กระทรวงสาธารณสุขมาเลเซีย ได้ทำการเปิดเผยข้อมูลล่าสุดระบุว่า ในช่วง 14 วัน ก่อนที่จะถึงวันที่ 8 เมษายนพบว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ได้รับการยืนยันแล้ว มีเพิ่มขึ้นถึง 87.5 เปอร์เซ็นต์ ในขณะเดียวกัน การเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในช่วงเวลาเดียวกัน ก็เพิ่มขึ้น 30.5 เปอร์เซ็นต์ ส่วนการเสียชีวิต ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ที่ 25 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อที่มีอยู่ทั่วประเทศนั้น ขณะนี้รายงานอยู่ที่มากกว่า 13,000 ราย
ด้านสมาคมโรงพยาบาลเอกชนมาเลเซีย ก็ได้ออกมาแนะนำผู้คนกลับมาสวมหน้ากากอนามัยกันอีกครั้ง เมื่อไปอยู่ในสถานที่แออัด และรักษาระยะห่างทางสังคม รวมถึงปฏิบัติตามมาตรการอื่นๆ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสด้วย โดยนายแพทย์กุลจิตต์ ซิงห์ นายกของสมาคมฯ กล่าวว่า แม้ระบบสาธารณสุขทั้งภาครัฐและเอกชนจะมีความพร้อม และมีความสามารถในการจัดการผู้ป่วยที่เพิ่มมากขึ้น แต่ก็ไม่ใช่สาเหตุที่จะทำให้ผู้คนสามารถประมาทที่จะป้องกันตัวเองได้
ขณะเดียวกัน ดร. ไซแนล อรีฟฟิน โอมาร์ ที่ปรึกษาองค์การสาธารณสุขแห่งมาเลเซีย ได้ให้สัมภาษณ์กับ CNA สื่อของสิงคโปร์ว่า การสวมหน้ากากอนามัยยังเป็นทางเลือก ที่ได้รับการสนับสนุนอย่างมาก แม้สถานการณ์โควิดไม่ได้เลวร้ายเหมือนเมื่อก่อน แต่การสวมหน้ากากยังเป็นสิ่งที่ดีอยู่สำหรับประชาชน และนอกจากการสวมหน้ากากแล้ว มาตรการอื่นๆ เช่น การหลีกเลี่ยงพื้นที่แออัด, การทดสอบตัวเอง, และการกักตัว ก็ยังเป็นเรื่องที่ควรปฏิบัติเช่นกัน โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงเช่น ผู้สูงอายุ และบุคคลที่มีโรคประจำตัว
อย่างไรก็ดี เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ดร. ซาลิฮา มุสตาฟา รัฐมนตรีสาธารณสุข ได้ออกมาแถลงว่า แนวโน้มการรับผู้ป่วยโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้น จะไม่เป็นภาระต่อระบบบริการด้านสุขภาพ และโรงพยาบาลจะยังคงเปิดให้บริการไปตามปกติ