จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังไม่มีท่าที “จะลดลง” แบบนี้ สิ่งสำคัญที่สุด ณ เวลานี้คือ โรงพยาบาล สถานที่ที่เป็นความหวังของผู้ป่วยโควิด ที่ผ่านมาเราจึงได้เห็นการ “แบ่งเตียง” ของโรงพยาบาล และจัดสร้างโรงพยาบาลสนามตามสถานที่ต่าง ๆ มากมาย เพื่อรองรับผู้ป่วยที่พบในแต่ละวันสูงถึงสองหมื่นคน
ล่าสุด เพิ่งเปิดดำเนินการรักษา โดยเลือกวัน “มหามงคล 12 สิงหาคม ” เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง คือ โรงพยาบาลสนามใต้ร่มพระบารมี ณ คลังสินค้าขาออกที่ 4 ท่าอากาศยานดอนเมือง
สำหรับการสร้างโรงพยาบาลสนามใต้ร่มพระบารมีแห่งนี้ เป็นความร่วมมือระหว่าง 4 หน่วยงาน ประกอบด้วย กองทัพอากาศ กระทรวงการคลังโดยกรมธนารักษ์ กระทรวงคมนาคมโดยบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) และโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ซึ่งสามารถรองรับผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด–19 ในกลุ่มสีเขียว ได้มากถึง 1,800 เตียง
ส่วนเจ้าของโครงการอันเป็นกุศลที่ยิ่งใหญ่นี้ คือ พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ซึ่งที่ผ่านมา “คุณหมอเหรียญทอง” เปิดหน้า ท้าชน กับทุกปัญหาที่ถาโถมเข้าใส่ เพื่อให้เกิด “โรงพยาบาลสนาม” ทั้งสามแห่งโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อรักษาชีวิตของ “พสกนิกรภายใต้ร่มพระบารมี” ซึ่งได้รับความทุกข์ยากจากการแพร่ระบาดของโควิด 19
พล.ต.นพ.เหรียญทอง เล่าที่มาของโครงการดังกล่าวว่า โรงพยาบาลแห่งนี้ เป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ที่เกิดจากการรวมพลังของจิตอาสาที่ต่างคนต่างมา โดยมีจุดมุ่งหมายเดียวคือ “การช่วยชีวิตคน” เพราะทุคนคือพสกนิกรใต้ร่มพระบารมีที่กำลังประสบความทุกข์ยาก และเชื่อว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศ์ษานุวงศ์ทุกพระองค์ทรงห่วงใยพสกนิกรของพระองค์ท่าน สิ่งที่เราทำขึ้นมาได้เพราะ “จิตอาสาพลังแผ่นดินทำความดีด้วยหัวใจ”
พลตรี นายแพทย์ เหรียญทอง เล่าต่ออีกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นสิ่งที่พสกนิกรภายใต้พระบารมี ร่วมมือร่วมใจกันทำ ทำให้เห็นความสามัคคี ทำให้เราได้รู้ว่าแม้จะเสียสละเงินทองคนละเล็กละน้อยแต่เมื่อมารวมกันก็มีจำนวนมาก เปรียบเหมือนมัดไม้ไผ่เข้ารวมกันมันก็จะแข็งแรง แข็งแกร่งและนี่คือ “พลังแผ่นดิน” และนี่คือความเข้มแข็งของสังคมไทยที่จะธำรงไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นเสาหลักของชาติ วันนี้เราจึงร่วมกันมาทำความดีด้วยหัวใจ ด้วยการรักษาชีวิตของพสกนิกรของพระเจ้าอยู่หัว ไว้ให้ดีที่สุด