แม่เด็ก 14 มือขาดสุดช้ำใจ! ลูกชายนิสัยเรียบร้อย ไม่เคยรู้เข้าร่วมม็อบปะทะตำรวจ

แม่เด็กชายวัย 14 ปี ยังไม่พร้อมพูดคุยกับใคร เพราะยังทำใจไม่ได้ลูกชายต้องพิการ และติดโควิด 19 พร้อมให้ข้อมูลเบื้องต้น “ลูกเป็นคนเรียบร้อย ไม่ค่อยพูด และไม่เคยแสดงความคิดเห็นทางการเมือง การไปร่วมม็อบปะทะตำรวจครั้งนี้ แม่ไม่เคยรู้มาก่อน

ภาพหวาดเสียวสะเทือนอารมณ์ของม็อบทะลุฟ้า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 11 สิงหาคม ที่ผ่านมา กลายเป็นเรื่อง Talk of thar town แชร์สนั่นกันในโลกโซเชียล เมื่อมีหนุ่มร่างกายกำยำ หนึ่งในผู้ชุมนุมฝ่ายม็อบ ได้พยายามจะปาประทัดยักษ์ใส่กลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจ หวังปองร้าย …. แต่ท้ายที่สุดเวรกำทันตาเห็น ประทัดยักษ์ลูกดังกล่าวเกิดระเบิดตูมสนั่นคามือ ส่งผลให้นิ้วมือข้างซ้ายทั้ง 5 นิ้ว กระดูกแตก แหลกเป็นจุล เลือดสาดกระเซ็น สุดแสนจะน่าสยดสยอง

 

ทันทีหลังเกิดเหตุการณ์ หนุ่มน้อยผู้เคราะห์ร้ายรีบกระโดดขึ้นค่อมรถจักรยานยนต์ซ้อนท้ายเพื่อน มุ่งตรงไปรักษาตัวยังโรงพยาบาลใกล้เคียง ทว่าภาพทั้งหมดถูกมือดีบันทึกไว้ได้ทุกอิริยาบถ นับตั้งแต่กำลังจุดประทัด …กำลังจะปาใส่ตำรวจ … จนระเบิดตูมสนั่นเปลวไฟพวยพุ่งในมือ นำสู่สภาพนิ้วที่ขาดวิ่นแตกเป็นจุล …ซ้ำร้ายไปกว่านั้นจากการตรวจร่างกายยังพบว่า เด็กชายวัย 14 ปี คนนี้ ติดเชื้อโควิด 19

 

 

 

ต่อเหตุการณ์ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับรายงานความเคลื่อนไหวทั้งหมด จึงทราบข้อมูลที่ชัดเจนว่า ผู้ชายร่างกายกำยำ สุดเคราะห์ร้ายรายนี้ แท้จริงแล้วเป็นเพียงเด็กชาย อายุ 14 ปี ยังไม่บรรลุนิติภาวะ และกำลังศึกษาอยู่ในระบบสำนักส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย หรือ กศน.

ทีมข่าวท็อปนิวส์ ได้ประสานไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอความร่วมมือในการลงพื้นที่บ้านของหนุ่มน้อยผู้เคราะห์ร้าย ซึ่งทีมข่าวมีจุดประสงค์เพื่อเข้าพูดคุยถึงข้อเท็จจริงอีกมุมหนึ่ง นำเสนอออกสู่สายตาประชาชน จนท้ายที่สุดทราบข้อมูลว่า ขณะนี้ผู้เป็นแม่ ไม่พร้อมที่จะเจอใคร เนื่องจากทางครอบครัวกำลังบอบช้ำกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นอย่างมาก

“ผู้เป็นแม่” ซึ่งปัจจุบันประกอบอาชีพเป็นแม่ค้า หาเช้ากินค่ำ ให้เหตุผลกับเราเพียงสั้นๆว่า ไม่เคยรู้มาก่อนว่าลูกชายมีแนวคิดรุนแรง หรือเข้าไปมีส่วนร่วมกับม็อบเยาวชน เพื่อกระทำการขับไล่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะนิสัยส่วนตัว ลูกชายเป็นคนเงียบเรียบร้อย ไม่พูดไม่จากับใคร และไม่เคยแสดงความคิดเห็นทางด้านการเมืองให้ได้ยิน …เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจึงรู้สึกเสียใจมาก เพราะนอกจากจะเสียมือซ้ายไป 1 ข้าง ยังต้องเผชิญกับการติดเชื้อโรคระบาด โควิด 19 จึงอยากขอใช้เวลาดูแลลูกชายเงียบๆ เพียงลำพัง

บทเรียนความสูญเสียของผู้เป็นแม่ สะท้อนให้เห็นถึงความน่ากลัวที่กัดเซาะหยั่งรากลึกลงไปปลูกฝังจิตสำนึกเยาวชนด้วยข้อมูลที่ผิดเพี้ยนจากผู้อยู่เบื้องหลัง คอยนั่งหน้าคอมพ์ฯชักใยบงการปลุกระดมให้เด็กใช้ความรุนแรงปะทะเจ้าหน้าที่รัฐฯ ด้วยอุดมการณ์ ทางการเมืองที่มุ่งหมายทำลาย สถาบันพระมหากษัตริย์ ไทย… เมื่อเด็กกลายเป็นอาวุธสำคัญไว้ใช้ก่อการร้าย …. พ่อแม่ ผู้ปกครอง ก็ทำได้แค่ใส่ใจดูแลพฤติกรรมลูกหลาน มิให้หลงไปเป็นเหยื่อ

 

 

 

 

 

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เมียไรเดอร์ เปิดใจเสียงสั่น กลัวไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังรู้ข่าว หนุ่มอินเดียซิ่งเก๋งได้ประกันตัว ลั่น ‘คนมีเงินมันยิ่งใหญ่’
นายกฯ เปิดงาน Thailand Reception เชิญชวนสัมผัสเสน่ห์อาหารไทย ชูศักยภาพเศรษฐกิจ
จีนแห่ ‘โคมไฟปลา’ แหวกว่ายส่องสว่างในอันฮุย
"พิพัฒน์" ตรวจเยี่ยมเอกชน ต้นแบบอุตสาหกรรม ผลิตด้วยเทคโนฯ AI พร้อมเร่งนโยบาย up skill ฝีมือแรงงานไทย
ผู้นำปานามาลั่นคลองปานามาไม่ใช่ของขวัญจากสหรัฐ
จีนไม่เห็นด้วยหลังไทยยืนยันไม่มีแผนส่งกลับอุยกูร์ในขณะนี้
"ดีเอสไอ" อนุมัติให้สืบสวนคดี "แตงโม" ปมมีการบิดเบือน บุคคลอื่น-จนท.รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่
"พิพัฒน์" นำถก "คบต." ลงมตินายจ้างต้องยื่นบัญชีชื่อต้องการแรงงานต่างด้าว ให้เสร็จใน 13 ก.พ.68
ส่องรายได้ "ดิว อริสรา" หลัง "ไผ่ ลิกค์" เฉลยชื่อดาราดัง ปมยืมเงินปล่อยกู้ โซเชียลจับตา รอเจ้าตัวชี้แจง
ศาลให้ประกันตัว "หนุ่มลูกครึ่งอินเดีย" ขับรถชนไรเดอร์เสียชีวิต ตีวงเงิน 6 แสนบาท คุมเข้มใส่กำไล EM ภรรยาผู้ตาย ลั่นไม่ให้อภัย

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น