“จุรินทร์” นำทัพปชป. ปราศรัยวงเวียนใหญ่ แฟนคลับแห่ฟังแน่น เดินหน้านโยบาย “4 ทำ 3 ไม่”

"จุรินทร์" นำทัพปชป. ปราศรัยวงเวียนใหญ่ แฟนคลับแห่ฟังแน่น เดินหน้านโยบาย “4 ทำ 3 ไม่”

23 เมษายน 2566 เมื่อเวลา 17.00 น. พรรคประชาธิปัตย์ ได้จัดเวทีปราศรัยใหญ่ที่บริเวณ ลานพระบรมราชานุสาวรีย์พระเจ้าตากสินมหาราช วงเวียนใหญ่ กรุงเทพมหานคร โดยมีแกนนำพรรค เข้าร่วมการปราศรัยเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่นายชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรค และอดีตประธานรัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค

 

 

 

น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม. ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. พร้อมด้วยแกนนำและผู้สมัคร ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ทั้ง 33 เขต เข้าร่วมเวทีอย่างคับคั่ง โดยมี นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรค เป็นพิธีกร

 

 

สำหรับบรรยากาศรอบบริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์พระเจ้าตากสินมหาราช วงเวียนใหญ่ มีพี่น้องประชาชนชาวกรุงเทพฯ ทั้งจากฝั่งพระนครและฝั่งธนบุรี รวมถึงบรรดาแฟนคลับ และผู้สนับสนุนพรรคเดินทางร่วมรับฟังปราศรัยอย่างหนาแน่นคับคั่งเต็มพื้นที่

 

 

 

 

 

 

 

โดยการปราศรัยครั้งนี้นายองอาจ ขึ้นเวทีเป็นคนแรก โดยเจ้าตัวเริ่มกล่าวปราศรัยว่า เหลือเวลาอีก 20 วันจะถึงวันเลือกตั้ง มีคนจากทั่วสารทิศบอกกับพวกเราว่า การเลือกตั้งปี 2562 จะไม่ได้เลือกประชาธิปัตย์ แต่การเลือกตั้งครั้งนี้พี่น้องประชาชนจะเลือกพรรคประชาธิปัตย์ เบอร์26

“จากการเดินสายหาเสียงทั่วประเทศ พี่น้องจากทั่วสารทิศบอกว่า คราวนี้ประชาธิปัตย์นอนมา ขอให้นอนมาดี ๆ อย่าให้มีพระนำหน้า แล้วขอให้มีพี่น้องประชาชนนำหน้าพวกเราเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร” นายองอาจ กล่าว

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ขณะที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นปราศรัยประกาศยุทธศาสตร์ใน 20 วันสุดท้ายก่อนถึงวันเลือกตั้ง “4 ทำ 3 ไม่” มั่นใจแลนด์สไลด์ไม่มีอยู่จริง โดยกล่าวปราศรัยว่า สวัสดีครับพี่น้องชาวกรุงเทพมหานคร พี่น้องชาวไทยทั่วประเทศ โดยเฉพาะพี่น้องชาวฝั่งธนบุรี สวัสดีทุกท่านครับ ดีใจได้มีโอกาสมาพบพี่น้องอีกครั้งหนึ่งความจริงเราได้มีการปราศรัยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ที่เรียกว่าการปราศรัยใหญ่มาแล้วครั้งหนึ่งก่อนหน้านี้ ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 2 แล้วก็จะมีอีกครั้งหนึ่งเป็นครั้งที่ 3 ก่อนการเลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคมที่จะมาถึงนี้

 

ขอถือโอกาสนี้เชิญชวนพี่น้องไว้ล่วงหน้า สำหรับการปราศรัยครั้งสุดท้ายในการเลือกตั้งเที่ยวนี้ของพรรคประชาธิปัตย์ ขออนุญาตเรียนครับว่า การเลือกตั้งนับตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 14 พฤษภาคม ถ้าพี่น้องนับนิ้วก็จะพอนับได้ซักประมาณ 21 นิ้ว เหลือเวลาอีกประมาณ 3 สัปดาห์ก็จะถึงวันเลือกตั้งที่จะมาถึง

 

ผมไปมาทุกภาคไปมาเกือบจะครบทุกจังหวัดทั่วประเทศหลายรอบ แล้วก็ไม่ว่าจะไปที่ภาคไหน ขอรายงานกับพี่น้องที่เคารพรักทั้งหลายตรงนี้ว่า เสียงตอบรับประชาธิปัตย์ดีขึ้นเป็นลำดับครับ ตั้งแต่ก่อนสมัครรับเลือกตั้งมาจนกระทั่งถึงวันนี้ เหตุผลสำคัญเพราะการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งเที่ยวนี้ประชาธิปัตย์พร้อมที่สุดพรรคหนึ่งของประเทศ อย่างน้อยที่สุดประชาธิปัตย์เที่ยวนี้จัดทัพรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง รวมแล้วทั้งหมด 3 ทัพด้วยกัน 1. ทัพหัวหน้าพรรค 2. ทัพเลขาธิการพรรค และ 3. ทัพอดีตหัวหน้าพรรค ทั้งท่านชวน ท่านบัญญัติ ท่านอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออกตะลุยหาเสียงด้วยกัน สะท้อนความเป็นเอกภาพภายในพรรคประชาธิปัตย์ และสะท้อนความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของชาวประชาธิปัตย์ ทำให้ผู้สมัครของพรรค ทำให้สมาชิกพรรค และพี่น้องชาวไทยทั่วทั้งประเทศได้เกิดความมั่นใจ ว่าเลือกตั้งเที่ยวนี้ประชาธิปัตย์เอาจริงครับพี่น้องครับ

 

 

 

 

แล้วก็ไม่ได้มีเฉพาะแค่ 3 ทัพ แต่ประชาธิปัตย์ยังมีทัพเสริมอีกหลายทัพ ที่ขออนุญาตกราบเรียนกับพี่น้องตรงนี้ อย่างน้อยที่สุด ทัพเสริมอีกทัพหนึ่ง คือทัพเศรษฐกิจของพรรคประชาธิปัตย์ ทำไมประชาธิปัตย์ต้องมีทัพเศรษฐกิจ ทำไมประชาธิปัตย์ต้องมีทีมเศรษฐกิจ เพราะปัญหาประเทศหลังการเลือกตั้ง ปัญหาเศรษฐกิจ ทั้งเศรษฐกิจในประเทศ ทั้งเศรษฐกิจโลกเป็นสิ่งที่ท้าทายรัฐบาลชุดใหม่ ประชาธิปัตย์จำเป็นต้องมีคนที่มีศักยภาพ และมีประสบการณ์ในการที่จะเข้ามาแก้ปัญหา และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ตรงนี้จึงเป็นคำตอบ ทำไมประชาธิปัตย์ต้องมีอีกทัพหนึ่งเพื่อรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งและประกาศนโยบายของพรรค นั่นคือทีมเศรษฐกิจ

 

และทีมเศรษฐกิจของพรรคก็ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลที่มีคุณภาพ ศักยภาพและมีประสบการณ์ในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจมา เช่น ดร.พิสิษฐ์ ลี้อาธรรม เป็นต้น ดร.พิสิษฐ์ เป็นคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นบุคลากรสำคัญของแบงก์ชาติ และที่สำคัญเคยเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังในรัฐบาลชวน หลีกภัย แก้ปัญหาพาประเทศผ่านวิกฤตต้มยำกุ้งมาแล้ว พิสูจน์ชัดเจนแล้วว่ามีศักยภาพ

 

นอกจากนั้นก็ยังมีคุณเกียรติ สิทธีอมร ซึ่งเป็นอดีตประธานผู้แทนการค้าไทยในรัฐบาลท่านอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นรองประธานหอการค้าโลก ซึ่งมีศักยภาพ คุณภาพ เข้าใจการค้าระหว่างประเทศเป็นอย่างดี และยังมีดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ ที่เป็นอดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และเป็นผู้ที่มีภูมิรู้ในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน ด้านคมนาคม เทคโนโลยี เก่งที่สุดคนหนึ่งของประเทศไทย

 

แล้วก็ยังมีบุคลากรที่มีศักยภาพทางการเงินการคลังของประเทศอีกคน ที่เคยเป็นอดีต CEO ของบริษัททีทีแอนด์ทีจำกัด (มหาชน) เคยเป็นรักษาการ CEO ของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย แล้วก็เป็นผู้ที่มีบทบาทเป็น CEO ของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ม.ร.ว.ศศิพฤนท์ จันทรทัต ร่วมทีมเศรษฐกิจของพรรคประชาธิปัตย์อีกคนหนึ่ง ทัพเศรษฐกิจก็ไม่ได้มีแต่คนที่มีประสบการณ์รุ่นผม รุ่นก่อนผม แต่ก็ยังมีคนรุ่นใหม่อีกคนหนึ่งนั่งตรงนี้ ลืมไปไม่ได้แนะนำ เป็นผู้ที่จะเข้ามาช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจทันสมัยและการเงิน ตลาดทุนทันสมัยของประเทศ ให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจต่อไปในอนาคต มาดามเดียร์ วทันยา บุนนาค นี่ก็อีกคนหนึ่งที่มาร่วมทีมเศรษฐกิจประชาธิปัตย์

 

 

 

 

 

 

เพราะฉะนั้นทั้งหมดนี้เพื่อจะบอกกับท่านว่า นอกจากคนคุณภาพ นอกจากคนหลายรุ่นที่มารวมกันเป็นทัพเศรษฐกิจ นอกจากคนมีประสบการณ์ ประชาธิปัตย์ก็มีผลงานการันตีได้ว่าเที่ยวหน้าหลังเลือกตั้ง ถ้าประชาธิปัตย์ตั้งรัฐบาลได้ เราพาประเทศฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจไปได้แน่นอน อย่างน้อยเราทำมาแล้ว เช่น วิกฤตต้มยำกุ้ง รัฐบาลชวน 2 พาประเทศพ้นวิกฤตไปแล้วในปี 40-41-42-43

 

แล้วก็รัฐบาลอภิสิทธิ์ ประชาธิปัตย์พาประเทศฝ่าวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ไปสู่ความเรียบร้อย สวัสดีทุกประการ เรียบร้อยแล้วเหมือนกัน แล้วยุคนี้ เราจะต้องฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจโลกถดถอย เราจะต้องฝ่าวิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครน เราจะต้องส่งออกนำรายได้เข้าประเทศ ฝ่าวิกฤตทางการค้าโลกปัจจุบันนี้ รัฐบาลนายจุรินทร์พร้อมพาประเทศฝ่าวิกฤตนี้ไปข้างหน้าได้แน่นอน

 

 

ทั้งหมดนี้ถ้าพี่น้องให้โอกาสประชาธิปัตย์ เราไม่ได้มีแต่ทัพการเมือง แต่ก็มีทัพเศรษฐกิจ ที่สำคัญสำหรับพี่น้องชาวกรุงเทพมหานคร ผมเรียนกับพี่น้องเลยครับว่า ทีมกรุงเทพฯ ของประชาธิปัตย์เป็นอีกทีมหนึ่งที่มีความเข้มแข็ง เลือกตั้งคราวที่แล้วยอมรับ ประชาธิปัตย์ไม่ได้ที่นั่ง ส.ส.เลยแม้แต่ที่นั่งเดียว แต่จากการทำงานหนักของทีมกรุงเทพฯประชาธิปัตย์ โดยต่อเนื่องแม้ในยามวิกฤตโควิด เราไม่เคยทิ้งคนกรุงเทพฯ เรายังเดินหน้าในการที่จะพาประชาธิปัตย์ไปรับใช้แก้ปัญหาให้คนกรุงเทพฯ จัดตั้งศูนย์แก้ปัญหาฉุกเฉินวิกฤตโควิด หาเตียงให้คนกรุงเทพฯ 5,000-6,000 เตียง ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ผมไปลงพื้นที่หลายคนวิ่งมากอด แล้วก็บอกว่าขอบคุณประชาธิปัตย์ นี่ถ้าฉันไม่ได้ประชาธิปัตย์ ไม่รู้จะยังอยู่วันนี้หรือเปล่า เพราะหาเตียงตอนป่วยเป็นโควิดไม่ได้ พรรคที่หาเตียงให้ฉันคือพรรคประชาธิปัตย์

 

 

นอกจากนั้นข้าวกล่องเดลิเวอรี่ ส่งตรงถึงบ้าน ยามพี่น้องชาวกรุงเทพฯฝั่งธนฯ ถูกล็อคดาวน์ออกมาซื้ออาหาร อาหารกล่องประชาธิปัตย์ส่งตรงถึงบ้านโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ถุงน้ำใจ ปชป.ที่เราพาไปมอบให้กับพี่น้องหลายเขตทั่วประเทศ ทั่วกรุงเทพมหานคร ไปกับท่านองอาจ ไปกับผู้สมัครของเราหลายคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ทุกคน ก็เป็นสิ่งที่ผมเชื่อว่าเป็นคะแนนสะสม ที่ชาวกรุงเทพมหานครจะไม่ทิ้งเรา รวมทั้งการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. แม้ว่าประชาธิปัตย์จะไม่ได้เป็นผู้ว่า กทม. แต่ประชาธิปัตย์ก็มาเป็นที่ 2 ในการลงคะแนนเลือกผู้ว่าฯ กทม.ที่ผ่านมา

 

 

และถ้านับเฉพาะพรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัคร กทม. แข่งขัน ประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองที่ได้คะแนนมาเป็นลำดับที่ 1 เพราะคนเลือกตั้ง เขาลงอิสระ ไม่ได้สังกัดพรรคการเมือง นอกจากนั้นประชาธิปัตย์ยังได้ ส.ก. 9 ที่นั่ง แล้วก็ได้ที่ 2 ถึง 7 ที่นั่ง ทั้งหมดนี้คือสัญญาณบอกว่าคนกรุงเทพฯ ไม่ได้ทิ้งประชาธิปัตย์ และคนกรุงเทพฯ ยังให้โอกาสประชาธิปัตย์

 

 

ผมถึงให้สัมภาษณ์ช่อง 3 ก่อนขึ้นเวทีเมื่อสักครู่นี้ บอกว่าผมเชื่อมั่นเที่ยวนี้ประชาธิปัตย์ปักธงในกรุงเทพมหานครได้แน่นอน แล้วก็ไม่ใช่ปักธงเฉพาะเขตพระนคร แต่ประชาธิปัตย์ฝั่งธนบุรี เที่ยวนี้มีเฮ ล้านเปอร์เซ็นต์

 

 

 

 

 

นี่คือสิ่งที่ขออนุญาตที่จะกราบเรียนกับพี่น้อง ผมตระเวนไปทั่วประเทศอย่างที่กราบเรียน แล้วก็ไปได้รับกำลังใจจากพี่น้องคนไทยหลายจังหวัด หลายกลุ่มอย่างน้อยที่สุด ท่านองอาจพูดไปแล้ว แต่ผมขอรวบรวมมาเล่าให้พี่น้องฟังก็แล้วกัน อย่างน้อย 3 กลุ่มที่ผมไปพบ แล้วก็วิ่งมาพบผม แล้วก็มาสารภาพ แล้วก็มาเล่าความจริงให้ผมฟัง แล้วก็มาบอกว่า เที่ยวหน้าเขาจะตัดสินใจทางการเมืองอย่างไร

 

กลุ่มที่ 1 ที่ผมไปพบ กลุ่มที่ไม่เคยเลือกประชาธิปัตย์มาเลย แต่บอกว่าเที่ยวหน้าฉันจะช่วยเลือกประชาธิปัตย์ เพราะ 4 ปีมานี้ เห็นผลงาน เห็นความตั้งใจจริงของประชาธิปัตย์ ปรากฏให้เห็นเด่นชัดเป็นรูปธรรมที่ฉันยอมรับได้ อย่างน้อยที่สุดประกันรายได้ การส่งออก สร้างเงินให้ประเทศมหาศาล คือสิ่งที่ติดตราตรึงใจทั่วทั้งประเทศ แล้วก็บอกว่าเที่ยวนี้ฉันก็ตัดสินใจจะมาช่วยเลือกประชาธิปัตย์

ที่สำคัญผมไม่ทราบใครอ่านผลโพลล่าสุดหรือยัง วันนี้เขาแถลงผลซุปเปอร์โพล ปรากฏว่า พรรคการเมืองที่ได้รับการโหวตสูงสุดเป็นขวัญใจเกษตรกรที่เป็นคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศมาเป็นลำดับ 1 ชื่อพรรคประชาธิปัตย์

นี่คือสิ่งที่ขอนำมากราบเรียนกับพี่น้องที่เคารพไว้ตรงนี้ให้ทุกคนได้มีกำลังใจ ขอบคุณท่านที่ไม่เคยเลือกประชาธิปัตย์มาเลยทั้งชีวิต แล้วบอกว่าจะมาช่วยเลือกประชาธิปัตย์เที่ยวนี้

กลุ่มที่ 2 กลุ่มที่บอกว่า ฉันเลือกประชาธิปัตย์มาตลอด ไม่เคยทอดทิ้งประชาธิปัตย์เลย ไม่ว่ายามทุกข์ยามสุข แล้วเที่ยวนี้ก็ยังจะยืนหยัดช่วยเลือกประชาธิปัตย์ต่อไป ตรงนี้ใครเป็นคนนั้นบ้าง ขอให้ตบมือได้

ขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับความหนักแน่น มั่นคงที่พี่น้องมีต่อชาวประชาธิปัตย์ ขอบคุณความมั่นคง หนักแน่น ที่พี่น้องมีต่อพวกเรา ผมเรียนว่าเราจะทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด หลายคนบอกว่าฉันไม่เปลี่ยน ยังไงฉันก็เลือกประชาธิปัตย์เพราะฉันชอบนายชวน หลายคนบอกว่ายังไงฉันก็จะเลือกประชาธิปัตย์ เพราะฉันชอบนายบัญญัติ บรรทัดฐาน หลายคนบอกว่าฉันยังจะเลือกประชาธิปัตย์ต่อไป เพราะฉันชอบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แล้วก็มีกับเขาเหมือนกัน ว่าที่ฉันจะเลือกประชาธิปัตย์ต่อไป เพราะฉันรักนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ขอเติมไปด้วยอีกคนหนึ่ง

พี่น้องครับ และเหตุผลสำคัญอีกข้อหนึ่งที่ผมจดไว้ แล้วก็ไม่ลืม ไม่ลืมก็เพราะคนที่หนักแน่น มั่นคงกับประชาธิปัตย์บอก ชัดเจนตรงกันว่า ที่สำคัญอีกข้อหนึ่งก็คือ ประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองที่เขาภูมิใจ เพราะประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองที่เมื่อมีอำนาจแล้วไม่โกง หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์มีมาแล้ว 8 คน ถึงนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ไม่มีคนไหนต้องไปติดคุก ไม่มีคนไหนทุจริตคอร์รัปชั่น นี่คือเหตุผลที่คนกลุ่มที่ 2 บอกกับผม

และกลุ่มที่ 3 สุดท้ายผมเคยเล่าพี่น้องฟังแล้ว องอาจก็พูดไปบ้าง คือคนที่เคยเลือกประชาธิปัตย์ แต่คราวที่แล้ว ไม่ได้เลือก มีหลายคน ผมลงพื้นที่กรุงเทพฯ และหลายจังหวัด วิ่งมากอดผมแล้วก็มาบอกกับผมตรง ๆ คุณจุรินทร์ขอโทษนะ คราวที่แล้วฉันไม่ได้เลือกประชาธิปัตย์หรอก แต่ไม่เป็นไรเที่ยวหน้าฉันจะกลับมาช่วยเลือกประชาธิปัตย์อีก คราวที่แล้วฉันไม่ได้เลือกประชาธิปัตย์เพราะว่าฉันกลัวบางพรรคจะแลนด์สไลด์ ก็เลยต้องไปเลือกอีกพรรค แต่คราวนี้ฉันฟังมาหมดแล้ว ทั้งโพล ผลการสำรวจ ไม่ว่ากี่โพล ทั้งนักวิชาการ ทั้งผู้เชี่ยวชาญการเมือง เขาบอกว่าเลือกตั้งเที่ยวนี้ แลนด์สไลด์ไม่มีจริง เมื่อไม่มีแลนด์สไลด์ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องไปเทเสียงให้ใคร ไปเทเสียงให้พรรคไหนอีกแล้ว ฉันจะกลับมาเลือกประชาธิปัตย์ของฉันเหมือนเดิม และฉันดูไปดูมาแล้ว พรรคประชาธิปัตย์ของฉัน เป็นพรรคการเมืองหนึ่งที่ดีที่สุดของประเทศไทย

1. ประชาธิปัตย์ของฉันก็เทิดทูนสถาบัน ไม่แพ้พรรคไหน ไม่แพ้ลุงคนไหน
2. ประชาธิปัตย์ของฉัน 4 ปีที่ร่วมรัฐบาล ก็มีผลงานไม่แพ้ใคร ทำได้ไว ทำได้จริง
3. ประชาธิปัตย์ของฉัน ซื่อสัตย์ สุจริตที่สุด พรรคหนึ่งของประเทศไทย
4. สำคัญที่สุด เพราะประชาธิปัตย์ของฉัน ซื่อสัตย์สุจริต ประชาธิปัตย์ของฉัน ถ้าได้ไปตั้งรัฐบาลก็จะไม่สร้างเงื่อนไขให้เกิดการยึดอำนาจ เพราะฉะนั้นปฏิวัติจะไม่มีอีก

นี่คือความจริงที่ผมประสบมาและต้องขอถือโอกาสนี้ กราบขอบคุณพี่น้องคนไทยทั้งประเทศ ที่จะช่วยกันจับมือด้วยกันสนับสนุนประชาธิปัตย์ และสิ่งที่ผมขอกราบเรียนถัดจากนี้อีกไม่ยาวนัก อยากจะบอกกับพี่น้องว่า ถ้าประชาธิปัตย์ได้รับเลือกตั้งมามากพอ แล้วเราสามารถตั้งรัฐบาลประชาธิปัตย์ด้วย เราจะเดินหน้าจุดยืนสำคัญที่ขอประกาศวันนี้

จุดยืนสำคัญที่ว่าก็คือจุดยืนในการที่เราจะให้สัญญาประชาคมกับพี่น้องชาวกรุงเทพมหานคร และคนไทยทั้งประเทศ เราจะเดินหน้ายุทธศาสตร์ “4 ทำ 3 ไม่” ถ้าประชาธิปัตย์ตั้งรัฐบาล

4 ที่ประชาธิปัตย์จะต้องทำแน่นอน คือ

1. ประชาธิปัตย์จะทำประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขให้มีความเข้มแข็งยั่งยืนต่อไป ประชาธิปัตย์พร้อมสนับสนุนให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น เพื่อเดินหน้าไปสู่ประชาธิปไตยเต็มใบ เพราะถ้าครึ่งใบก็กระท่อนกระแท่นต่อแรงเสียดทานไม่จบสิ้นอยู่เหมือนอย่างทุกวันนี้ ประชาธิปไตยเต็มใบจึงเป็นทางรอด แต่การแก้รัฐธรรมนูญไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยเต็มใบ ต้องมีเงื่อนไขคือ ต้องไม่แตะหมวด 1 และหมวด 2 ที่ว่าด้วยสถาบันพระมหากษัตริย์

2. คนเป็นนายกรัฐมนตรีเที่ยวหน้าต้องมีเงื่อนไข 2 ข้อ ข้อ 1 นอกจากต้องได้รับเสียงข้างมากในที่ประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภารวมกัน คือได้เสียงเกิน 376 เสียง จาก 750 เสียงแล้ว ยังจะต้องมีข้อ 2 กำกับด้วย ข้อเดียวไม่พอ ข้อ 2 ที่ว่า ก็คือจะต้องมีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนด้วย เพื่อให้นายกรัฐมนตรีคนใหม่มีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร เพราะถ้าได้เป็นนายกฯ ในที่ประชุม 2 สภาแต่มามีเสียงน้อยในสภาผู้แทน ก็กลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย สุดท้ายบริหารไม่ถึง 2 ยก จอดครับ ประเทศก็จะไปไม่รอด เพราะฉะนั้น 2 ข้อนี้ ต้องไปด้วยกัน

 

 

 

และข้อ 3 ที่ขอกราบเรียน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยประสบการณ์นิติบัญญัติ 11 สมัย เป็นมาทั้งประธานวิปรัฐบาล เป็นมาทั้งประธานวิปฝ่ายค้าน และประสบการณ์ในการบริหารราชการแผ่นดิน เป็นรัฐมนตรีครั้งแรกตั้งแต่อายุ 36 เป็นมาแล้วทั้งรัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ รัฐมนตรีกีฬา รัฐมนตรีท่องเที่ยวรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ รัฐมนตรีศึกษา รัฐมนตรีสาธารณสุข รัฐมนตรีพาณิชย์ และรองนายกรัฐมนตรี

 

 

ผมพร้อมที่จะเป็นผู้นำประเทศในระบบรัฐสภา พร้อมที่จะใช้เวทีสภาเป็นเวทีแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ และไม่หนีสภาและพร้อมที่จะเดินหน้าขับเคลื่อนประชาธิปไตยรัฐสภาเต็มใบต่อไป ถ้าได้มีโอกาสเป็นผู้นำประเทศ

 

 

2. นอกจากต้องทำประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขให้เข้มแข็งแล้ว เรายังจะต้องเดินหน้าประชาธิปไตยสุจริต หรือประชาธิปไตยไม่โกง เราไม่เอาการซื้อสิทธิ์ขายเสียง การประมูลตัวผู้แทนราษฎร เพราะการซื้อสิทธิ์ขายเสียงการประมูลตัวผู้แทนราษฎรนำมาซึ่งการลงทุนมหาศาลไปมีอำนาจเมื่อไหร่ก็จะกลับมาถอนทุนคืนคือการทุจริตคอร์รัปชั่น และการคอร์รัปชั่นไม่ได้เป็นภัยแต่ใครคนใดคนหนึ่ง เป็นภัยกับคนไทยทั้งประเทศ และเป็นภัยทั้งประชาธิปไตยและประเทศไทยของเราด้วย ถ้ามีคอร์รัปชั่นสำหรับคนไทยงบประมาณสร้างสะพาน 1,000 สะพาน จะเหลือ 600 สะพาน คอร์รัปชั่นไป 400 ถนนหมื่นกิโลเมตร จะเหลือ 7,000 กิโลเมตร โรงพยาบาลหมื่นแห่ง จะเหลือ 7,000 แห่ง โรงเรียน 20,000 โรง จะเหลือ 14,000 โรง นี่คือผลกระทบจากการทุจริตคอร์รัปชั่นที่เกิดกับประชาชนโดยตรง และที่เกิดกับประเทศ ถ้าประเทศไทยคอร์รัปชั่น มีดัชนีคอร์รัปชั่นสูง นักลงทุนก็จะไม่มาลงทุนในประเทศ เพราะเขาเพิ่มต้นทุนต้องมีเงินใต้โต๊ะเป็นทุนในการที่เขามาลงอีก เขาไปลงประเทศที่ซื่อสัตย์สุจริตดีกว่า ไม่มีต้นทุนเรื่องเงินใต้โต๊ะ ทำกำไรได้มากกว่า นี่คือผลร้ายที่จะเกิดขึ้นกับการทุจริตคอร์รัปชั่น และสิ่งนี้คือสิ่งที่เป็นอุดมการณ์ประชาธิปัตย์ที่เราจะต้องขับเคลื่อนประชาธิปไตยสุจริต

 

 

ที่สำคัญคดีทุจริตคอร์รัปชั่น ต้องไม่มีอายุความต่อไป ไม่แก้ไขเรื่องนี้ คดีทุจริตคอร์รัปชั่นต้องไม่ไปลดโทษเหมือนกับคดีทั่วไป ติดคุกไม่กี่ปีออกมายืนยิ้มเยาะเย้ยคนไทยทั้งประเทศ คดีทุจริตติดคุกที่บ้านได้ ประชาธิปัตย์ไม่เอา

 

 

ประชาธิปไตยไม่โกงจึงเป็นเรื่องจำเป็น พรรคไหนโกง พรรคไหนทุจริต พี่น้องต้องจำไว้ และต้องไม่เลือกกลับเข้ามามีอำนาจเพื่อกลับมาโกงเราอีก

 

 

และข้อ 3 ที่เราจะทำก็คือ เราจะทำประชาธิปไตยท้องอิ่ม ประชาธิปัตย์เป็นพรรคเดียวที่มีนโยบายชัดเจนว่า เราจะทำให้คนไทยทั้งประเทศอิ่มท้องได้อย่างไร ด้วยการประกันรายได้คนไทย และประกันรายได้ประเทศ หลายพรรคถูกวิพากษ์วิจารณ์คิดแต่จะใช้เงิน คิดแต่จะแจกเงิน แต่ประชาธิปัตย์ไม่แจก ประชาธิปัตย์เป็นพรรคหนึ่งในไม่กี่พรรคที่คิดจะสร้างเงิน และหาเงินให้กับประเทศ ด้วยการส่งออก หารายได้เข้าประเทศนายจุรินทร์ทำให้เห็นแล้ว และด้วยการท่องเที่ยว นายจุรินทร์เคยเป็นรัฐมนตรีท่องเที่ยวมา Amazing Thailand ยุคแรก ๆ คนทำยืนอยู่ตรงนี้ครับ ที่ทำเงินให้ประเทศมหาศาลจนถึงวันนี้ กลายเป็น Amazing Thailand New Chapter ที่ยังใช้อยู่จนวันนี้ เพราะฉะนั้นถ้าประชาธิปัตย์ตั้งรัฐบาลได้ เราจะประกันรายได้ประเทศด้วยการท่องเที่ยวและการส่งออกที่ได้ทำให้เห็นมาแล้ว

 

 

พี่น้องครับข้อ 4 ที่เราจะทำ เราจะจัดการกับปัญหายาเสพติด ที่คุกคามสังคมไทยและคุกคามชุมชนพี่น้องชาวกรุงเทพมหานครอยู่วันนี้ให้สิ้นซากโดยเร็วที่สุด ด้วยยุทธศาสตร์ “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน” กัญชา ประชาธิปัตย์สนับสนุนกัญชาทางการแพทย์ แต่ประชาธิปัตย์ไม่เอากัญชาเสรี นี่คือ “4 ทำ” ของประชาธิปัตย์

 

 

และ “3 ไม่” สั้น ๆ ที่ขอประกาศตรงนี้ว่าประชาธิปัตย์ไม่เอา
1. ประชาธิปัตย์ ไม่เลิกมาตรา 112
2. ประชาธิปัตย์ไม่เอายาเสพติด
3. ประชาธิปัตย์ไม่เอาทุจริตคอร์รัปชั่น

 

 

ผมพูดมาทั้งหมดนี้เพื่อที่จะสรุปความกับพี่น้องคนไทยทั้งประเทศและชาวกรุงเทพมหานคร ว่าขอให้พี่น้องได้มาจับมือร่วมกันกับพรรคประชาธิปัตย์เดินหน้านโยบาย “4 ทำ 3 ไม่” ไปด้วยกันกับเรา ด้วยวิถีประชาธิปไตยไม่โกง เพื่อให้พวกเราทั้งชาวประชาธิปัตย์และพี่น้องคนไทยทุกคนร่วมกันพาประเทศไทยไปสู่อนาคตที่ดีกว่าอย่างยั่งยืนต่อไป ขอให้พี่น้องหนักแน่นมั่นคงกับสิ่งที่เราจะทำดีให้กับประเทศต่อไป และสุดท้ายผมขอถือโอกาสนี้พี่น้องครับทุกคน ขอให้ช่วยกันเป็นกำลังใจสนับสนุนประชาธิปัตย์ ประชาธิปัตย์หลายคนที่หนักแน่น มั่นคง อยู่กับพรรคขอขอบคุณ หลายคนที่จากเราไปคราวที่แล้ว เที่ยวนี้ขอให้กลับบ้านเรา มาช่วยสนับสนุนประชาธิปัตย์ของเรา

 

 

มาช่วยสนับสนุนประชาธิปัตย์ของเรา ให้ขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าให้ได้ต่อไป เพื่ออนาคตที่ดีกว่าอย่างยั่งยืน ด้วยการเลือกผู้แทนเขตทุกเขตทั้ง 400 เขตทั่วประเทศของประชาธิปัตย์ และด้วยการลงคะแนนเลือกบัตรใบที่ 2 ประชาธิปัตย์ เบอร์ 26 ครับ ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับพี่น้องทุกคนครับ

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สุดทน "พ่อพิการ" ร้อง "กัน จอมพลัง" หลังถูกลูกทรพี ใช้จอบจามหัว-ทำร้ายร่างกาย จนนอน รพ.นับเดือน
สลด กระบะชนจยย.พลิกคว่ำตก "ดอยโป่งแยง" เชียงใหม่ เจ็บตายรวม 13 ราย
“สมศักดิ์” ยกนวดไทยเป็นมรดกชาติ สร้างมูลค่าเศรษฐกิจสุขภาพ เล็งพาหมอนวดโกอินเตอร์ โชว์ฝีมืองาน เวิลด์เอ็กซ์โปโอซาก้า ญี่ปุ่น
ห่ามาแล้ว! “แม่สอด” พบติดเชื้ออหิวาต์ เผยญาติฝั่งพม่าซื้อข้าวมากินด้วยกัน
ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ สั่งตั้งคกก.สอบ "ตร.จราจร" รีดเงินแทนเขียนใบสั่ง
สตม. บุกทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กลางคอนโดหรูห้วยขวาง รวบ 6 คนจีน อึ้งเจอซิมการ์ด 2 แสนซิม
ครูบาอริยชาติ เชิญชวนพุทธศาสนิกชน ฉลองสมโภช 18 ปีวัดแสงแก้วโพธิญาณ และทำบุญฉลองอายุวัฒนมงคล 44 ปี
กกต.สั่งดำเนินคดีอาญา "ชวาล" ส.ส.พรรคประชาชน ยื่นบัญชีใช้จ่ายเท็จ โทษคุก-ตัดสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี
จีนเตือนสหรัฐกำลังเล่นกับไฟหลังส่งอาวุธให้ไต้หวัน
อิลอน มัสก์วิจารณ์แรงผู้นำเยอรมันเหตุโจมตีตลาดคริสต์มาส

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น