“เศรษฐา” เมินเสียงวิจารณ์หายนะ ยันเดินหน้าแจกเงินดิจิทัล ไม่วายแขวะ “บัตรลุงตู่” แก้ศก.เหมือนหยอดน้ำข้าวต้ม

“เศรษฐา” เมินเสียงวิจารณ์หายนะ ยันเดินหน้าแจกเงินดิจิทัล ไม่วายแขวะ “บัตรลุงตู่” แก้ศก.เหมือนหยอดน้ำข้าวต้ม

หลังจากที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงนโยบายของพรรคเพื่อไทย ที่จะแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ให้กับประชาชนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ว่านโยบายนี้อาจจะทำให้การเงินและการคลังของประเทศล้มละลายได้ จนทางด้านนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่ กทม. พรรคเพื่อไทย ออกมาเปิดเผยว่า ที่หลายพรรคโจมตีนโยบายเติมเงินดิจิทัล 10,000 นั้น นางพวงเพ็ชร กล่าวว่า ก่อนวิจารณ์คุณต้องศึกษาให้เรียบร้อยก่อน เพราะจะเป็นเรื่องของการใส่ความ ซึ่งในกฎหมายการหาเสียง ห้ามใส่ความผู้อื่นหรือห้ามทำให้ผู้อื่นเสียหาย พร้อมยืนยันนโยบายที่พรรคเพื่อไทยออกมาทุกนโยบายสามารถทำได้จริง ไม่ต้องห่วง ถ้าคุณมาโจมตีอย่างนี้อาจจะโดนฟ้องกลับได้นั้น

 

 

 

 

ล่าสุดวันนี้ (14 เม.ย.) ที่ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยสีบัตรเลือกตั้งแบบแบ่งเขตสีม่วง และแบบบัญชีรายชื่อสีเขียว ว่า ต้องหาวิธีสื่อสารให้ชัดเจน เพราะเฉดสีมีความคล้ายคลึงกัน แต่เชื่อว่าภายใต้กฎกติกา และมาตรฐานเดียวกัน จะสามารถสื่อสารกับประชาชนให้สามารถแยกแยะสีบัตรได้ แต่ไม่ทราบว่าจะทำให้เกิดบัตรเสียมากขึ้นหรือไม่ เพราะเพิ่งจะมีการประกาศสีออกมา จึงต้องให้โอกาส กกต. ได้ชี้แจงประชาสัมพันธ์ แต่ในส่วนของพรรคจะสื่อสารกับประชาชนแบบคู่ขนานไปด้วย

ส่วนกรณีหากเกิดบัตรเสียมากขึ้นจะส่งผลต่อคะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทยมากขึ้นหรือไม่ เนื่องจากอาจมีความสับสนในสีของบัตร นายเศรษฐา ยอมรับว่า สามารถเป็นไปได้ ดังนั้นพรรคจะทำงานให้หนักขึ้น พร้อมย้ำว่าทุกพรรคก็อยู่ภายใต้กฎกติกาเดียวกัน แต่พรรคยังมั่นใจในนโยบาย และผู้สมัครของพรรค จะทำให้ประชาชนเลือกพรรคเพื่อไทยได้มากขึ้น และสามารถแยกแยะบัตรเลือกตั้งที่มีความคล้ายคลึงกันได้

 

อาจเป็นรูปภาพของ 3 คน

ส่วนกรณีที่ กกต.เปิดรายชื่อพรรคการเมืองที่ชี้แจงรายละเอียดการใช้งบประมาณในแต่ละนโยบาย ซึ่งมีพรรคเพื่อไทยเป็น 1 ใน 9 พรรคและยังชี้แจงไม่ครบนั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า ส่วนตัวยังไม่ทราบข้อมูล แต่มั่นใจฝ่ายกฎหมาย และทีมเศรษฐกิจของพรรค เพราะนโยบายของพรรคค่อนข้างมีเยอะและโดนใจ และอาจมีนโยบายใหม่ออกมาอีก อาจจะต้องชี้แจงเชิงลึกให้มากขึ้น ขอให้ใจเย็นและมั่นใจในการชี้แจง

ข่าวที่น่าสนใจ

เมื่อถามนโยบายบัตรสวัสดิการพลัสที่ให้เดือนละ 1,000 บาท ของพรรครวมไทยสร้างชาติ หากเทียบ 1 ปี จะได้ 12,000 บาท ซึ่งมากกว่านโยบายกระเป๋าดิจิทัลนั้น นายเศรษฐา ระบุว่า “ว้าว” ก่อนตอบว่า ปกติส่วนตัวจะไม่ค่อยวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของพรรคอื่นเท่าไร แต่ขอชี้แจงในส่วนของนโยบายเพื่อไทย กรณีกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาทนั้น ใช้เฉพาะพื้นที่ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนครั้งใหญ่ครั้งเดียว ไม่ให้กระจุกตัวอยู่แค่ในเมืองใหญ่

นายเศรษฐา ระบุว่า ส่วนนโยบายพรรคอื่นที่ให้มากกว่า ก็เป็นความเชื่อของพรรคนั้น ๆ และเห็นว่าเป็นการหยอดน้ำข้าวต้ม เปรียบเหมือนการเพิ่มปลาแห้ง เชื่อว่าไม่มีอะไร และขอให้ประชาชนตัดสินใจว่านโยบายของพรรคการเมืองใดดีกว่ากัน ตนขอไม่ตอบถึงนโยบายพรรคอื่น เพราะจะเสียมารยาทและต้องให้เกียรติพรรคการเมืองนั้น ตนจะเดินหน้าเผยแพร่นโยบายของพรรคเพื่อไทยต่อไป พร้อมขอให้ประชาชนตั้งข้อสังเกตกันเองว่าเหตุใดนโยบาย 10,000 บาท ของพรรคเพื่อไทยถูกวิพากษ์วิจารณ์มากกว่านโยบายบัตรสวัสดิการพลัส

อาจเป็นรูปภาพของ 4 คน

 

นอกจากนี้ นายเศรษฐา ยังกล่าวถึงการแข่งขันนโยบายของแต่ละพรรคการเมืองในขณะนี้ว่า จะต้องดูที่นโยบายด้วย ไม่ใช่แค่เม็ดเงินที่จะเป็นตัวชี้นำว่าประชาชนจะได้ประโยชน์เสมอไป รายละเอียดเชิงลึกของนโยบายก็สามารถทำให้ประชาชนตัดสินใจได้เช่นกัน ไม่ใช่ให้ทีละเล็กทีละน้อยเหมือนการหยอดน้ำข้าวต้ม เติมปลาแห้งนิดเดียว จะหมายความว่า ประชาชนจะได้ประโยชน์มากกว่าเสมอไป จึงไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ต่อว่าพรรคการเมืองคู่แข่งที่ปรับตัวเลขนโยบายให้สอดรับกัน

 

 

 

 

นายเศรษฐา ยังย้ำขอเดินหน้ามั่นใจนโยบายเพื่อไทย ในสัปดาห์หน้า ตนจะลงพื้นที่ทุกวัน โดยเงินดิจิทัลจะใช้ คนละ 10,000 บาท ภายใน 6 เดือนจะใช้เดือนแรกหมดเลยก็ได้ ภายใน 4 กิโลเมตรและจำกัดพื้นที่ ตนขอให้เกียรติทุกพรรคการเมืองที่ออกนโยบาย ตนมั่นใจในนโยบายของพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว “ถ้าเลือกพรรคเพื่อไทยทั้งคนทั้งพรรค เราจะผลักดันเงินดิจิทัลให้เกิดขึ้นจริง” นายเศรษฐา ระบุ

 

ขณะเดียวกัน นายเศรษฐา ระบุถึงความมั่นใจในพื้นที่ผู้สมัคร ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ พรรคเพื่อไทย ที่แม้จะชนะการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา 1 เขต แต่อดีตเป็นพื้นที่ของพรรคประชาธิปัตย์ที่ครองพื้นที่มายาวนานว่า หลังจากที่ตนได้เดินตลาดในช่วงเช้า ได้พูดคุยกับผู้สมัคร ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ แล้วยังเชื่อมั่นนโยบาย ทั้งการยกระดับการท่องเที่ยว ยกระดับพาสปอร์ตไทย อีกทั้งการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรด ที่คาดว่าจะดียิ่งขึ้น ซึ่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไปไม่ว่าเป็นใคร พรรคเพื่อไทยยังคงเดินหน้าเจรจาการค้าทั่วโลก เพราะตลาดใหม่เป็นเรื่องสำคัญ

เมื่อถามถึงเหลืออีก 30 วันจะเลือกตั้ง วันที่ 14 พ.ค. 2566 มั่นใจจะแลนด์สไลด์ 310 เสียงหรือไม่ นายเศรษฐาระบุว่า ไม่อยากจะคาดเดาจำนวนตัวเลข ส.ส.ของพรรคที่ตั้งเป้า 376 ว่าจะได้กี่เปอร์เซ็น แต่ขอเดินหน้างานเผยแพร่นโยบายของพรรค เพราะมี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีต รมว.อุตสาหกรรมและผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ช่วยหาเสียง หากสื่อสารนโยบายครบถ้วนถูกต้องก็มั่นใจ หลังจากนี้มีเวลาไม่เยอะ ตนขอลุยหาเสียงเต็มที่ไม่มีการย่อท้อ และไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อีกทั้งเวลามีไม่เยอะ ตนจะลุยเต็มที่

ภายหลังให้สัมภาษณ์ นายเศรษฐาพร้อมผู้สมัครสส. พรรคเพื่อไทย จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้ขึ้นรถแห่หาเสียงรอบตลาดปากน้ำปราณ

 

อาจเป็นรูปภาพของ 13 คน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น