ซึ่งเมื่อย้อนดูบทความของ “เปลว สีเงิน” ในเว็บไซต์ไทยโพสต์ ที่เคยเขียนไว้เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 66 โดยระบุข้อความไว้ว่า
“เศรษฐา ทวีสิน”
๑ ใน ๓ “ว่าที่นายกฯ” พรรคเพื่อไทย ดูมีความมั่นใจมาก ถึงขั้นลั่นปาก ว่า
“ต้องนายกฯ อย่างเดียวเท่านั้น ตำแหน่งอื่นไม่สน”!
อืมมม น่าเลื่อมใส…..
ฉะนั้น วันนี้ ลองฟังวิสัยทัศน์เขาซักหน่อยปะไร ว่าจะเลิศเลอเปอร์เฟกต์ขนาดไหน?
ผมฟังจากคลิปน่ะ พูดเท่มาก อดใจไม่ไหว จึงถอดความมาให้อ่านกัน ประมาณนี้
“Geopolitics หรือภูมิรัฐศาสตร์ เป็นเรื่องสำคัญที่สุดเรื่องหนึ่ง ซึ่งผมคิดว่าในช่วง ๘ ปีที่ผ่านมานี้ เราไม่ได้พัฒนาไปเลย
เราไม่ได้สู้กับตัวเราเอง เราไม่ได้สู้
เรากำลังสู้กับประเทศที่เขามีผู้นำ ซึ่งสามารถออกไปค้าขายเองได้ มีความถ่อมตนว่า ฉันเป็นประเทศที่เล็ก ต้องออกไปหาเขา ไม่ใช่คอยให้เขามาหาเรา
ถามตรงๆ เอเปกที่ผ่านไปเมื่อ ๓ เดือนมานี้ ภาษานักธุรกิจเขามีว่า…”แล้วไง?”
แล้วขั้นตอนต่อไปเราทำยังไง มีการแถลงมั้ย ว่า ๓ เดือนไปแล้ว เราได้อะไรจากสิ่งที่ผ่านๆ มา
ท่านนายกฯ บินออกนอกประเทศหรือไม่ บินออกไปค้าขายต่อมั้ย บินไปติดตามงานต่อหรือไม่?
ว่า…ที่เขาเข้ามา ๑๐-๒๐ คน ระดับท็อปทั้งนั้น เขาไปทำอะไรต่อหรือไม่…ไปทำให้มันเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติต่อหรือไม่?
ตรงนี้ ผมถือว่าเราเสียโอกาสไปอย่างมาก
ลองคิดดูอย่างนี้แล้วกัน ประเทศไทย นักท่องเที่ยวเข้ามา เยอะแยะไปหมด ทุกคนก็อยากมาเที่ยว ทำไมเขาจึงไม่อยากมาทำงาน?
ผมเชื่อประเทศเรามีข้อดีอยู่เยอะมาก ที่อยากให้นักลงทุนเข้ามาทำงาน เข้ามาอยู่อาศัย เฮลธ์แคร์ของเรา ระบบการแพทย์ของเราดีมาก
ชาวต่างประเทศหลายๆ คน เข้ามาเพื่อที่จะดูแลรักษา มาดูแลสุขภาพ เพราะฉะนั้น ตรงนี้ ผมว่าเป็นจุดสำคัญมากในการดึงดูดให้นักลงทุนอยากที่จะย้ายถิ่นฐานเข้ามาทำธุรกิจ
เรื่องลงทุนตรงจากต่างประเทศก็ลดน้อยลงไป ทำยังไงจะให้เขาเข้ามาได้
ไม่ใช่คุณส่งทูตพาณิชย์ไป ไม่ใช่คุณส่งรัฐมนตรีต่างประเทศไป ท่านนายกฯ ต้องไปเอง
ถ้าเรามีผู้นำที่เห็นความสำคัญของ “ภูมิรัฐศาสตร์” แล้วออกไปทำเรื่องพวกนี้ แล้วลองคิดดูซีครับ….
การลงทุนจะเข้ามา เขาจะเอาไปเปิดตลาดใหม่ เอาสินค้าไทยไปขาย ไม่ว่าสินค้าโอท็อป เอสเอ็มอี มันให้โอกาสกับคนไทยทั้งประเทศไปมีที่ยืนบนเวทีโลก
ตรงนี้เป็นที่น่าเสียดายมาก….
๘ ปี ที่ผ่านมา ผมถือว่าเราถดถอย ตรงนี้ เป็นปีที่น่าเสียดายมาก
๘ ปี ที่ผ่านมา เราได้อะไร จริงๆ เราเสียอะไรไปเยอะมาก!
มันถึงเวลาที่เราต้องเข้าใจ ต้องพูดอย่างเปิดเผยจริงๆ ว่า ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าที่เราจะมีการเลือกตั้ง
เราอยากจะอยู่กับมันต่อไปอีก ๔ ปี หรือเปล่า?
หรืออยากให้มีการเปลี่ยนแปลงประเทศในเชิงนัยยะจริงๆ?”
นี่คือวิสัยทัศน์ “ตัวตาย-ตัวแทน” อุ๊งอิ๊งในเก้าอี้ว่าที่นายกฯ
ผมฟังประเด็นคนเป็นนายกฯ ต้องบินไปค้าขายเอง ทำให้คิดถึงอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ขึ้นมาติดหมัด
ยิ่งลักษณ์…คุณเศรษฐาคงรู้จักนะ?
เธอเป็นนายกฯ ๒๕ เดือน ทำสถิติโลก บินไปนอกถึง ๔๓ ประเทศ รวม ๕๕ ทริป เพราะบางประเทศ ไปซ้ำๆ ถึง ๒-๓ ครั้ง
ผลาญเงินแผ่นดินไปมากกว่า ๒๓๐ ล้านบาท
แต่…”แหนมซักดุ้น” ก็ยังขายไม่ได้!
ถ้าเศรษฐาเป็นนายกฯ ผมมั่นใจนะ ว่าต้องบินไปขายบ้าน-ขายคอนโดฯ ได้กำไรโตแซงหน้า เอสซี แอสเสท แหงๆ
ที่เศรษฐาใช้คำดูโก้ว่า “ภูมิรัฐศาสตร์” นั้น ผมเคลิ้มนะ
แต่มีอยู่ท่าน เขาไม่เคลิ้ม
นอกจากไม่เคลิ้มแล้ว ยังมี “ปฏิวิสัยทัศน์” ตามโซเชียลอีกตะหาก ผมเก็บมาฟ้อง “เอาหน้า” คุณเศรษฐาด้วยแหละ
เขาว่างี้……..
“คนคนนี้ ยังใช้ความคิดน้อยมาก ไปใช้คำใหญ่อย่าง “ภูมิรัฐศาสตร์” ประกอบการวิพากษ์นายกฯ ตู่ให้ดูขลังว่า
“การที่นายกฯ ไม่ออกหน้าไปเจรจาการค้ากับบ้านเมืองอื่นเขาเลยนั้น แสดงว่านายกฯ ไม่รู้ ไม่ใช้ “ภูมิรัฐศาสตร์” เลย
คำกล่าวอย่างนี้ แสดงว่า….
สมองเขาไม่เข้าใจ ไม่เคยค้นเลยว่า ความหมายแท้จริงของ “ภูมิรัฐศาสตร์” นั้นเป็นอย่างไร
เขาสักแต่เอามาพูด-มาคิด “มั่วไป” ให้ดูโก้เท่านั้นเอง
ที่จริงแล้ว…..
คำนี้เป็นคำที่ใช้วิเคราะห์การเมืองระหว่างประเทศ ว่าแผนที่ “ความสัมพันธ์ทางอำนาจ” มันปรากฏอยู่อย่างไร
เช่น “วิกฤตยูเครน” ได้ทำให้เยอรมันที่เดิมที “หลังสงครามโลก” ก็เป็น “รัฐดาวเทียม” ของอเมริกาทั้งการทูตและการทหารมาตลอด
แต่เมื่อวันนี้ อเมริกาจัดการเยอรมันด้วยวิกฤตยูเครน ให้เศรษฐกิจเยอรมันตัดขาดจากก๊าซราคาถูกของรัสเซียแล้ว เยอรมันก็ต้องไปพึ่งพาเอาก๊าซของอเมริกาเป็นลมหายใจเศรษฐกิจของตน
จนวันนี้ เกือบกลายเป็นอาณานิคมของอเมริกาไปแล้ว
นี่ก็เป็น “ความเปลี่ยนแปลง” ทางภูมิรัฐศาสตร์
การที่รัสเซียเลิกคิด-เลิกหวังจะสัมพันธ์กับตะวันตก มุ่งหน้าไปสร้างสัมพันธ์ทางอำนาจและการค้าการลงทุนในเอเชีย กับ จีน อินเดีย
นี่ก็เป็น “ความเปลี่ยนแปลง” ทางภูมิรัฐศาสตร์
ถ้าไทยไม่กลัวเกรงสหรัฐฯ อีกต่อไป ซื้อน้ำมันตรงจากรัสเซียมากลั่น ส่งแจกจ่ายทางท่อไปยัง ลาว, เขมร, เวียดนาม เพื่อกลายเป็นฮับพลังงานของอาเซียน
นี่ก็เป็น “ความเปลี่ยนแปลง” ทางภูมิรัฐศาสตร์
ถ้าไทยไปค้าขายกับ “โลกขั้วใหม่” ทำสัญญา ๕ ปี ขายข้าวชีวภาพให้ประเทศอิหร่านเป็นเงินรูเบิล
ตามปริมาณ, คุณภาพและราคาที่กำหนดแน่นอนตลอดสัญญา
แล้วหันมาทุ่มเทพัฒนาเขตปฏิรูปที่ดินในทุ่งกุลาให้เป็นคลัสเตอร์ข้าวชีวภาพทั้งผืนทุ่งเพื่อส่งอิหร่าน
นี่ก็เป็นความเจริญโดยใช้ “ภูมิรัฐศาสตร์ใหม่” ของโลก
สรุปแล้ว….
ที่หมอนี่พูดมา ไม่เกี่ยวอะไรกับการใช้ภูมิรัฐศาสตร์เลย!
ตัวตนจริงจึงเป็นคน “ไม่มีวิสัยทัศน์” และความสามารถทางความคิดที่จะเป็นผู้นำได้
ถ้าต้องพูด ก็ต้องให้คนอื่น “มาคิดให้ฟัง” แล้วจำมาพูดออกทีวีทุกอาทิตย์ จนดูเหมือนว่ารู้เยอะมากๆ
แบบเดียวกับที่ทักษิณออกทีวีมาตลอดเท่านั้นเอง”
หะแรก ผมเชื่อคุณเศรษฐานะ….