350 เป็น 400 บัญชีรายชื่อจาก 150 คนเหลือ 100 คน ที่สำคัญใช้วิธีการคิดส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อแบบหาร 100 พรรคใหญ่ได้เปรียบพรรคเล็กตายหมด ร.อ.ธรรมนัสเขี้ยวรากดินทำไมจะไม่รู้ว่าอยู่ทำเศรษฐกิจไทยต่อมีหวังตายกับตาย สะกดได้แค่คำว่า “จน” กับ “เจ๊ง” สู้บากหน้ากลับมาหาลูกพี่เก่ากลับตายรังเดิมที่พลังประชารัฐดีกว่า งานนี้จึงมีความพยายามจะต่อสายกลับมาอยู่กับพลังประชารัฐตลอด ติดที่บิ๊กตู่ไม่ยอมไม่ไฟเขียวให้ แต่ชะตาผู้กองดูเหมือนดีตลอด วันดีคืนดีบิ๊กตู่ดันเกิดขัดแย้งกับแนวทางไปต่อของพลังประชารัฐ ทั้งเรื่องคน เรื่องการบริหารจัดการ เรื่องศัตรูในเงามืด เรื่องหากข้างแคร่ สารพัดจิปาถะ ฯลฯ แทนที่จะได้มีเวลาทำงานบริหารบ้านเมืองเต็มที่ แต่ต้องคอยมาห่วงหน้าพะวงหวัง เหมือนสุภาษิตไทยคำที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก ที่สุดบิ๊กตู่เลยต้องออกไปอยู่กับพรรคใหม่ให้รู้แล้วรู้รอด ร.อ.ธรรมนัสก็เลยซบช่องยกก๊วนเศรษฐกิจไทยกลับบ้านเก่ามาเผาเงินในคลังลุงป้อมต่อ สบายไปแปดชาติเลือกตั้งสักบาทก็ไม่ต้องออก
ร.อ.ธรรมนัสออกจากพรรคไปนานกลับมาพรรครอบนี้ ในพรรคก็ไม่ได้มีคนชอบส่วนใหญ่หนักไปทางเกลียด ที่พอจะคุยกันได้ก็มีก๊วนโคราชของวิรัช กับอ.แหม่มนฤมลก็ห่างๆกันไป แต่อย่างที่รู้ร.อ.ธรรมนัสมีดีที่เส้นใหญ่ เป็นนักการเมืองที่ลุงป้อมเอ็นดูมากๆ ไม่รู้รักใคร่ชอบพออะไร ยิ่งพลังประชารัฐมาเกิดกรณีเสีย “เสี่ยเอ๋” ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม เจ้าพ่อปากน้ำคนล่าสุดไปแบบปัจจุบันทันด่วน งานนี้ลุงป้อมกับพลังประชารัฐยิ่งเสียทรง แต่ดูเหมือนจะกลายเป็นโอกาสดีให้ร.อ.ธรรมนัสรุกคืบกลับมามีที่ยืน กลับมาทวงอำนาจเก่าที่เคยมีอีกครั้ง โดยใช้จังหวะที่พรรคกำลังซวนเซเรื่องเสี่ยเอ๋นี้แหละแสดงผลงาน ก่อนหน้านี้อย่างที่รู้พรรคประกาศตัวคนรับผิดชอบแต่ละภาคออกมาแล้ว ภาคเหนือร.อ.ธรรมนัสดูกับสันติ ภาคกลาง ตะวันออกตะวันตก ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ กับตรีนุช เทียนทอง อีสานวิรัช กทม.สกลธี ภัททิยกุล กับนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ส่วนภาคใต้เป็นอภิชัย เตชะอุบล กับ นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ เป็นต้น
เห็นแบ่งภาครับผิดชอบแบบนี้ร.อ.ธรรมนัสกับคู่รักคู่แค้นเก่าอย่างสันติคงแบ่งผลงานกันคนละครึ่ง แต่ตัวผู้กองยังสามารถสวิงมาสร้างผลงานที่ใต้ได้อีก อภิชัยเป็นถุงเงินเก่าพรรคสีฟ้าก่อนถูกร.อ.ธรรมนัสดึงมาอยู่พลังประชารัฐ นิพิฏฐ์ดังแต่ท่อล้อไม่หมุนคราวก่อนตัวเองยังสอบตกเลย ไม่มีราคาคนปชป.เลยไม่มีใครอยากรั้งไว้ ภาคใต้รอบนี้แข่งกันหนักพลังประชารัฐกำลังทรุดจากเดิมเคยมี 13 คน รอบนี้รักษาให้ได้สัก2-3 คนก็โคตรเก่งแล้ว เพราะย้ายหนีกันหมด ที่อยู่ก็ไม่มีกระแสไม่มีแรงส่งแล้ว ร.อ.ธรรมนัสคงเห็นช่องโหว่ช่องว่างทำผลงานตรงนี้ ล่าสุดกรณีลุงป้อมเซ็นคำสั่งด่วนตั้ง สัณหพจน์ สุขศรีเมือง ผู้สมัคร สส. นครศรีธรรมราชเขต 3 (ปากพนัง หัวไทร) ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการพรรค ก็มาจากการดุนหลังของร.อ.ธรรมนัสนี้แหละที่ต้องการเข้ามาวางอำนาจวางเครือข่ายคนของตัวเองในพรรคอีกครั้ง สัณหพจน์นั้นเป็นเด็กในคาถาของร.อ.ธรรมนัส ดูแลธุรกิจให้ผู้กองในนครศรีธรรมราชมาตลอด มาคราวนี้ก็ขึ้นลิฟท์มาไม่งั้นไม่มาอยู่ตรงตำแหน่งนี้แบบด่วนๆ ผู้กองต้องการจะอาศัยผลงานจากการเลือกตั้งเที่ยวนี้เป็นใบเบิกทางกลับมาทางอำนาจของตัวเองในพรรค อดีตเคยเป็นถึงพญานาค 2 เป็นเลขาธิการพรรค ก่อนถูกปลดถูกอัปเปหิออกจากพรรค วันนี้ได้โอกาสกลับมาทวงอำนาจแล้ว สวนจะได้ตามที่ฝันไหมตามดูกันยาวๆ แต่รับรองผู้กองมาแน่
////////////////