นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง พรรคไทยสร้างไทยและสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย เป็นตัวแทนประชาชน 700,000 รายชื่อที่ลงชื่อสนับสนุน ยื่นฟ้องต่อศาล กรณีรัฐบาล บริหารจัดการโควิดและจัดซื้อวัคซีนคุณภาพต่ำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญของรัฐบาล ว่า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่เป็นประธานพรรคไทยสร้างไทย และเป็นถึงอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข น่าจะเข้าใจสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 เป็นอย่างดี รวมถึงการจัดการวัคซีนต่างๆในขณะนี้ที่ประเทศทั่วโลกก็มีความต้องการเช่นเดียวกัน ดังนั้นการจัดหาวัคซีนเพื่อนำมาฉีดให้กับประชาชนยี่ห้อใด หรือของประเทศใด ก็ต้องนำมาฉีดให้กับประชาชนให้ได้มากที่สุด
ขณะที่ ข้อหาที่พรรคไทยสร้างไทยยื่นฟ้องต่อศาลรัฐบาลจัดซื้อวัคซีนคุณภาพต่ำขัดต่อรัฐธรรมนูญของรัฐบาล หากคุณหญิงสุดารัตน์หมายถึงวัคซีนซิโนแวค ตนเองก็ขอบอกว่าวัคซีนนี้ได้รับรองจากองค์การอนามัยโลกแล้ว และยังมีหลายประเทศก็นำวัคซีนยี่ห้อนี้มาฉีดให้กับประชาชนของตนเองเช่นเดียวกัน ทั้งนี้แม้รัฐบาลจะจัดหาวัคซีนซิโนแวคเข้ามา แต่ยังมีวัคซีนยี่ห้ออื่นๆอีกหลายยี่ห้อรวมถึงวัคซีนชนิด mRNA เข้ามาเช่นเดียวกัน
นายเสกสกล ยืนยันว่า นายกฯ และรัฐบาล ไม่ได้นิ่งนอนใจในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์โควิด-19 รวมถึงการบริหารจัดการวัคซีน อยากให้ประชาชนได้สิ่งที่ดีที่สุดอยู่แล้ว ซึ่งคุณหญิงสุดารัตน์ควรที่จะเข้าใจในเรื่องเหล่านี้ด้วย ไม่ใช่แต่จะอาศัยโอกาสนี้มาโจมตีนายกฯ และรัฐบาล เพื่อหวังว่าตนเอง และพรรคตนเองอาจจะได้เข้ามาทำงานแทน ซึ่งหากคิดเช่นนั้นตนเองก็ขอให้ย้อนมองดูตัวเองและพรรคตัวเองว่ามีศักยภาพหรือไม่ เพราะตั้งแต่คุณหญิงสุดารัตน์กลับมาเล่นการเมือง ตนเองยังไม่เคยเห็นว่าจะทำประโยชน์เพื่อบ้านเมืองและประชาชนเลย มีแต่ทำเพื่อตัวเองเท่านั้น
“คุณหญิงสุดารัตน์ คงหิวแสงมาก คราวก่อนก็โพสต์บิดเบือนว่าประเทศไทยยอดผู้ป่วยเป็นอันดับหนึ่งของโลก ตายเป็นอันดับสองของโลก ต้องรีบลบโพสต์แทบไม่ทัน หน้าแตกเย็บไม่ติด อับอายขายขี้หน้าเป็นถึงระดับคุณหญิงกล้าปล่อยเฟคนิวส์ ตนกำลังให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบว่า ดำเนินคดีคุณหญิงว่ามีสิทธิ์ที่จะฟ้องนายกฯได้หรือไม่ และถ้าเจตนาต้องการใส่ร้ายป้ายสี หมิ่นประมาทนายกฯ คงต้องแจ้งความกลับคุณหญิงฯหิวแสงเป็นคดีที่สอง หลังจากที่เคยกล่าวหารัฐบาลฆาตกร จนตนเองไปแจ้งความดำเนินคดีที่ตำรวจกองปราบปรามฯไว้เรียบร้อยแล้ว”