11 เม.ย.66 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายหาเสียงเงินดิจิทัล ของพรรคเพื่อไทย คิดว่าทำได้หรือไม่ ในฐานะที่เป็นรัฐบาลมา 8 ปี ว่า วันนี้ได้ให้โอกาสหน่วยงานด้านเศรษฐกิจการเงินการคลังมาชี้แจง แต่ตนไม่ได้อยากไปอะไรกับใคร เพราะเป็นเรื่องของการหาเสียงของแต่ละพรรค วันนี้มาพูดคุยถึงการรักษาเสถียรภาพทางการเงินการคลังของประเทศ และการใช้จ่ายของประเทศที่ผ่านมา เราใช้จ่ายอย่างไร เพื่อจะพุ่งเป้าไปยังผู้ที่เดือดร้อน ทำให้เกิดรายได้ เรื่องการประกอบอาชีพต่าง ๆ เพิ่มเติมด้วย ไม่ใช่ให้เงินอย่างเดียว โดยจะเห็นได้ว่าในส่วนที่เป็นบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) เป็นเรื่องของรัฐบาลที่ร่วมทำกันมาแล้ว ซึ่งก็ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนไปได้มากพอสมควร
ทั้งนี้ต้องดูเม็ดเงินว่าจะสามารถทำอะไรได้อีก ฉะนั้นงบประมาณต่าง ๆ ของปี 2567 ตั้งไปแล้ว ถ้าจะไปแก้ไขอะไรต้องไปแก้กันในสภาฯหน้า เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นกฎหมายเป็นระเบียบที่ต้องทำ งบประมาณไว้ก่อนล่วงหน้าในปี 2567 โดยจะต้องนำสิ่งต่าง ๆ ที่จะต้องทำต่อในเรื่องการลงทุนต่าง ๆ ที่มีกฎหมายชัดเจนการลงทุนกี่เปอร์เซ็นต์การใช้งานกี่เปอร์เซ็นต์ และมีงบประมาณเหลือเท่าไหร่ที่จะทำโครงการใหม่ รวมถึงงบประมาณการใช้หนี้ การเติมเงินคงคลัง ที่เราสำรองจ่ายไปในช่วงสถานการณ์ โควิด-19 ฉะนั้นต้องมองในบริบทใหญ่ วันนี้ถ้าเรามองในภาพรวมจะเห็นว่าเศรษฐกิจเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ซึ่งคำว่าดีขึ้นไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะร่ำรวยทั้งหมด เพียงทำให้สถานะทางการเงินการคลังของเราแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น สิ่งที่เห็นได้คือการท่องเที่ยว ที่มีคนเข้ามาหลาย 10 ล้านคน การจองเครื่องบินเข้ามาหลายหมื่นไฟล์ ในช่วงโลว์ซีซั่น
ถือเป็นการจัดหารายได้เพิ่มเติม ซึ่งเราจะต้องเตรียมความพร้อมประเทศของเรา เพื่อรองรับการท่องเที่ยวตลอดจนการลงทุนใหม่ โดยบีไอไอเผยสถิติช่วงต้นปีที่ผ่านมาสูงขึ้นถึง 40 กว่าเปอร์เซนต์หลายแสนล้านบาท และยังมีการลงทุน จากภายนอกประเทศเข้ามาอีก รวมถึงเรื่องอุตสาหกรรมใหม่ ๆ รถไฟฟ้า แบตเตอรี่สถานีเติมไฟต่าง ๆ มีครบทุกอัน