ครม.กำชับหน่วยงานเกี่ยวข้องคุมเข้ม พร้อมอำนวยความสะดวกปชช.ช่วงสงกรานต์

ครม.กำชับคุมเข้มและอำนวยความสะดวกประชาชนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พร้อมเชิญหน่วยงานด้านเศรษฐกิจมาชี้แจงถึงแนวโน้มสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันและอนาคต

11 เม.ย.66 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญในการดูแลชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ให้มีความปลอดภัยมากที่สุด โดยกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการต่างๆอย่างเข้มงวด ทั้งตั้งจุดตรวจ จุดอำนวยความสะดวกตามพื้นที่ต่าง ๆ ตลอดทั้งเทศกาลสงกรานต์นี้ โดยยืนยันเรื่องของงบประมาณไม่ใช่ข้อจำกัด เพราะได้มีการพูดคุยในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแล้วว่า ต้องให้ความสำคัญกับการลดความสูญเสียในช่วงเทศกาลให้ได้มากที่สุด

 

ข่าวที่น่าสนใจ

นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีได้เชิญหน่วยงานด้านเศรษฐกิจ มาชี้แจงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน รวมถึงข้อที่ควรระมัดระวัง ซึ่งมีทั้งสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และสำนักงบประมาณ

 

โดยมีผู้บริหารระดับสูงของทั้ง 4 หน่วยงานเข้ามาให้ข้อมูล เบื้องต้นสภาพัฒน์ฯ รายงานภาพรวมของเศรษฐกิจโลกยังมีแนวโน้มชะลอตัวในปี 2566 และ 2567 ส่วนประเด็นที่ประเทศไทยสามารถดำเนินการได้เป็นอย่างดี คือ อัตราเงินเฟ้อ ที่ประเทศไทยไม่ได้อยู่ในอัตราที่สูงมากนัก จึงไม่ใช่ประเด็นหลักที่น่ากังวล และธนาคารแห่งประเทศไทยได้ยืนยันได้ว่า อัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 2.8 ซึ่งอยู่ในกรอบที่กำหนดไว้ร้อยละ 1-3 ส่วนที่ต้องเฝ้าระวังคือการส่งออก เนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีการชะลอตัว ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยบ้าง รัฐบาลจึงจำเป็นต้องมีนโยบายกระตุ้นการส่งออกให้มากที่สุด เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างเหมาะสม

 

 

นอกจากนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ ยืนยัน เสถียรภาพทางการเงินการคลัง ย้ำว่าหนี้ต่างประเทศของไทยไม่ได้อยู่ในอัตราที่สูงเกินไป อีกทั้งเงินคงคลัง ก็อยู่ในระดับที่เหมาะสม และสถาบันการเงินของประเทศไทย ก็มีความเข้มแข็ง ดังนั้นในขณะนี้จึงไม่มีความกังวลใดๆเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านการเงินการคลังของไทย และนโยบายตลอดช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลดำเนินการนโยบายที่เหมาะสมกับสถานการณ์ โดยเฉพาะการกู้เงิน 1.5 ล้านล้านบาท ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 ก็นำมาดูแลสุขภาพประชาชน และกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ในช่วงจากนี้ไปไม่ใช่ช่วงที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่จะเป็นการดูแลกลุ่มเปราะบางและกลุ่มที่ต้องได้รับการช่วยเหลือ เพราะฉะนั้นนโยบายในการดูแลครอบคลุมประชากรทั้งหมด โดยไม่ได้พุ่งเป้าอาจจะไม่ใช่นโยบายที่เหมาะสม สำหรับการดำเนินการและการใช้การเงินการคลังในช่วงระยะเวลาหลังจากนี้ไป

 

ขณะที่ภาระดอกเบี้ยต่อรายได้ของรัฐ ปัจจุบันของไทยอยู่ที่ร้อยละ 8.5 คาดว่าสิ้นปีงบประมาณอาจขยับเล็กน้อยที่ร้อยละ 8.75 โดยไม่ได้เกินมาตรฐานสากลจนส่งผลกระทบต่อภาระดอกเบี้ยและการจัดเก็บรายได้ 5 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2566 จัดเก็บรายได้สูงกว่าประมาณการ ประมาณ 9 หมื่นล้านบาท

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สถาบันเหล็กฯ ออกแถลงการณ์ โต้ทนาย "ซินเคอหยวน" ยันเครื่องทดสอบเหล็กแม่นยำ ถูกต้องตามมาตรฐานทุกอย่าง
Watt-D แจ้งเตือน ระวัง "มิจฉาชีพ" แอบอ้างเป็นพนักงาน PEA หลอก Add LINE
ทั่วโลกร่วมไว้อาลัยโป๊ปฟรานซิส
“หมอปลาย” ทักแรง! ภาคอีสานระวัง “ภูเขาไฟ” ดับไปแล้ว กำลังจะตื่นอีก
“นาซา” เผยข้อมูลช็อก! แผ่นดินพม่าเคลื่อนตัว 6 เมตร จ่อปรับผังเมืองเนปิดอว์
ผวาชักศึกเข้าไทย! “พม่า KNU” เหิมหนัก โบกธงฉลองในแผ่นดินไทย
ปภ.จับมือ "3 ค่ายมือถือ" ทดสอบส่งข้อความเตือนภัย พ.ค.นี้
"นายกฯ" นำเปิดโครงการ "SML ส่งตรงโอกาสถึงชุมชน โดยชุมชน เพื่อชุมชน" เน้นผลสำเร็จเริ่มจากยุคไทยรักไทย
เซเว่น อีเลฟเว่น ชวนคนไทยร่วมเปลี่ยนแปลงโลก ในวัน Earth Day 2025 ลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ลดการใช้พลังงาน ในธีม“พลังของเรา โลกของเรา”เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน
ซีพีจับมือทุกภาคส่วน ปักหมุด ‘เกาะสุกร’ จ.ตรัง ลงนาม MOU สร้างโมเดลต้นแบบจัดการขยะยั่งยืน มุ่งต่อยอดสู่เครือข่ายสิ่งแวดล้อมภาคใต้

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น