วันที่13 ส.ค. 2564 ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒน บริหารศาสตร์ (NIDA) โพสต์เฟซบุ๊ก พร้อมรูปภาพ ที่ระบุว่า รพ.สิชล รับผู้ป่วย home isolation ในกทม. เยอะที่สุด 18,920 ราย จากทั้งหมดที่เบิกเงินจากสปสช. ไปแล้ว 71,777 ราย หรือประมาณหนึ่งในสามจุดห้า ต้องถามว่าที่อำเภอสิชล การระบาดของโควิด-19 เป็นเช่นไร ได้ดูแลประชาชนที่ อ. สิชล ดีพอมากแล้วแค่ไหน
home isolation ในกทม. ได้ส่งข้าวให้ผู้ป่วยถึงบ้านครบสามมื้อหรือไม่ ติดตามตรวจอาการเช่นวัดไข้ วัดอ็อกซิเจนปลายนิ้วครบทุกรายทุกวันไหม มีข้อมูลไหม คนไข้ hi ได้ยาครบดีไหม มีการ monitor อาการไว้แค่ไหน
แล้วก็ต้องถามว่า กทม.ทำไมปล่อยให้สิชลมากวาดคนไข้ไปเบิกเงินจาก สปสช มากขนาดนี้ แล้วมีคนไข้ที่สิชลรับทำ home isolation ต้องกลับมารับการดูแลโดยสำนักการแพทย์ของกทม มากน้อยแค่ไหน
14 วัน 18,920 ราย วันละ 1,000 บาท คูณดูคิดเลขสนุกๆ กันนะครับ
ข้อมูลจาก dashboard ของสปสช. คงปิดลงในเร็ววันนี้
ไอ้ฉิกหายเอ๊ย
เพื่อให้เกิดความชัดเจน จากโพสต์ของดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ สำนักข่าวท็อปนิวส์ ได้พบว่า ก่อนหน้านี้ นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยถึงการจัดสรรงบประมาณในการดูแลผู้ป่วย จากกรณีการตรวจเชิงรุกพบว่าติดเชื้อโควิดและต้องเข้าสู่การดูแลรักษาตัวเอง แบบ Home Isolation หรือ HI โดย “สปสช.จะสนับสนุนค่าบริการให้แก่โรงพยาบาล ,ศูนย์สาธารณสุขที่ตรวจ ตั้งแต่ค่าตรวจหาเชื้อ ค่ารักษา ค่ายา และยังจะสนับสนุนค่าอุปกรณ์ไม่เกิน 1,100 บาท ซึ่งเป็นค่าตรวจด้วยวิธี Chromatography จำนวน 450 บาท ต่อครั้ง และค่าดูแลผู้ป่วยรวมอาหาร 3 มื้อ ไม่เกิน 1,000 บาท/วัน เป็นเวลา 14 วัน อีกด้วย
ซึ่งข้อมูลในเฟซบุ๊กของ นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ ที่ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อวันที่ 12 ส.ค.64 สรุปผลจากที่ทีมแพทย์ชนบท รพ.สิชล ได้ไปปฏิบัติงานลุยตรวจคัดกรองโควิดและฉีดวัคซีน ให้กับประชาชนในพื้นที่กทม. ข้อความว่า**กลับถึงโรงพยาบาลสิชลแล้วลุยงานในพื้นที่กันต่อ**
ออกไปปฏิบัติการกู้ภัยโควิด19 ที่กรุงเทพมหานคร เดินทางไปตั้งแต่วันที่ 2-8-64 เที่ยวบินนกแอร์ เที่ยวสุดท้ายจากนครศรีธรรมราชไปอู่ตะเภา ก่อนหยุดบินอีกครั้ง ปฏิบัติการ 7 วันต่อเนื่อง ระหว่างวันที่4-10 สิงหาคม 2564 และได้สรุปผลการปฏิบัติงานช่วงเช้ากับทีมต่างๆของวันที่ 11-8-64 ก่อนเดินทางกลับพร้อมกับลูกทีมโรงพยาบาลสิชล โดยรถบัส ออกจากกรุงเทพ เวลาประมาณ 11.00 น.ถึงโรงพยาบาลประมาณเที่ยงคืนด้วยความอ่อนล้าพอสมควร ในเวลา7วันต้องทำหน้าที่อำนวยการประสานการจัดการระบบให้กับทุกทีมที่ออกปฏิบัติการ ด้านการแก้ปัญหาอุปสรรค และลงเยี่ยมพื้นที่จุดตรวจ ของแต่ละทีมให้มากที่สุด ให้สามารถตรวจ รักษา ประชาชน ให้ได้มากที่สุด ครั้งนี้ค่อนข้างพร้อมมากกว่า 2 ครั้งก่อน
ด้วยมีผู้บริหารระดับสูงในกระทรวงสาธารณสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข รองปลัดกระทรวงฯ(นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ)ช่วยอำนวยการในหลายเรื่อง รวมถึงการจัดหายาและวัคซีน ไปฉีดให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่
ผลการปฏิบัติงาน สรุปโดยรวม ตามเอกสารที่แนบมาด้วย
ตรวจคัดกรองไปได้ทั้งสิ้น 145,566ราย ให้ผลบวก16,186ราย คิดเป็นร้อยละ11.1 ตรวจยืนยันด้วยวิธี rt-pcr ตรงกัน ร้อยละ 99.42 เนื่องจากเลือกใช้ ATK ที่องค์การอนามัยโลกให้การรับรอง เพื่อความแม่นยำในการตรวจ รักษาพยาบาลได้ทันทีไม่ต้องรอผล rt-pcr
จ่ายยา ฟาวิพิราเวีร์ รักษาพยาบาลไปทั้งสิ้น 9,343ราย คิดเป็นร้อยละ57.7
ฉีดวัคซีย7,761ราย ผู้ป่วยในระดับเหลืองแดง ได้ยาทุกราย และระดับสีแดงก็ได้ประสานเข้ารักษาได้ในโรงพยาบาลทุกรายเช่นกัน
แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญ ความมุ่งมั่น ขีดความสามารถของทุกคน แม้จะมาจากหลากหลายพื้นที่ ที่ไม่เคยร่วมงานกันมาก่อน รวมถึงภาคประชาชน อาสาสมัครหลายหน่วยงาน สปสช.และกรุงเทพมหานคร
ชื่นชมและศรัทธาทุกคนที่เสี่ยงภัยมาออกปฏิบัติการในกรุงเทพในครั้งนี้
https://www.facebook.com/arak.wongworachat/posts/4622700301082133
