วันที่14 ส.ค. 2564 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตผู้สมัครส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ยื่นฟ้องดำเนินคดีอาญาพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ข้อหาบริหารงานผิดพลาดบกพร่องในการแก้ปัญหาโควิด-19 ว่า ไม่เข้าใจเจตนาของพรรคไทยสร้างไทยที่ไปฟ้องพล.อ.ประยุทธ์ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ แม้ศาลอาญาคดีทุจริตฯ จะเปิดช่องให้ประชาชนฟ้องตรงได้ แต่ก็ยังมีปัญหาข้อถกเถียงในด้านกฎหมาย เรื่องคุณสมบัติของพล.อ.ประยุทธ์ จึงมีความเป็นไปได้ที่ศาลจะไม่รับฟ้องหรือต้องส่งให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยต่อไป
“สิ่งที่น่าห่วงก็คือ เมื่อที่สุดหากศาลไม่สามารถรับฟ้องก็จะถูกนำไปขยายผลเป็นประเด็นดราม่าด้อยค่ากระบวนการการยุติธรรมอีกหรือไม่ ทั้งที่พรรคไทยสร้างไทยเหมือนจงใจสร้างประเด็นดังกล่าวขึ้นมา”น.ส.ทิพานัน กล่าว
น.ส. ทิพานัน กล่าวต่อว่า เป็นการฟ้องที่ทำให้รู้ว่าผู้ฟ้องไม่มีความรู้ความเข้าใจของคำว่า “โรคอุบัติใหม่” และ “การแพร่ระบาดสูงสุด ” (Pandemic) ซึ่งผู้เชี่ยวชาญนานาประเทศทั่วโลกยังคงหาวิธีการ และองค์ความรู้ที่จะตามให้ทันไวรัสโควิด-19
รัฐบาลไทยรวมถึง ศบค.ได้ดำเนินการตามรัฐธรรมนูญทั้งมาตรา 47 และมาตรา 55 โดยที่มาตรา 47 วรรค 2 บัญญัติให้บุคคลผู้ยากไร้ย่อมมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขของรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ส่วนมาตรา 47 วรรค 3 บัญญัติให้บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับการป้องกันและขจัดโรคติดต่ออันตรายจากรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลดำเนินการรักษาฟรีโดยผ่านกลไกของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติและกระทรวงสาธารณสุขมาโดยตลอด
และสำหรับบทบัญญัติตามมาตรา 55 นั้น รัฐก็ได้ดำเนินการให้ประชาชนได้รับบริการสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพอย่างทั่วถึง มีการเสริมสร้างความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค ส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการพัฒนาภูมิปัญญาด้านแพทย์แผนไทยให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยบริการสาธารณสุขสำหรับโรคไวรัสโควิด-19 รัฐได้ทำและมีนโยบายครอบคลุมทั้งการส่งเสริมสุขภาพ การควบคุม และป้องกันโรค การรักษาพยาบาล และการฟื้นฟูสุขภาพด้วย