พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงศ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล / พลตำรวจตรี ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะโฆษก บช.น. พร้อมด้วยพันตำรวจเอกกฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมแถลงข่าวสรุปสถานการณ์การชุมนุม ของกลุ่มต่างๆทางการเมือง จากการเผชิญหน้าของตำรวจและกลุ่มผู้ชุมนุม ทำให้มีตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในกองร้อยควบคุมฝูงชนได้รับบาดเจ็บ 11 นาย โดยได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดของพลุ ปะทัดยักษ์ ระเบิดปิงปอง ลูกแก้ว ลูกหิน นอกจากนี้รถยนต์ของทางราชการถูกเผาทำลายทั้งหมด 8 คัน และป้อมสัญญาณจราจรถูกเผาและทุบทำลายทั้งหมด 12 แห่ง
ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่าเหตุการณ์เผาและทุบทำลายสถานที่ราชการ รวมถึงยานพาหนะ เป็นเรื่องที่ไม่สมควรกระทำ การกระทำดังกล่าวจะทำให้สูญเสียงบประมาณไปโดยใช่เหตุ ส่วนเหตุการณ์การชุมนุมเมื่อวานนี้(11 ส.ค.) ที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 17 คน เป็นชาย 15 คนหญิง 2 คน โดยทั้งหมดถูกดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง และข้อหา เจ้าพนักงานสั่งให้เลิกการชุมนุมแล้วไม่เลิก
ส่วนกรณีเหตุการณ์เผาทำลายรถควบคุมผู้ต้องขัง บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 64 ศาลอาญาได้ออกหมายจับผู้ต้องหา 2 คนประกอบด้วยนาย อาทิตย์ สากลวารี อายุ 20 ปี และนายน้ำเชี่ยว เนียมจันทร์ อายุ 20 ปี โดยนายอาทิตย์ให้การภาคเสธ อ้างว่ามีการขว้างระเบิดปิงปองใส่รถควบคุมผู้ต้องหาจริง แต่ไม่ได้เป็นสาเหตุทำให้เกิดเพลิงไหม้ ส่วนนายน้ำชี่ยวรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
จากการตรวจสอบประวัติ นายน้ำเชี่ยว นั้น เคยก่อคดีทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บ และอยู่ระหว่างการดำเนินคดี ซึ่งทั้งสองคน ถูกดำเนินคดีในข้อหาวางเพลิงเผาทรัพย์ และร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปจนเกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง / ความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บควบคุมโรค นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังเข้าตรวจค้นบ้านผู้ต้องหา พบระเบิดไทยประดิษฐ์ พลุเพลิง และเสื้อผ้าของผู้ต้องหาที่ใช้ในวันก่อเหตุ
ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยังกล่าวขอโทษประชาชนชาวแฟลตดินแดง ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์การชุมนุมและการปฎิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตลอดสองวันที่ผ่านมา ว่าในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชา หากการปฎิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจสร้างความเดือดร้อน ให้กับประชาชนในละแวกดังกล่าวที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุม ตนเองต้องขอโทษ ยืนยันการทำงานของตำรวจกระทำไปเพื่อต้องการควบคุมสถานการณ์และแก้ไขปัญหาเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะเข้าไปสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน
ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ ยืนยันว่า การปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่เป็นการทำงานบนพื้นฐานของข้อกฎหมาย ใช้อำนาจตามความจำเป็น ซึ่งตำรวจมีการเรียนรู้ถอดบทเรียน และมีการดำเนินการปรับแผน ระมัดระวังในการบังคับใช้กฎหมายอยู่แล้ว
ขณะที่ พล.ต.ต.ปิยะ ได้ฝากย้ำเตือนถึงผู้ที่เผยแพร่ข้อความภาพคลิปวีดีโอที่ผู้ชุมนุมคนหนึ่งถูกประทัดยักษ์ระเบิดใส่มือขณะที่กำลังจะปาใส่เจ้าหน้าที่ จนทำให้นิ้วมือขาด ทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว เจ้าหน้าที่ตำรวจขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยืนยันว่า เหตุการณ์ดังกล่าวผู้ชุมนุมที่ได้รับบาดเจ็บ รับวัตถุระเบิดมาจากชายอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้ชุมนุมด้วยกัน ไม่ได้เป็นตำรวจตามที่มีการกล่าวอ้างกันในโลกโซเชียล และขอให้ผู้ที่เผยแพร่ภาพ หยุดการเผยแพร่ภาพดังกล่าว เนื่องจากเป็นลักษณะเฟคนิวส์ และมีโทษตามกฎหมาย