วันที่ 12 เมษายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางปราณี รัตนประยูร รองผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ในฐานะผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตท้องที่จังหวัดพัทลุง ได้ลงนามในประกาศจังหวัดพัทลุง เรื่องมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ฉบับที่ 22 ลงวันที่ 12 เมษายน 2564 เน้นให้ผู้ที่เดินทางจากพื้นที่ควบคุม ตามที่ ศบค.กำหนด เมื่อเข้าจังหวัดพัทลุง จะต้องรายงานตัวกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประธานชุมชน หรือ อสม. ในพื้นที่ที่พักอาศัย และให้กรอกข้อมูลลงทะเบียนตามแบบบันทึกข้อมูลในระบบ Thai QM 2021 ที่กระทรวงมหาดไทยกำหนด
ให้ผู้ที่เดินทางเข้าจังหวัดพัทลุงถือปฏิบัติตามหลักป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด โดยเว้นระยะห่าง 1-2 เมตร หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ ที่มีประชาชนแออัด สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลาเมื่อออกจากที่พัก ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ ตรวจวัดอุณหภูมิและตรวจหาเชื้อโควิด 19 ในกรณีเข้าข่าย สแกนไทยชนะเข้าออกสถานที่ต่างๆทุกครั้งเพื่อให้มีข้อมูลในการประสานงานติดตามตัวได้ง่ายขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประกาศฉบับนี้ ได้ขอความร่วมมือให้ผู้ที่เดินทางจากพื้นที่ควบคุมเข้าจังหวัดพัทลุง ให้อยู่กับบ้านไม่เดินทางไปในที่ที่มีการรวมตัวของประชาชนเป็นจำนวนมาก หรือที่แออัด หลีกเลี่ยงงานเลี้ยงหรืองานสังสรรค์ ทั้งยังประกาศปิดสถานบริการ ผับ บาร์ สถานประกอบการ อาบอบนวด สถานประกอบการที่คล้ายสถาน บริการ ร้านคาราโอเกะ ตั้งแต่วันที่ 13 ถึงวันที่ 23 เมษายน 2564
ผู้ใดฝ่าฝืนประกาศนี้จะมีความผิดตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 มีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกิน 10,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับและหรือเป็นความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ 2548 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกิน 40,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ วันที่ 13 เมษายน 2564 เป็นต้นไป