“อดีตรองอธิการฯมธ.” วิเคราะห์รายพรรค ฝากคิดให้ดีเลือกใคร ลงคะแนนครั้งนี้ เสี่ยงสถาบันฯถูกสั่นคลอน

"อดีตรองอธิการฯมธ." วิเคราะห์รายพรรค ฝากคิดให้ดีเลือกใคร ลงคะแนนครั้งนี้ เสี่ยงสถาบันฯถูกสั่นคลอน

รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก “Harirak Sutabutr” โดยระบุว่า คุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค รวมไทยสร้างชาติ ปราศรัยประกาศชัดเจนว่า พรรครวมไทยสร้างชาติยึดมั่นในสถาบันพระมหากษัตริย์ จะไม่ยอมให้ใครมาเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และจะจัดการกับพวกชังชาติ พวกล้มสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเด็ดขาดหากได้เป็นแกนนำรัฐบาล ซึ่งยังไม่เคยมีพรรคใดกล้าประกาศแบบนี้มาก่อน

สำนักข่าวแห่งหนึ่ง พิธีกรชื่อดังสัมภาษณ์นักวิเคราะห์การเมืองท่านหนึ่ง คำถามที่ถามคือ การที่หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติประกาศจะจัดการกับพวกชังชาติหากได้เป็นรัฐบาล ท่านคิดอย่างไร สังเกตว่าพิธีกรใช้คำว่า “ชังชาติ” จงใจตัดคำว่า “ล้มสถาบัน” ออกไป ความจริง ผมไม่เคยชอบคำว่า “ชังชาติ” และไม่เคยใช้คำนี้เลยในการเขียนบทความ ทุกบทความ อยากให้ทุกคนเลิกใช้คำนี้เสียทีด้วยซ้ำ แต่ที่คุณพีระพันธุ์พูดว่า “จะจัดการกับพวกชังชาติ พวกล้มสถาบัน …….” ความหมายคือ จะจัดการกับพวกล้มสถาบัน เพราะการชังชาติ ไม่ได้เป็นความผิด แต่การล้มสถาบันเป็นความผิดแน่นอน คุณพีระพันธุ์เหมารวมว่า การชังชาติก็คือการล้มสถาบัน ซึ่งความจริงควรต้องแยกกัน การที่พิธีกรตั้งคำถามแบบนี้เป็นการเปิดช่องให้คุณพีระพันธุ์ถูกโจมตีหรือไม่ เป็นเรื่องที่อดคิดไม่ได้

ในทางยุทธศาสตร์การแข่งขัน(competitive strategy) เป็นการถูกต้องแล้วที่คุณพีระพันธุ์ประกาศให้ชัดแบบไม่มีแทงกั๊กเช่นนี้ เนื่องเพราะพรรครวมไทยสร้างชาติไม่มีทางได้เสียงจากผู้ที่ไม่เอาสถาบันพระมหากษัตริย์ และไม่มีทางได้เสียงจากผู้ที่ยังนิยมชมชอบคุณทักษิณ ชินวัตรอยู่อย่างไม่เสื่อมคลายอยู่แล้ว เสียงของพรรครวมไทยสร้างชาติมาจากกลุ่มคนที่ไม่เอาคุณทักษิณ และกลุ่มคนที่เห็นว่า สถาบันพระมหากษัตริย์จะต้องดำรงอยู่ในประเทศไทยต่อไป ประกาศให้ชัดทำให้กลุ่มคนทั้ง 2 กลุ่มนี้ ซึ่งมีจำนวนที่ทับซ้อน(overlap)กันอยู่ไม่น้อยมีความแน่ใจ อย่างน้อยรับรองว่าจะได้เสียงจากกลุ่มคนที่มีความเห็นว่า รัฐบาลปัจจุบันไม่มีความเด็ดขาดในการจัดการกับคนที่พยายามล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างแน่นอน

สาระสำคัญของคำว่า ยุทธศาสตร์(strategy)คือการเลือกที่จะไม่ทำหรือเลือกที่จะไม่เอา พรรครวมไทยสร้างชาติเลือกที่จะไม่เอาคะแนนเสียงจากผู้ที่นิยมชมชอบคุณทักษิณ และพวกที่ต้องการแก้หรือยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และต้องการล้มสถาบัน ยุทธศาสตร์แบบนี้เรียกว่า focus คือ focus ที่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยต้องยอมทิ้งคะแนนเสียงของคนกลุ่มอื่นๆไปเลย

คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ประกาศว่าจะไม่สนับสนุนพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี นั่นอาจไม่ใช่เป็นการใช้ยุทธศาสตร์เพื่อเอาชนะการเลือกตั้ง แต่น่าจะเป็นการประกาศไปตามอุดมการณ์ของพรรคหรืออาจเป็นอุดมการณ์ของตัวคุณอภิสิทธิ์เอง ที่ไม่ต้องการสนับสนุนผู้ที่ทำรัฐประหารให้ได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก โชคร้ายที่คนส่วนใหญ่ที่ไม่เอาคุณทักษิณ และก็ไม่ได้อยากได้พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชาเป็นนายกรัฐมนตรี เกิดความกลัวคุณทักษิณจะกลับมามีอำนาจอยู่เบื้องหลังพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง และเขามองขาดว่า หากไม่ช่วยกันเลือกพรรคพลังประชารัฐ คุณทักษิณกลับมาแน่ คุณอภิสิทธิ์จึงต้องตัดสินใจลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไปในที่สุด

 

ข่าวที่น่าสนใจ

มาที่พรรคเพื่อไทย ความต้องการเป็นรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยอยู่เหนือสิ่งอื่นใด จึงแทงกั๊กเพื่อหวังคะแนนเสียงจากทุกกลุ่มไม่ว่าจะเอาหรือไม่เอาสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อให้ชนะการเลือกตั้งแบบ land slideให้ได้ จึงไม่แปลกใจที่ คุณเศรษฐา ทวีสินประกาศว่าจะแจกเงิน digital คนละ 10,000 บาทให้ทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป จะเป็นยาจกหรือเศรษฐีก็ได้ทุกคน เพื่อให้ได้คะแนนเสียงจากทุกกลุ่ม ได้จำนวนมากบ้างน้อยบ้างก็ยังดี ดังนั้น ไม่ว่าจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างไร หากกกต ไม่ตัดสินว่าทำไม่ได้ พรรคเพื่อไทยจะไม่ล้มเลิกการแจกเงินครั้งนี้แน่ๆ หนึ่งเพราะไม่ใช่เงินตัวเอง สองเพราะเสียงวิพากษ์วิจารณ์มักมาจากผู้ที่มีเสียงดัง ยังมีพลังเงียบอีกมากที่อาจไม่ถูกโยกคลอนด้วยเงินหลักพัน แต่ไม่แน่ว่าจะไม่ถูกโยกคลอนด้วยเงินหลักหมื่น พรรคเพื่อไทยจึงประกาศมาตรการเหวี่ยงแหเช่นนี้

พรรคพลังประชารัฐ แม้จะเป็นที่รู้กันดีว่าพรรคพลังประชารัฐไม่เอาด้วยกับการยกเลิกหรือแม้แต่แก้ไขมาตรา 112 แต่แม้จะมีผู้บริหารพรรคบางคนเพิ่งจะออกมาปฏิเสธว่าจะไม่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย แต่ไม่ได้มีการปฏิเสธอย่างแข็งขันจากพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ เพียงบอกว่า ต้องดูนโยบายว่าไปกันได้หรือไม่ ทุกคนจึงยังเชื่อว่าหลังการเลือกตั้งอะไรก็เกิดขึ้นได้ ดังนั้นพรรคพลังประชารัฐจะได้คะแนนเสียงจากฐานเสียงของนักการเมืองหรืออดีตส.ส.ของพรรคเป็นส่วนใหญ่ จะได้คะแนนจากคนที่ไม่เอาคุณทักษิณและที่ไม่ต้องการให้ล้มสถาบันไม่มากนัก

พรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาธิปัตย์ แม้ทั้ง 2 พรรคจะไม่ร่วมด้วยกับการแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 แต่ก็ไม่กล้าประกาศอย่างที่พรรครวมไทยสร้างชาติประกาศ โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ที่ไม่เคย focus ที่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เอาแต่เหยียบเรือสองแคม อยากได้คะแนนไปทุกกลุ่ม สุดท้ายก็จะไม่ได้คะแนนเป็นกอบเป็นกรรมแม้แต่กลุ่มเดียว พรรคเก่าแก่และเป็นพรรคเดียวที่เรียกได้ว่าเป็นสถาบันก็จะกลับมายิ่งใหญ่ได้ยาก เพราะจะได้คะแนนจากแฟนพันธุ์แท้เสียเป็นส่วนใหญ่ คนที่เคยเลือกพรรคประชาธิปัตย์แต่ไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ เปลี่ยนใจไปเลือกพรรคอื่นกันหมดแล้ว ส่วนพรรคภูมิใจไทยต้องถือว่า ไม่มีอะไรหวือหวามาก แต่การร่วมรัฐบาลก็มีผลงานที่จับต้องได้ เป็นที่ถูกใจคนหลายกลุ่ม จะได้คะแนนเสียงจากคนที่อยู่กลางๆไม่สุดโต่งไปในทางหนึ่งทางใด แต่ก็คงได้จำนวนส.ส.มากขึ้นจากเดิมค่อนข้างแน่

พรรคก้าวไกลนับว่ามีจุดยืนอยู่ตรงข้ามกับพรรครวมไทยสร้างชาติ อยู่คนละขั้วอย่างชัดเจน แน่นอนว่า จะได้คะแนนเสียงจากกลุ่มนิสิตนักศึกษา และคนรุ่นใหม่ที่ไม่เอากระทั่งเกลียดชังสถาบัน หรือไม่มีความผูกพันกับสถาบันแต่ชอบนโยบายของพรรค แม้จะได้เสียงคนรุ่นใหม่มากแต่ด้วยบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ทั้งยังต้องแย่งชิงคะแนนจากคนกลุ่มเดียวกันกับพรรคเพื่อไทย การจะได้จำนวน ส.ส.มากเท่ากับที่พรรคอนาคตใหม่เคยได้คงเป็นเรื่องยาก คงต้องวัดกันกับพรรครวมไทยสร้างชาติว่า พลังของคนที่ไม่เอาสถาบันกับคนที่ยังเห็นว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ยังมีความสำคัญ ฝ่ายไหนจะมาลงคะแนนให้มากกว่ากัน

 

มองอย่างนี้แล้ว สำหรับคนที่ยังต้องการให้สถาบันพระมหากษัตริย์ยังดำรงอยู่ต่อไปในประเทศไทย และคนที่ไม่เอาคุณทักษิณ ในการเลือกตั้งครั้งนี้ดูเหมือนจะมีทางเลือกเดียวเท่านั้นคือ เลือกพรรคที่ชัดเจนว่ามีจุดยืนที่ตรงกันใน 2 เรื่องข้างต้นนี้ จะมีใครเป็น candidate นายกรัฐมนตรีก็ไม่สำคัญไปกว่าจุดยืนดังกล่าว

การเลือกตั้งครั้งนี้จึงมีความสำคัญยิ่งกว่าครั้งใดๆ เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์จะถูกสั่นคลอนจนอาจถึงกับดำรงอยู่ไม่ได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะไปลงคะแนนเสียงให้พรรคใดให้ได้เข้ามาเป็นรัฐบาล ขอให้ตรึกตรองกันให้ดีก่อนลงคะแนนนะครับ

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"เจ้าอาวาสวัดดัง" พิษณุโลก เครียดหนัก เจ้าภาพกฐินเทงาน ซ้ำจ้างลิเกคณะดังมาแสดง กลับไม่จ่ายเงิน
“ชูศักดิ์” เผยเพื่อไทยตั้งวงวาง 3 สถานการณ์เร่งแก้ รธน. ย้ำยังเป็นเรื่องที่อยู่ในเป้าหมาย
"บิ๊กเต่า" เผยกองปราบเร่งสอบปม "ทนายตั้ม" รีดเงินบอสพอล 7.5 ล้าน
Ripley's Believe It or Not! Pattaya เปิดตัวเครื่องเล่นใหม่ตัวที่ 9 THE LOST PYRAMID การผจญภัย ล่าสมบัติในพีระมิดที่สูญหาย
"ทนายเจ๊อ้อย" เผยเหตุสอบปากคำนานเ ชี้ตร.เก็บทุกประเด็น ลั่นไม่มียอมความ
วัดหนองฆ้อ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง พุทธาภิเษกพระผงเหนือดวงเศรษฐี หลวงพ่อทองสุข รุ่นที่ระลึกงานทอดกฐิน เปิดให้บูชาเนื่องในวันทอดกฐินสามัคคีประจำปีของวัด รายได้นำไปทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา
วัดหนองฆ้อ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง พุทธาภิเษกพระผงเหนือดวงเศรษฐี หลวงพ่อทองสุข รุ่นที่ระลึกงานทอดกฐิน เปิดให้บูชาเนื่องในวันทอดกฐินสามัคคีประจำปีของวัด รายได้นำไปทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา
เปิดแล้ว สะพานม่วง ส่งเสริมท่องเที่ยว พร้อมให้นักท่องเที่ยวเยี่ยมชม
รับทหารใหม่ น้องคนเล็กของราชนาวี ภูมิลำเนาภาคใต้ จากสถานีรถไฟพลูตาหลวง เข้าสู่รั้วของกองทัพเรือ
พุทธศาสนิกชนคับคั่ง งานมหากุศลทอดกฐินสามัคคีวัดเขาบายศรี

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น