อย่างที่ทุกคนรู้ว่าการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 14 พ.ค.2566 ถือเป็นการเลือกตั้งที่สำคัญอีกครั้งหนึ่งของประวัติศาสตร์การเมืองไทย และเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญของบ้านเมือง เพราะหลายพรรคมุ่งมั่นตั้งใจที่จะชนะการเลือกตั้งในคราวนี้ให้ได้ ด้วยเหตุนี้เลือกตั้งครั้งนี้จึงมีเดิมพันสูงมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา พรรครวมไทยสร้างชาติหมายมั่นปั่นมือจะเป็นรัฐบาลผลักดันบิ๊กตู่เป็นนายกฯสมัยที่ 3 ไปต่อ พรรคเพื่อไทยตั้งเป้าแลนด์สไลด์ 310 คนพาพ่อแม้วกลับบ้าน พรรคพลังประชารัฐตั้งเป้าเข็นลุงป้อมนั่งนายกฯคนที่ 30 สร้างประวัติศาสตร์นายกฯอายุมากสุด พรรคภูมิใจไทยหวังขยับตัวเป็นพรรคผู้นำรัฐบาลได้ส.ส.เกิน 100 พรรคประชาธิปัตย์หวังล้างอายกู้ภาพลักษณ์ที่ตกต่ำ ฯลฯ สารพัดความต้องการแต่ละพรรคแตกต่างกันไป
แต่ไม่ใช่ทุกพรรคจะประสบความสำเร็จได้เป็นรัฐบาลพร้อมๆกัน แม้ตอนนี้หลายพรรคจะพยายามส่งสัญญาณเป็นพันธมิตรกันทางการเมือง แต่ถึงเวลาต้องลงสนามเลือกตั้งกันจริงๆ ไม่มีทางที่จะจับมือดีกันได้แน่นอน พูดแบบนี้ขอยกตัวอย่างพรรคทักษิณกับพรรคเนวินขึ้นมาให้เห็นเป็นกรณีตัวอย่าง ก่อนหน้านี้ถ้าใครจำได้ 2 พรรคพยายามทอดไมตรีผูกสัมพันธ์กัน เพื่อไทยต้องหาพวกไว้ก่อนเพราะไม่มั่นใจว่าจะชนะเลือกตั้งแบบเลนด์สไลด์ได้ ถ้าจำได้ก่อนหน้านี้ตอนช่วงเพื่อไทยประกาศกวาดส.ส.250 คน ตอนนั้นแกนนำก็แบะท่าจับมือกับภูมิใจไทย พูดกันหนักถึงขั้นว่าทักษิณมีการต่อสายคุยกับเนวินกับอนุทินเพื่อจับมือกันตั้งรัฐบาล ถัดจากนั้นไม่นานเนวินก็ไปให้สัมภาษณ์รายการทางไทยพีบีเอส แบ่งรับแบ่งสู้การร่วมรัฐบาลระหว่างภูมิใจไทยกับเพื่อไทยว่ามีโอกาสเกิดขึ้นได้ และบอกว่าอนุทินไม่ได้ขัดแย้งหรือมีปัญหาอะไรกับทักษิณ สองพรรคสามารถทำงานร่วมกันได้
เรื่องทำท่าว่าจะดีอยู่แล้วแต่ไปๆมาๆ เพื่อไทยดันถูก พรรคขั้วเดียวกันอย่างพรรคก้าวไกล กับ พรรคไทยสร้างไทย ดักคอว่าลืมจุดยืนฝ่ายประชาธิปไตยกระเหี้ยนกระหือรืออยากเป็นรัฐบาลจนตัวสั่นถึงขั้นไปจับมือกับภูมิใจไทย งานนี้เพื่อไทยก็เสียรังวัดเสียคะแนนนิยมจากชาวบ้านบ้าน เพราะไปทอดสะพานแบบนี้ให้กับภูมิใจไทยและพลังประชารัฐของลุงป้อม งานนี้พอโดนพวกเดียวกันจับไต๋ได้หัวหมอแบบเพื่อไทยก็เลยเปลี่ยนเป้าแลนด์สไล์จาก 250 270 มาเป็น 310 คน แถมประกาศตั้งรัฐบาลพรรคเดียว ทั้งๆที่ความจริงก็รู้ว่าไม่มีทางเข่นไปถึงจุดนั้น ไม่มีทางที่จะไปถึงฝัน 310 คนได้แน่นอน ประเด็นเรื่องการจับมือระหว่างเพื่อไทยกับพลังประชารัฐหลังเลือกตั้งอันนี้พอเป็นไปได้ เพราะลุงป้อมก็กระสันเป็นนายกฯคนที่ 30 อยู่แล้ว ฝ่ายเพื่อไทยก็อยากเป็นรัฐบาลจนตัวสั่นได้พรรคลุงป้อมได้ส.ว.ไปหนุนโอกาสเป็นรัฐบาลก็ใกล้แค่เอื้อมแม้ต้องแลกด้วยการเอาเก้าอี้นายกฯให้ลุงป้อมก็ถือว่าคุ้มกับการได้อำนาจมาไว้ในมือ
แต่สำหรับกรณีของภูมิใจไทยนี้แตกต่างออกไป เพื่อไทย-ภูมิใจไทยเสมือน “น้ำกับน้ำมัน” ไม่มีทางที่จะเข้ากันได้ เอาจริงๆ ใครตามการเมืองจะรู้ดีว่า 2 พรรคน่าจะเป็นศัตรูถาวรระหว่างกันเสียมากกว่า อย่าลืมว่าคนจากภูมิใจไทยส่วนใหญ่ก็ออกมาจากพรรคพลังประชาชนเพราะทนความคับแค้นที่ต้องตกเป็นลูกไล่ทักษิณเป็นสมุนนายใหญ่เป็นขี้ข้าการเมืองไปตลอดกาลไม่ได้ เนวิน อนุทิน ทรงศักดิ์ เลยปลดแอกจากพรรคนายใหญ่มาตั้งพรรคของตัวเอง ตอนนั้นหากใครจำได้ พลังประชาชนตกสวรรค์เพราะ “ลุงหมัก” สมัคร สุนทรเวช ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้พ้นจากตำแหน่งเพราะรับเงินจัดจากการจัดรายการ “ชิมไปบ่นไป” สภามีการโหวตนายกฯใหม่ทักษิณดัน “น้องเขย” สมชาย วงศ์สวัสดิ์เป็นนายกฯ แต่ต่อมาสมชายก็โดนกลุ่มพันธมิตรฯขับไล่ สภามีการโหวตนายกฯรอบใหม่ รอบนี้แหละที่กลุ่มเพื่อนเนวินกับเสี่ยหนูย้ายขั้ว ออกมาสนับสนุนอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จนได้เป็นนายกฯ คนที่ 27 หลังชนะโหวตพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก จากเพื่อไทยเมื่อ 15 ธ.ค.2551
อย่างไรก็ตามพรรคเพื่อไทยฝ่ายทักษิณก็มาเอาคืนภูมิใจไทยได้ในเวลาแค่ 3 ปีเศษเท่านั้น หลังมีการเลือกตั้งใหญ่ในปี 2554 ตอนนั้นพรรคภูมิใจไทยประกาศจับมือกับพรรคสีฟ้าของอภิสิทธิ์และมั่นใจมากว่าจะชนะการเลือกตั้งและได้เป็นรัฐบาลต่อไป พรรคสีฟ้ามั่นใจได้เกินร้อยแน่นอน ส่วนฝ่ายภูมิใจไทยก็เคาะตัวเลขว่าจะชนะเกิน 70 ที่นั่ง อย่างไรก็ตามผลการเลือกตั้ง 3 ก.ค.2554 ไม่ได้ออกมาอย่างที่คิด แม้ประชาธิปัตย์ของอภิสิทธิ์จะกวาดมาได้ถึง 159 คน เรียกว่ามาตามเป้า แต่อนิจจาภูมิใจไทยชนะเลือกตั้งได้ส.ส.มาแค่ 34 คนเท่านั้นห่างจากเป้า 70 คนที่คุยกันไว้ไปมาก ที่สำคัญเพื่อไทยได้กระแสนารีขี่ม้าขาวของยิ่งลักษณ์กวาดส.ส.ไป 265 คน ที่สุดเจ๊ปูว์เลยได้เป็นรัฐบาล พร้อมถีบหัวส่งประชาธิปัตย์กับภูมิใจไทยให้ไปเป็นฝ่ายค้านแบบเจ็บช้ำ อย่างไรก็ตามพอถึงการเลือกตั้ง 24 มี.ค.2562 ภูมิใจไทยก็มาเอาคืนเพื่อไทย หลังนำ 51 เสียงสนับสนุนบิ๊กตู่เป็นนายกฯปล่อยเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้านร่วมกับอนาคตใหม่ อนุทิน-เนวินค้ำบัลลังก์พล.อ.ประยุทธ์เป็นรัฐบาลจนครบ 4 ปี
มาถึงการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ภูมิใจไทยตั้งเป้ากวาดส.ส.ให้มากที่สุด วางเป้าหมายเป็นแกนนำจดตั้งรัฐบาล เป็นต้นขั้วใหม่ฝ่ายรัฐบาลปัจจุบัน เบื้องต้นตั้งเป้าได้ส.ส.เกินร้อย เพราะในมือตอนนี้เสี่ยหนูมีส.ส.เขต 70-80 คน ยังไม่รวมส.ส.บัญชีรายชื่อ บวกลบคูณหารมั่นใจว่าจะได้ส.ส.สามหลัก คือได้ร้อยขึ้นไม่งั้นเสี่ยหนูไม่กล้าออกมาพูดในวันครบรอบสถาปนา 15 ปี พรรคแน่นอน วงในระบุว่าภูมิใจไทยกับประชาธิปัตย์จับมือเป็นพันธมิตรทางการเมืองมานาน เบื้องต้นสองพรรคตั้งเป้าว่าเลือกตั้งเที่ยวนี้จะคว้าส.ส.ให้ได้ 180 คน ภูมิใจไทย 110-120 คน ประชาธิปัตย์ 60-70 คน รวมกันให้ได้สัก 180 คน พอจะมีอำนาจต่อรองกับรวมไทยสร้างชาติและพลังประชารัฐ ที่สองพรรคมีแต้มต่อสำคัญคือมีส.ว.250 คน อยู่ในมือ ต่างขั้วก็ว่าสู้กันหนักแล้ว ขั้วเดียวกันก็สู้กันหนักหนาไม่แพ้กัน แต่ระหว่างภูมิใจไทยกับเพื่อไทยนั้นบอกได้เลยว่ายากที่จะจับมือกัน เพราะต่างก็เป็นศัตรูคู่แค้นกัน “มิตรไม่แท้-ศัตรูถาวร” เลือกตั้งอีสานรอบนี้ 133 ที่นั่งบอกเลยเพื่อไทยอย่าคิดว่าง่ายที่จะกวาดเกินร้อย เพราะมีทั้งไทยสร้างไทยของเจ๊หน่อย ก้าวไกลของสามกีบ พลังประชารัฐของลุงป้อม ที่สำคัญยังมีกระดูกชิ้นโตมีก้างขวางคออย่างภูมิใจไทย ที่พร้อมหายใจรดต้นคอเพื่อแม้วคอกชินทุกเขตทุกพื้นที่ นายกฯคนที่ 30 อย่าคิดว่ามีแต่ “บิ๊กตู่-ลุงป้อม-อุ๊งอิ๊ง-เศรษฐา” เท่านั้น อนุทินก็พร้อมพลิกเกมส์มีลุ้นเช่นกัน อะไรๆก็เกิดขึ้นได้
///////////////////////////