สืบเนื่องจาก ที่ประชุม คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย มีมติจะมี หนังสือจากกกร. ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะ ประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เพื่อให้ภาครัฐทบทวนค่าเอฟที (Ft) หรือค่าไฟฟ้าผันแปร งวด 2 ( พ.ค.- ส.ค.66 ) ที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เคาะค่าเอฟที 98.27 สตางค์/หน่วย ประชาชน ภาคธุรกิจ ใช้ค่าไฟฟ้าอัตราเดียว 4.77 บาทต่อหน่วย
วันนี้ (10 เม.ย.66) นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยกับทีมข่าว TOPNEWS ว่า กกร. ได้มีการยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านทางสำนักนายกรัฐมนตรี แล้วในช่วงก่อนเที่ยง วันนี้ (10 เม.ย.66)
นายอิศเรศ ระบุว่า คาดหวังว่านายกรัฐมนตรี จะมีการสั่งให้เรกกูเรเตอร์ มีการทบทวนราคาค่าไฟฟ้า ในงวดเดือนพ.ค.-ส.ค.66 จากช่วงราคาพลังงานขาลง บวกกับการใช้ของครัวเรือนที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงพีค อย่างไรก็ตาม อยู่ที่นายกรัฐมนตรี ว่าจะคิดอย่างไรระหว่างราคาที่สูง ผู้ได้ประโยชน์คือโรงไฟฟ้าเอกชน กับ EGAT แต่ผู้ที่เดือดร้อนคือ ภาคประชาชน และภาคธุรกิจอื่นที่เป็นฝั่งดีมานด์ โดยจะสามารถปรับราคาลงมาให้สอดคล้องกับต้นทุนค่าไฟฟ้าที่แท้จริงได้หรือไม่ ทั้งนี้ คาดหวังจะมีทางออกที่ดีเพื่อลดปัญหาค่าไฟฟ้าที่สูงเกินความเหมาะสม มองว่าเป้าหมายค่าไฟฟ้าไม่ควรเกิน 4.40 บาทต่อหน่วย นอกจากนี้ มองว่า หากค่าไฟฟ้ายิ่งลดต่ำลง จะสามารถช่วยลดการใช้งบในการอุดหนุนกลุ่มเปราะบาง ได้ด้วย
ทั้งนี้สืบเนื่องจากที่ประชุมคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ครั้งที่ 15/2566 (ครั้งที่ 843) เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2566 มีมติรับทราบผลการรับฟังความคิดเห็นค่าเอฟที (Ft) และได้พิจารณากรณีศึกษาการปรับค่าเอฟทีขายปลีก สำหรับเรียกเก็บในงวดพฤษภาคม – สิงหาคม 2566 โดยมีมติเห็นชอบค่า Ft เป็นอัตราเดียวกันสำหรับบ้านที่อยู่อาศัยและผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทอื่นๆ เท่ากับ 98.27 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยรวมอยู่ที่ 4.77 บาทต่อหน่วย