หมอวรงค์ เดินหน้าฟ้อง ครม.ยิ่งลักษณ์ –ข้าราชการ 52 ราย เอื้อประโยชน์ บ.ไทยคมและพวกพ้อง

นพ.วรงค์  ยื่นฟ้องครม.ยิ่งลักษณ์ สมคบกับข้าราชการ รวม 52 ราย เอื้อประโยชน์ให้ บ.ไทยคม และคนใกล้ชิด พร้อมทั้งเปลี่ยนระบบสัมปทานดาวเทียมไปสู่ระบบใบอนุญาต

แพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม  รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี เดินทางมาที่ ศาลทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พร้อมกับเอกสารเพื่อยื่นส่งฟ้อง ครม.น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กระทรวงไอซีที กสทช. และ กทค. ในสมัยนั้น รวม 52 ราย หลังมติครม.รัฐบาลยิ่งลักษณ์ 20 กันยายน 2554 ที่มอบให้บริษัทไทยคมนำใบเอกสารขายงานดาวเทียมตำแหน่งที่ 120E ไปร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการพิเศษฮ่องกง โดยเห็นชอบให้ กสทช. ออกใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สาม เพื่อใช้อนุญาตเข้าถึงวงจรดาวเทียมโดยไม่ชอบ มีความผิดตามมาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งระบบใบอนุญาตทำให้กรรมสิทธิ์ดาวเทียมไม่ต้องโอนเป็นของรัฐแต่ยังเป็นของเอกชน

 

โดยพบว่ามีปลัดและรองปลัดกระทรวงไอซีทีให้ความช่วยเหลือเพื่อประโยชน์ไม่บังคับให้เป็นไปตามสัญญาสัมปทานและไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ตามมาตรา 83, 84, 86, 152 และ 157 ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมกันนี้นายแพทย์วรงค์ ยังได้ส่งเอกสารยื่นถึงผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ กรณี พ.ร.บ.กสทช. ที่ให้อำนาจ กสทช.เปิดประมูลใบอนุญาตดาวเทียมในวันที่ 28 สิงหาคมนี้ของกสทช. นั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญ

 

เนื่องจากพบปัญหาฉ้อฉลในกิจการดาวเทียมกรณีดาวเทียมไทยคม 7 และ 8 โดยเปลี่ยนแปลงจากระบบสัมปทานเป็นระบบใบอนุญาตที่กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินตกเป็นของเอกชนเดิมสัญญาณดาวเทียมไทยคมในระบบสัมปทานดาวเทียมทุกดวงและสถานีภาคพื้นดินจะต้องโอนมาเป็นของประเทศไทย แต่ในช่วงรัฐบาลยิ่งลักษณ์โดยนายอนุดิษฐ์นาครทัพเป็นรัฐมนตรีได้เสนอครม. มีมติมอบให้ไทยคงไปร่วมลงทุนกับเอเชียแซทของฮ่องกงในสาธารณรัฐประชาชนจีนส่งดาวเทียมขึ้นสู่ตำแหน่งดังกล่าวโดยไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สาม

 

นายแพทย์วรงค์ ระบุอีกว่า จากการตรวจสอบ พบ 4 ประเด็นสำคัญคือ 1 สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่มอบให้ไปร่วมกับเขตบริหารพิเศษฮ่องกงเป็นการกระทำผิดตามบทบัญญัติมาตรา 190 และรัฐบาลยิ่งลักษณ์รู้ว่าผิดจึงได้แก้ไขมาตรา 190 ต่อมาในปี 56 ก็มีผู้ร้องศาลรัฐธรรมนูญโดยศาลได้มีคำวินิจฉัยว่าการแก้ไขมาตราดังกล่าวเป็นโมฆะถือว่าครม. ยิ่งลักษณ์ย้ำผิดมาตรา 190 กรณีไทยคม7

 

  1. การที่ กสทช. ออกใบอนุญาตให้ไทยเป็นการประกอบโดยไม่มีบทบัญญัติกฎหมายใดให้อนุญาต กสทช. กระทำได้เป็นการเอื้อประโยชน์ให้ไทยคมและเป็นการออกใบอนุญาตที่ผิดรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 305(1) และบทบัญญัติกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

 

  1. พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงวิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมพ. ศ. 2562 ฉบับที่ 3 ขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 60 มาตรา 274

 

  1. ประกาศ กสทช.เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้สิทธิ์ในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมในลักษณะจัดชุด( package) เมื่อวันที่ 14 พ.ค.2564 ของ กสทช. เป็นประกาศที่ขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญพ. ศ. 2560 มาตรา 60 จึงขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญโดยหวังว่า กสทช. ควรจะล้มการประมูลใบอนุญาตดาวเทียมในวันที่ 28 สิงหาคมนี้ออกไปก่อน

 

อย่างไรก็ตาม ขอเตือน กสทช. ที่กำลังเดินหน้าประมูลใบอนุญาต วงจรดาวเทียม ว่า กำลังทำในสิ่งที่เรียกว่าขัดรัฐธรรมนูญ ให้กลับมาตั้งหลักใหม่ เพราะถ้ายิ่งเดินหน้า จะส่งผลให้ชาติยิ่งเสียหาย

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ณฐพร" มอบหลักฐานสภาทนายความ ปมฮั้วเลือกสว. เตรียมส่งต่อเอกสาร ให้ดีเอสไอ
"อนุทิน" ตอบแล้ว อนาคตการเมือง หยิกแขนสื่อโดนซักถอนตัว โยงผลโหวตศึกซักฟอก
เดือด พนักงานขายเก้าอี้นวดไฟฟ้า แทงกันดับคาห้างดัง มือแทงสารภาพหมดเปลือก
“เต้ มงคลกิตติ์” เล่า “แตงโม” มาเข้าฝัน ก่อนวันส่งคลิปหลักฐานให้ดีเอสไอ เชื่ออีกไม่นาน ความจริงปรากฎ
สหรัฐฯลุยเลิกจ้าง-พักงานพนง.USAID
อิสราเอลปล่อยคลิปนาทีสังหารผู้นำฮิซบอลเลาะห์
หน่วยงานสหรัฐฯขัดขืนคำสั่งอีลอน มัสก์
บินรบอิตาลีประกบอเมริกันแอร์ไลนส์หลังขู่บึ้ม
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) DEEP Robotics เปิดตัวหุ่นยนต์ 4 ขา ใช้งานสมบุกสมบัน
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) จีนสร้างเมืองอัจฉริยะเซินเจิ้นด้วยเทคโนโลยี AI

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น