สหรัฐยุติภาวะฉุกเฉินโควิด-19

ไบเดนลงนาม ยุติภาวะฉุกเฉินของโควิด-19 ในสหรัฐ แม้จะมีผู้เสียชีวิตรายวันจากโควิดเฉลี่ยที่กว่า 200 คน คาดการณ์ว่า จะมีคนจน สูญเสียการคุ้มครองทางสุขภาพไปกว่า 15 ล้านคน

ทำเนียบขาวแห่งสหรัฐออกแถลงการณ์สั้นๆ รายงานว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ลงนามในมาตรการยุติภาวะฉุกเฉิน ด้านสาธารณสุขแห่งชาติ เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐ อย่างเป็นทางการแล้ว แม้ว่ากำหนดการเดิมนั้น ไบเดนมีแผนจะขยายเวลาภาวะฉุกเฉินออกไปจนถึงวันที่ 11 พฤษภาคมก็ตาม ทั้งนี้ ตามข้อมูลของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (หรือ CDC) ระบุว่า ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา โควิด-19 ได้คร่าชีวิตพลเมืองในสหรัฐไปกว่า 1.1 ล้านคน และจนถึงสิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ก็ยังผู้เสียชีวิตจากโควิดที่ประมาณ 230 คน ในแต่ละวัน แต่ก็จัดว่าน้อยลงอย่างมาก เมื่อเทียบกับจุดสูงสุดของการเสียชีวิตในปี 2021 ที่แต่ละวันอยู่ที่ 3,400 คน

สำหรับการประกาศภาวะฉุกเฉินโควิด-19 ในสหรัฐนั้น นายอเล็กซ์ อาซาร์ รัฐมนตรีสาธารณสุขในขณะนั้น ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขในเดือนมกราคม 2020 เพื่อให้มีความยืดหยุ่นในการจัดการโควิดได้มากขึ้น ต่อมา อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2020 ซึ่งอนุญาตให้รัฐบาลกลางระดมทรัพยากร และให้การสนับสนุนสำหรับกิจกรรมเกี่ยวกับโควิด ที่นอกเหนือจากขอบเขตที่สาธารณสุขทำอยู่ เช่น การประกาศขยายกำหนดเวลาสำหรับคนงาน ในการลงชื่อสมัครใช้ประกันสุขภาพหลังออกจากงาน

ทั้งนี้ โดยปกติแล้ว รัฐจะประเมินเป็นประจำว่า ผู้ที่ลงทะเบียนในโครงการเมดิเคด (Medicaid) ซึ่งเป็นโครงการสุขภาพสำหรับคนจนของรัฐบาลนั้น ผู้ที่ลงทะเบียนยังมีสิทธิ์อยู่หรือไม่ โดยตรวจสอบข้อมูลของผู้ลงทะเบียน ตั้งแต่รายได้ไปจนถึงขนาดครัวเรือน แต่ในการระบาดใหญ่ สภาคองเกรสได้เพิ่มเงินทุนให้รัฐบาลกลางอย่างมากมาย เพื่อตอบสนองไปในโครงการเมดิเคดของรัฐ และนอกเหนือจากนั้น รัฐยังได้ทำการระงับกระบวนการ การตรวจสอบการลงทะเบียน ในช่วงระยะเวลาของภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขด้วย ซึ่งการผ่อนคลายนี้ ได้เพิ่มโอกาสให้พลเมืองในทุกรัฐ ได้ลงทะเบียนเมดิเคดมากขึ้น ซึ่งทำให้การลงทะเบียนในโครงการเมดิเคด และโครงการประกันสุขภาพเด็กที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้น 28 เปอร์เซ็นต์ นับตั้งแต่การระบาดเริ่มต้นขึ้น

อย่างไรก็ดี ในสิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สภาคองเกรสได้กำหนดให้โครงการเมดิเคดกลับมามีความเข้มงวดมากขึ้น และตอนนี้ในบางรัฐ ได้เริ่มกระบวนการกำหนดคุณสมบัติโครงการเมดิเคดใหม่กันแล้ว ส่วนบางรัฐก็กำหนดที่จะเริ่มในช่วงฤดูร้อนที่กำลังจะมาถึงในเดือนหน้า ซึ่งการที่โครงการเมดิเคด จะมีการตรวจสอบที่ละเอียดขึ้นนั้น ทางมูลนิธิครอบครัวไกเซอร์ ของสหรัฐ จึงได้มีการประมาณการออกมาว่า จากนี้ จะมีคนที่ต้องสูญเสียสิทธิ์จากโครงการเมดิเคดที่ระหว่าง 5 – 14 ล้านคน ขณะที่กรมอนามัยประเมินว่าอาจมีคนที่ถูกถอดถอนออกจากโครงการมากถึง 15 ล้านคน

ในส่วนของวัคซีนนั้น รัฐบาลสหรัฐเป็นผู้จัดซื้อวัคซีนและสนับสนุนการรักษาโควิด-19 ตลอดช่วงการแพร่ระบาด แต่ต่อไป หากสภาคองเกรสไม่อนุมัติเงินทุน ทั้งการรักษาและวัคซีน ก็จะเป็นการที่ประชาชน ต้องมีแผนประกันสุขภาพเอกชน หรือโครงการสุขภาพของรัฐบาลกลางอย่าง เมดิเคด ส่วนผู้ที่ไม่มีประกันใดๆเลย ก็ต้องจ่ายเองทั้งหมด แต่ในส่วนของเด็กนั้น โครงการวัคซีนสำหรับเด็กของ CDC จะยังคงให้บริการสร้างภูมิคุ้มกันฟรีแก่เด็กๆ ต่อไป

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน
สถาปนาเขตพื้นที่คุ้มครองฯ ชาติพันธุ์ชุมชนชาวเลโต๊ะบาหลิว

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น