วันที่ 11 เม.ย.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา ได้แสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว กรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ปรับแผนดำเนินการเร่งด่วนจัดหาและฉีดวัคซีน หลังมีคำสั่งตั้งคณะทำงานจัดหาวัคซีนโควิด ที่มี นพ.ปิยะสกล เป็นประธาน พร้อมดึงรพ.เอกชนเข้าร่วมด้วย โดยมีรายละเอียดว่า
“เมื่อถึงยามคับขันประชาชนต้องการผู้กล้าหาญ
เมื่อถึงคราวปรึกษางาน ต้องการผู้ที่ไม่พูดพล่าม
ยามมีข้าวน้ำ ต้องการผู้เป็นที่รัก
ยามเกิดปัญหา ต้องการบัณฑิต”
#ชื่นชมและขอบคุณนายกลุงตู่ที่ปรับแผนเร่งด่วนจัดหาและฉีดวัคซีน
ที่มีคำสั่งตั้งคณะทำงานพิจารณาจัดหาวัคซีนโควิดที่มี ศ.นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร เป็นประธานและนำภาคเอกชนมาร่วมด้วย วางเป้าหมายให้เสร็จใน 1 เดือน
เพื่อเป็นประโยชน์เสริมต่อจากที่ท่านนายกรัฐมนตรี ศบค. คณะอาจารย์แพทย์ที่ปรึกษาและคณะทำงานด้านวัคซีนและกระทรวงสาธารณสุข อาจทำไปมากแล้ว
จึงขอเสนอความเห็นเพิ่มเติมเพื่อพิจารณาทั้งข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงประกอบการพิจารณาปรับแผนฉุกเฉินดังนี้
1)นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการศบค ควรพิจารณาสั่งการให้ระดมฉีดวัคซีนชิโนแวค1.3 ล้านโดสให้เร็วที่สุดตามความเร่งด่วนดังนี้
1.1แบ่งการระดมฉีดวัคซีนให้กับจังหวัดที่ระบาดเป็นหนัก, กลาง, เบา
สัปดาห์แรกระดมฉีดวัคซีนให้บุคลากรทางการแพทย์และสายงานอื่นที่สัมผัสผู้ป่วย อย่างทั่วถึงภายในพื้นที่ระบาดหนัก
สัปดาห์ที่2 ระดมฉีดวัคซีนให้ประชาชนในจังหวัดระบาดหนักและฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์และสายงานอื่นที่สัมผัสผู้ป่วย ในจังหวัดระบาดปานกลาง
สัปดาห์ที่3 ระดมฉีดวัคซีนให้ประชาชนในจังหวัดระบาดปานกลาง และฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์และสายงานอื่นที่สัมผัสผู้ป่วย ในจังหวัดระบาดเบา
สัปดาห์สุดท้ายระดมฉีดให้ประชาชนในจังหวัดระบาดเบา
1.2 กำหนดพื้นที่ฉีดของประชาชน
1.2.1กรุงเทพฯอาศัยข้อมูลที่อยู่ของเคสที่พบอาการแล้วเป็นหมุดหมายขีดวงในเขต หรือแขวง
1.2.2 ต่างจังหวัด เขตเมือง ใช้หลักเดียวกับกทมใช้ขนาดวง
แค่ระดับตำบลอำเภอ ส่วนนอกเขตเมืองที่ประชากรไม่หนาแน่น ไม่ต้องเร่งระดมฉีด ใช้แค่มาตรการกักตัวได้
2)มาตรการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม
2.1 มอบคณะทำงานให้หน่วยงานที่ได้รับการยกเว้นตามพ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 .มาตรา13(5) ที่ยกเว้นให้กระทรวงทบวงกรมที่มีหน้าที่ในการป้องกันหรือบำบัดโรค สภากาชาดไทย องค์การเภสัชกรรม หรืออาจหมายรวมถึงโรงงานเภสัชกรรมทหาร ที่เคยได้รับการยกเว้นในภาวะสงคราม เพื่อสั่งนำเข้าวัคซีนจากผู้ผลิตอื่น
อาทิ Sputnik V จากรัสเซียหรือ Convidecia หรือเรียกในอีกชื่อว่า Ad5-nCoV ของ Cansino Biologics (จีน) หรือ Sinopharm (จีน) หรือ covaxin ของ Bharat Biotech / ICMR (อินเดีย) หรือ Pfizer (สหรัฐอเมริกา) / Biontech (เยอรมันนี) หรือ Moderna / National Institutes of Health (NIH) (สหรัฐอเมริกา)
เพื่อให้คณะทำงานวัคซีน และรพ.เอกชน มีทางเลือกและสรุปร่วมกันจะสามารถเจรจาซื้อจากผู้ผลิตรายใดที่ยอมขายให้ในราคาที่พร้อมสู้ในตลาด และฉีดให้กับประชาชนที่มีกำลังซื้อเพื่อลดภาระรัฐบาลบางส่วนอาจถึง5แสนถึง1ล้านคน ซึ่งจะช่วยเร่งเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันหมู่ให้มากขึ้นเร็วขึ้นครอบคลุมขึ้นแบบเดียวกับที่อังกฤษและหลายประเทศสร้างหลากหลายทางเลือกในการสั่งซื้อวัคซีน
2.2 ศบค ควรสั่งการให้สธ เร่งเจรจากับ Oxford (สหราชอาณาจักร) / AstraZeneca ที่ไทยได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีสูตรนี้ และกำลังผลิตอยู่
โดยขอความช่วยเหลือในการแลกเปลี่ยนวัคซีน AstraZeneca จากประเทศที่ผลิตได้มาก เช่นอินเดีย เกาหลี เพื่อขอยืมมาใช้ระดมฉีดเร่งด่วนก่อนในเดือนเม.ย. พ.ค.นี้ ประมาณ 5 แสน – 1 ล้านโดส โดยสยามไบโอไซน์ไทยจะผลิตภายใต้ข้อตกลงกับ Oxford (สหราชอาณาจักร) / AstraZeneca ส่งมอบคืนให้พร้อมส่วนต่างในห้วงเวลาที่สามารถผลิตได้เต็มขีดความสามารถแล้ว(200ล้านโดส/ปี)
จึงเรียนเสนอมาเพื่อโปรดพิจารณาตามที่เห็นสมควรต่อไปครับ
ด้วยความเคารพอย่างสูง
และ ขอร่วมเป็นกำลังใจให้คนไทยช่วยกันคิดร่วมกันสู้กับโรคร้ายโควิด
สมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา
ประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา
11 เม.ย. 2564
#ประเทศไทยต้องชนะคนไทยต้องร่วมกันจึงจะชนะครับ