เป็นปัญหาที่ประชาชนกำลังเดือดร้อนอย่างหนัก จากกรณีค่าไฟแพงมาก เท่านั้นไม่พอเดือนหน้า สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. ยังเห็นชอบค่าเอฟทีเป็นอัตราเดียวกันสำหรับบ้านที่อยู่อาศัย และผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทอื่นๆ จะเพิ่มเป็น 98.27 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้างวดเดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคม 66 เฉลี่ยรวมอยู่ที่ 4.77 บาทต่อหน่วย จากเดิมค่าเอฟทีงวด มกราคมถึงเมษายน 66 ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยอยู่ที่อัตรา 4.72 บาทต่อหน่วย ส่วนผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทอื่น อยู่ที่ 5.33 บาทต่อหน่วย
อย่างไรก็ดีวันนี้ ทีมข่าวท็อปนิวส์จะพาย้อนไปดูสาเหตุที่ทำให้ค่าไฟฟ้าแพงในเวลานี้ โดยสาเหตุค่าไฟฟ้าแพง มีจุดเริ่มต้นจากการที่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือ กพช.ที่มีนางสาวยิ่งลักษณ์เป็นประธาน ได้มีมติในช่วงต้นปี 2555 ให้ยกเลิกมติที่รัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่ให้กฟผ.มีกำลังผลิตไฟฟ้า 50% ของกำลังผลิตทั้งประเทศ
ก่อนจะเปิดเสรีให้เอกชนเข้ามาผลิตไฟฟ้าไม่จำกัด พร้อมกับให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ไปจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า หรือ PDP ซึ่งเป็นที่มาของฉบับปรับปรุงครั้งที่ 3 พ.ศ.2555-2573 ที่ต้องมีกำลังผลิตไฟฟ้าใหม่เข้ามาเสริมระบบ
จากนั้นรัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฝผ. เปิดประมูลซื้อไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติจากเอกชน จำนวนประมาณ 5,000 เมกะวัตต์ เป็นระยะเวลา 25 ปี และเป็นบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ของนายสารัชถ์ รัตนาวดี เป็นผู้ชนะการประมูล
อย่างไรก็ตาม การลงนามในสัญญาการซื้อขายไฟฟ้าระหว่าง กฟผ.กับบริษัท กัลฟ์ฯ เป็นไปอย่างเงียบมาก ไม่มีพิธีลงนาม ทั้งที่เป็นโครงการสำคัญ และเซ็นสัญญากันหลังรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ยุบสภาไปแล้ว ซึ่งรัฐบาลยิ่งลักษณ์ยุบสภาไปเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2556 แต่มีการเซ็นสัญญากันในวันที่ 23 ธันวาคม 2556 สัญญาเลขที่ พีพีเอ/ไอพีพี-2556/003