AFP รายงานว่าเมื่อวานนี้ศาลรัฐธรรมนูญฝรั่งเศสได้มีคำพิพากษาเห็นชอบตามข้อเสนอว่าด้วยการปฏิรูประบบบำนาญของรัฐบาลฝรั่งเศส ที่ให้ขยายอายุการทำงานของประชาชนจาก 62 ปีออกไปเป็น 64 ปีจึงจะมีสิทธิ์ได้รับเงินบำนาญครบตามจำนวน นอกจากนี้คณะผู้พิพากษายังได้ปฏิเสธข้อเรียกร้องของสส. ฝ่ายค้านที่ต้องการให้จัดทำประชามติว่าด้วยเรื่องดังกล่าว
คำพิพากษาครั้งนี้ถือเป็นคำพิพากษาสุดท้าย ซึ่งจะเป็นการเปิดทางให้มาครงสามารถลงนามอนุมัติเป็นกฏหมายบังคับใช้ต่อไป ท่ามกลางเสียงคัดค้านและต่อต้านอย่างหนักจากประชาชนที่ออกมาชุมนุมประท้วงต่อเนื่องเป็นเวลาหลายเดือนก่อนหน้านี้
และทันทีที่ผลการพิพากษาสุดท้ายออกมา ประชาชนก็ลุกฮือออกมาเดินขบวนประท้วงและก่อความวุ่นวายในหลายเมืองทั่วประเทศ รวมทั้งกรุงปารีส, มาร์กเซย, ตูลูส, ลีองและเมืองแรนส์ โดยได้จุดไฟเผารถจักรยานยนต์ ประตูทางเข้าสถานีตำรวจและศูนย์ประชุม มีการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใช้แก้สน้ำตาเข้าสลายฝูงชน และที่กรุงปารีส ตำรวจได้เข้าคุ้มกันโดยรอบอาคารศาลรัฐธรรมนูญซึ่งตั้งอยู่ใกล้พิพิธภัณฑ์ลูฟ โดยเมื่อคืนที่ผ่านมามีการจับกุมผู้ก่อความวุ่นวายไปแล้ว 112 คน ขณะที่รายงานเผยว่ามีผู้เข้าร่วมชุมนุมในวันพฤหัสบดีมากถึง 3 แสน 8 หมื่่นคน โดยกลุ่มผู้ประท้วงประกาศลั่นจะต่อต้านร่างกฏหมายปฏิรูปบำนาญจนถึงที่สุด พร้อมกับนัดการชุมนุมครั้งใหญ่ทั่วประเทศในวันที่ 1 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันแรงงาน
นักวิเคราะห์กล่าวว่าการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ของมาครง แต่ก็แลกมาด้วยคะแนนนิยมที่ร่วงแรง เกือบต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากมาครงดันรางกฏหมายฉบับผ่านสภาโดยไม่ผ่านการลงมติ อย่างไรก็ตาม ฝรั่งเศสยังถือว่าตามหลังเพื่อนบ้านสมาชิกอียูอีกหลายชาติที่ต่างปรับขยายอายุการทำงานออกไปถึง 65 ปีกันก่อนหน้านี้แล้ว