“ดร.ธนวรรธน์” ถามเพื่อไทย แจกเงินดิจิทัลคุ้มค่าหรือไม่ งบฯกว่า 5 แสนล้านมาจากไหน

“ดร.ธนวรรธน์”ชี้พรรคการเมือง ต้องสร้างความชัดเจน แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เหตุอาจกระทบงบกลาง พร้อมตั้งคำถาม นำงบมาใช้นโยบายลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันประเทศ คุ้มค่ากว่าหรือไม่

 

 

วันนี้ (11 เม.ย.66) รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ แสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายของพรรคเพื่อไทย ในการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท ให้คนไทยอายุ 16 ปี ขึ้นไป ใช้ได้ภายใน 6 เดือน ในร้านค้ารัศมี 4 กิโลเมตร กระตุ้นเศรษฐกิจระดับชุมชน คาดใช้เงิน 5.5 แสนล้านบาทว่า ต้องยอมรับว่านโยบายของพรรคเพื่อไทยเมื่อมีการนำเสนอต่อสาธารณะชน จะเป็นแคมเปญที่มีคนติดตามเยอะ โดยจะสังเกตได้ว่านโยบายของพรรคเพื่อไทยจะเป็นนโยบายที่กระชากความคิดเห็นของคนและความรู้สึกคนมากกว่า พรรคการเมืองอื่น จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยได้มีการออกนโยบายมา 2 นโยบาย จะได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ทั้งบวกและลบ ทั้งนโยบายการขึ้นค่าแรง 600 บาทต่อวัน ทำให้ภาคธุรกิจได้ออกมาให้ความเห็นว่าการขึ้นค่าแรง 600 บาท เป็นการเพิ่มภาระให้กับภาคธุรกิจ ทำให้พรรคเพื่อไทยได้ออกมาให้รายละเอียดว่า การดำเนินการดังกล่าวไม่ใช่เป็นการดำเนินการทันทีทันใดแต่เป็นในรูปแบบค่อยเป็นค่อยไป

ข่าวที่น่าสนใจ

และนโยบายที่เป็นที่หวือหวา และกลบนโยบายของพรรคการเมืองอื่น คือ นโยบายการเติมเงินดิจิทัล ซึ่งได้รับการวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุด จากประชาชน นักวิชาการ และภาคธุรกิจ ซึ่งหลังการวิพากษ์วิจารณ์ พรรคเพื่อไทย มีรายละเอียดเพิ่มเติมออกมา ทำให้การวิพากษ์วิจารณ์ ถูกแบ่งออกเป็น 2 เรื่อง คือ 1.เทคนิคการออกเงินดิจิทัล และ ความคุ้มค่าและความจำเป็น โดยในทางเทคนิค คือ สามารถดำเนินการได้ถูกต้องตามกฎหมายใช่หรือไม่ ซึ่งการออกกฎหมายทำโดยรัฐบาลและรัฐสภารวมถึงจะต้องมีการออกเป็นพระราชบัญญัติหรือออกเป็นกฎหมาย หรือออกในรูปแบบไหนซึ่งยังมีคำถามและกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องนี้อยู่และยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนมากนัก

 

 

 

 

2. การออกเงินสกุลดิจิทัล จะต้องอยู่ภายใต้กลไกธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) หรือไม่ เพราะเป็นการเติมปริมาณเงินเข้าไปในระบบเศรษฐกิจซึ่งจะต้องอยู่ภายใต้กรอบของธปท. ดังนั้น จะต้องดูว่านโยบายที่ออกมานั้นธนาคารแห่งประเทศไทยมีความผูกพันหรือไม่ และในการออกสกุลเงิน ดิจิทัล ปัจจุบัน ทางพรรคการเมืองได้มีการปรึกษาธปท. ก่อนหรือไม่ หรือ เมื่อเป็นรัฐบาลแล้วจะปรึกษาธปท. แล้วผลเป็นอย่างไร และอำนาจอยู่ที่ธปท. มากแค่ไหน และธปท.มีความสามารถที่จะยอมรับหรือปฏิเสธในเรื่องนี้ ซึ่งขณะนี้ ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องนี้ออกมา

 

รศ.ดร.ธนวรรธน์ กล่าวอีกว่า รูปแบบการออกเงินสกุลดิจิทัล ไม่ได้มีเทคนิคที่น่ากังวลมาก ไม่ว่าการออกเป็นบลอกเชน หรือ ออกเป็นโทเคน หากมีกฎหมายหรือ แนวปฏิบัติรองรับก็สามารถออกได้ เพราะเป็นเรื่องสื่อกลางหนึ่งในการที่จะโอนอำนาจซื้อไปยังประชาชนและสื่อกลางนั้นจะทำหน้าที่รายรับของผู้ค้าและสามารถนำไปแลกเงินจากธนาคารได้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่ในทางเทคนิคที่ไม่ได้มีการพูดคุยกันมากนัก คือ การออกเงินดิจิทัลให้คนไทยที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ประมาณ 50 ล้านคน มีความจำเป็นหรือไม่ และทุกคนมีความสามารถที่จะได้เงินโทเคนหรือไม่ และในส่วนของร้านค้าทุกร้านค้าจะได้สิทธิ์เช่นเดียวกับประชาชนหรือไม่ และสามารถรับโทเคนได้จริงหรือไม่ ต้นทุนไม่สูงขึ้นใช่หรือไม่ ขณะที่ร้านค้าในรัศมี 4 กิโลเมตร ทุกร้านค้า ประชาชนสามารถใช้สิทธิ์ได้ทุกพื้นที่หรือไม่ ซึ่งถือเป็นเรื่องของเทคนิค

 

 

นอกจากนี้ ตามกฎหมายได้ระบุไว้ว่า การดำเนินการของพรรคการเมือง รูปแบบในการทำจะทำอย่างไร มีการนำงบประมาณมาจากส่วนใด มีความคุ้มค่าหรือไม่ และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเป็นเช่นไร ซึ่งมองว่าจะมีการระบุในกฎหมาย หรือ ราชกิจจานุเบกษาเรียบร้อย

 

ดังนั้น พรรคการเมืองจะสามารถดำเนินการในการตอบสนองคำตอบของประชาชนได้ทันที ไม่ว่า จะนโยบายเงินดิจิทัล จะนำเงินมาจากไหน 5 แสนล้านบาท จะใช้เงินจากงบประมาณ จะทำให้งบประมาณขาดดุลเพิ่มเติมหรือไม่ และการใช้เงินยังอยู่ในกรอบวินัยทางการเงินการคลังหรือไม่ หรือเงิน 5 แสนล้านบาท ที่ใกล้เคียงงบลงทุนที่ประมาณ 6-7 แสนล้านบาท จะถูกโอนให้เป็นอำนาจซื้อประชาชน ควรจะถูกโอนไปยังการบริโภคหรือการลงทุนมากกว่ากัน

 

และเงิน 5 แสนล้านบาทดังกล่าว เหตใดจึงไม่ถูกนำไปใช้ในเชิงของการลงทุน ซึ่งแต่ละปี ประเทศไทยต้องการการลงทุนเพื่ออนาคตจำนวนมาก พร้อมตั้งคำถามว่า เม็ดเงินดังกล่าวถูกใช้อย่างคุ้มค่ากว่านโยบายอื่นจริงหรือไม่ คุ้มค่ากว่านโยบายของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้ประเทศหรือไม่ และ เหตุใดไม่นำเงินดังกล่าวมาสร้างโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่ประเทศต้องการพัฒนา ให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันสูงมากขึ้น เพราะไทยเป็นที่ 3 ในอาเซียน รองจากมาเลเซีย และสิงคโปร์ ทำไมเราไม่นำไปสร้างโครงสร้างพื้นฐาน

ขณะเดียวกันในเรื่องของงบกลางที่วางไว้ประมาณ 7-8 แสนล้านบาท การทำนโยบายเงินดิจิทัลภายใน 6 เดือนจะทำให้งบกลางของประเทศหมดลงหรือไม่ และมีงบฉุกเฉินอย่างไร ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะต้องตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้ เพราะสังคมไทยยังไม่ได้คำตอบ ซึ่งนโยบายการหาเสียงของพรรคการเมืองจะต้องมีที่มาที่ไปรองรับ ตามกฎหมายที่วางไว้ด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ไทยตอนบนอากาศยังหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 12 องศา ใต้เจอฝนฟ้าคะนองบางแห่ง กทม. มีหมอกบางตอนเช้า ร้อนสุด 31 องศา
ฮีโร่โอลิมปิคเหรียญทองน้องอร “ฉายาสู้โวย” ร่วมแข่งขันกีฬาพื้นบ้าน ในงานกีฬาประจำปีอบต.ไทยสามัคคี พร้อมลงแข่งขันตีกอล์ฟบก สร้างความสนุกสนานเฮฮา
"สธ." ยันพบชาวเมียนมา ป่วยอหิวาฯ รักษาฝั่งไทย 2 ราย อาการไม่รุนแรง
สุดทน "พ่อพิการ" ร้อง "กัน จอมพลัง" หลังถูกลูกทรพี ใช้จอบจามหัว-ทำร้ายร่างกาย จนนอน รพ.นับเดือน
สลด กระบะชนจยย.พลิกคว่ำตก "ดอยโป่งแยง" เชียงใหม่ เจ็บตายรวม 13 ราย
“สมศักดิ์” ยกนวดไทยเป็นมรดกชาติ สร้างมูลค่าเศรษฐกิจสุขภาพ เล็งพาหมอนวดโกอินเตอร์ โชว์ฝีมืองาน เวิลด์เอ็กซ์โปโอซาก้า ญี่ปุ่น
ห่ามาแล้ว! “แม่สอด” พบติดเชื้ออหิวาต์ เผยญาติฝั่งพม่าซื้อข้าวมากินด้วยกัน
ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ สั่งตั้งคกก.สอบ "ตร.จราจร" รีดเงินแทนเขียนใบสั่ง
สตม. บุกทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กลางคอนโดหรูห้วยขวาง รวบ 6 คนจีน อึ้งเจอซิมการ์ด 2 แสนซิม
ครูบาอริยชาติ เชิญชวนพุทธศาสนิกชน ฉลองสมโภช 18 ปีวัดแสงแก้วโพธิญาณ และทำบุญฉลองอายุวัฒนมงคล 44 ปี

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น