“ชูวิทย์” ร้องสภาทนายฯ สอบมรรยาท “ทนายตั้ม” จี้ลบชื่อ เพิกถอนใบอนุญาตว่าความ

“ชูวิทย์” ร้องสภาทนายฯ สอบมรรยาท “ทนายตั้ม” จี้ลบชื่อ เพิกถอนใบอนุญาตว่าความ

วันนี้ (10 เม.ย. 66) ที่สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ เดินทาง เข้ายื่นหลักฐานต่อคณะกรรมการมรรยาทนาความ เพื่อให้สอบมรรยาททนายความของ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม
โดยมี นายวัชระ สุคนธ์ กรรมการมรรยาททนายความ และ นายสมพร ดำพริก อุปนายกฝ่ายช่วยเหลือทางกฎหมาย สภาทนายความฯ เป็นตัวแทนรับคำร้อง

เนื่องจากเห็นว่า พฤติกรรมของนายษิทรา ไม่เหมาะสมกับการเป็นทนายความ จึงมายื่นคำร้อง เพื่อขอให้สภาทนายความลบชื่อนายษิทราออกจากการเป็นทนายความ เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง อีกทั้งยังเห็นว่า มีทนายความโซเชียลฯ อีกหลายคนที่มีพฤติกรรมเหมือนกับนายษิทรา ที่ชอบให้สัมภาษณ์ ไลฟ์สด หรือออกรายการโทรทัศน์ชี้นำสังคมในคดีต่างๆ ซึ่งอาจเข้าข่ายผิดมรรยาททนายความเช่นกัน

ด้าน นายสมพร เปิดเผยว่า หลายครั้ง ที่ทนายตั้มแถลงข่าวออกสื่อซึ่ง ส่วนตัว เห็นว่าไม่สมควร และเข้าข่ายผิดมรรยาททนายความ ซึ่งต้องนำเสนอต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณาต่อไป ขณะที่ทนายความคนอื่นก็ต้องวางตัวให้เหมาะสมเช่นกัน สำหรับการพิจารณาลงโทษทนายความที่ทำผิดมรรยาททนายความ มี 4 ระดับ คือว่า กล่าวตักเตือน , ภาคทัณฑ์ , พักใบอนุญาต ไม่เกิน 3 ปี และโทษหนักสุดคือลบชื่อออกจากการเป็นทนายความ โดยการว่ากล่าวตักเตือน และภาคทัณฑ์ นั้นยังสามารถว่าความได้ แต่ความผิดที่ถูกพักใบอนุญาตและลบชื่อออกจะเป็นทนายความนั้น ห้ามว่าความโดยเด็ดขาด

ข่าวที่น่าสนใจ

ด้านนายวัชระ เปิดเผยว่า โดยส่วนตัวแล้ว พฤติกรรมของนายษิทรานั้นถือว่าเข้าข่ายผิดมรรยาททนายความ ซึ่งจะต้องนำคำร้องให้คณะกรรมการมรรยาททนายความพิจารณา เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
สำหรับทนายความที่ ถูกลบชื่อออกจากการเป็นทนายความ ยังมีสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ไปยังรัฐมนตรีว่าการยุติธรรม เพื่ออุทธรณ์คำสั่งของสภาทนายความ หากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมยังมีความเห็นเหมือนเช่นเดียวกับสภาทนายความ ก็ยังสามารถฟ้องศาลปกครอง เพื่อพิจารณาต่อไป

และหากครบกำหนด 5 ปี ที่ถูกลบชื่อออกจากการไปทนายความ สามารถยื่นเรื่องขอเป็นทนายความกับสภาทนายความได้ แต่ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของคณะกรรมการจะพิจารณาว่า สมควรจะให้กลับมาเป็นทนายความได้อีกหรือไม่อย่างไร

อย่างไรก็ตาม ประชาชนที่มีข้อมูล เกี่ยวกับทนายความที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายผิดมรรยาททนายความ สามารถร้องเรียนมานยังคณะกรรมการมรรยาททนายความได้ สภาทนายความพร้อมจะดำเนินการตรวจสอบทันที

สำหรับปมเหตุ ที่ทำให้นายชูวิทย์ ต้องเข้าร้องกรรมการมรรยาททนายความ เพื่อสอบมรรยาททนายความ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เนื่องจาก นายษิทรา ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนหลายครั้ง โดยใส่ความว่า นายชูวิทย์ได้รับเงินจากสารวัตรซัว และเครือเว็บพนันนออนไลน์ กว่า 10 ล้านบาท และนำไปฟอกเงินด้วยการบริจาคให้โรงพยาบาล 2 แห่ง ทำตัวเหมือนโรบินฮู้ด ปล้นเงินคนรวยมาให้คนจน ขณะที่บุตรชายของนายชูวิทย์ รับเงินสกุลดิจิทัลจำนวน 50 ล้านบาท จากเครือข่ายเว็บพนันเช่นกัน จนกระทั่ง กลายเป็นประเด็นตอบโต้กันไปมาผ่านสื่อหลักและสื่อโซเชียลฯ และมีการนำสื่อข่าวผ่านสื่อต่างๆอย่างต่อเนื่อง

ซึ่ง นายษิทรา เป็นทนายความ ไม่มีเหตุผลใด ที่จะต้องตั้งโต๊ะแถลงข่าวประจานนายชูวิทย์ การกระทำของนายษิทรา ทำให้นายชูวิทย์ เสื่อมเสียชื่อเสีย ถูกดูหมิ่น หรือเกลียดชัง และเป็นการทำละเมิดต่อนายชูวิทย์ ยังเป็นการกระทำผิดมรรยาททนาย ตาม พรบ. ทนายความ พ.ศ.2528 ว่าด้วยข้อบังคับสภาทนายความ ว่าด้วยมรรยาทนายความ พ.ศ. 2529 หมวด 4 มรรยาทต่อทนายความด้วยกัน ต่อประชาชนผู้มีอรรถคดี และอื่นๆ “ข้อ 18 เป็นทนายความ แต่ประกอบอาชีพ ดำเนินธุรกิจ หรือประพฤติตนอันเป็นการฝ่าฝืนต่อศีลธรรมอันดี หรือเป็นการเสื่อมเสียต่อศักดิ์ศรีและเกียรติคุณของทนายความ”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"พิชัย" หารือ "รมต.พาณิชย์-อุตสาหกรรม" บาห์เรน ยกระดับสัมพันธ์การค้า จัดทำ FTA เชื่อม 2 ปท.
‘ซัวเถา’ จัดมหกรรมดอกไม้ไฟสุดยิ่งใหญ่รับตรุษจีน
เม็กซิโก-แคนาดา-จีนประกาศสงครามการค้ากับสหรัฐ
ทรัมป์ไฟเขียวกำแพงภาษีแคนาดา เม็กซิโกและจีนแล้ว
สรุปผล 47 นายกอบจ. "เพื่อไทย" คว้าชัย 10 ที่นั่ง "ภูมิใจไทย" 9 สู้สูสี "ปชน." ได้แค่ 1 ที่
ผู้โดยสารดับยกลำจากเหตุเครื่องบินกู้ชีพตกที่สหรัฐ
ทบ.ร่วม สตช. ประสานเมียนมา ช่วยเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวฮ่องกง 1 ราย
พรรคปชน.ช้ำ! ส่งเลือกตั้งนายกอบจ.17 จังหวัด คว้าชัยแค่ลำพูน
รวมไทยสร้างชาติ คว้าชัยนายกอบจ. 5 จังหวัด
"นิด้าโพล" เผยคนกรุงฯส่วนใหญ่ ชี้ขึ้นฟรีรถไฟฟ้า-เมล์ขสมก.ลดฝุ่นไม่ได้ผล มาตรการรัฐขาดประสิทธิภาพ

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น