ศาลฎีกาสั่งจำคุก 6 ปี “อนุรักษ์” อดีตส.ส.เพื่อไทย รีดเงินอธิบดีกรมน้ำบาดาล 5 ล้าน

ศาลฎีกาสั่งจำคุก 6 ปี "อนุรักษ์" อดีตส.ส.เพื่อไทย รีดเงินอธิบดีกรมน้ำบาดาล 5 ล้าน

วันที่ 25 เม.ย. 66 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อม.4/2565 ระที่อัยการสูงสุด ยื่นฟ้อง นายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย เป็นจำเลย

โจทก์ยื่นฟ้องว่า ขณะเกิดเหตุ จำเลยดำรงตำแหน่ง ส.ส. ,กมธ.วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2564 และอนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ 2 ในคณะกมธ.วิสามัญดังกล่าว วันที่ 4 ส.ค.2563 จำเลยได้เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดจาก นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน 5 ล้านบาท เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งของจำเลย ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือ มิชอบด้วยหน้าที่ และเป็นการปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ ผู้หนึ่งผู้ใด หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

ขอให้ลงโทษตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561มาตรา 172,173 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149,157 จำเลยให้การปฏิเสธ

วันนี้จำเลยเดินทางมาฟังคำพิพากษา

องค์คณะผู้พิพากษาเสียงข้างมากเห็นว่า โจทก์มีนายศักดาเป็นประจักษ์พยานผู้รู้เห็น เรื่องที่จําเลยโทรศัพท์มาพูดเรียกเงินและของานจากนายศักดิ์ดา แต่จําเลยเบิกความปฏิเสธ คำเบิกความของ นายศักดิ์ดาและคำเบิกความของจำเลยมีลักษณะโต้แย้งยืนกันอยู่ จึงต้องพิจารณาพยานพฤติเหตุแวดล้อม ประกอบกัน จำเลยไม่ได้ซักถามเรื่องงบประมาณของกรมทรัพยากรน้ำบาดาลในฐานะอนุกรรมาธิการ

องค์คณะผู้พิพากษามีมติเสียงข้างมากเห็นว่า โจทก์มีนายศักดิ์ดาเป็นประจักษ์พยานที่รู้เห็น ตามปกติทั่วไป จำเลยเป็นรองประธานคณะอนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ 2

หากจําเลยต้องการเอกสารแบบแปลนและประมาณราคา สามารถมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการของคณะอนุกรรมาธิการ ดำเนินการให้ได้ ไม่มีความจําเป็นต้องโทรศัพท์ติดต่อกับนายศักดิ์ดาด้วยตนเองโดยไม่มีบุคคลอื่นได้ยิน ข้อความสนทนา ทั้งถ้อยคำที่จำเลยพูดคุยกับนายศักดิ์ดายังเกี่ยวพันไปถึงการขอเข้าเป็นผู้รับจ้างงานก่อสร้าง ของกรมทรัพยากรน้ำบาดาลอันเป็นเรื่องเฉพาะตัวของจำเลย หลังเกิดเหตุนายศักดิ์ดาเล่าให้นายภาดล ถาวรกฤชรัตน์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ และนายสุรินทร์ วรกิจธำรง ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาบาดาลฟังในคืนเกิดเหตุทันที และวันรุ่งขึ้นได้เล่าให้นายนริศ ขำนุรักษ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฟังด้วย เมื่อพิจารณาระยะเวลาที่จําเลยโทรศัพท์พูดคุยกับนายศักดิ์ดาประมาณ 15 นาที หากเพียงแค่ขอเอกสารไม่น่าจะต้องใช้ เวลานานมากเพียงนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวยังเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับบุคคลหลายคนจึงไม่น่าเป็นไปได้ที่นายศักดิ์ดา จะคิดวางแผนสร้างเรื่องไปบอกพยานทั้งสามว่าจำเลยเรียกเงินและของาน ทั้งยังปรากฏว่านางนันทนา สงฆ์ประชา เลขานุการคณะอนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ 5 ติดต่อกับนายศักดิ์ดาให้โทรศัพท์ไปหาจำเลยก่อน พฤติการณ์ที่เกิดขึ้นไม่อยู่ในวิสัยที่นายศักดิ์ดาจะวางแผนให้จำเลยเป็นฝ่ายเริ่มติดต่อมาก่อน ยิ่งกว่านั้นในวันรุ่งขึ้นนายศักดิ์ดาได้พูดในที่ประชุมว่า เมื่อคืนนี้มีอนุกรรมาธิการคนหนึ่งโทรไปหาผมตบทรัพย์ผม 5 ล้านบาท ซึ่งมีลักษณะเป็นการพูดโต้ตอบด้วยความอัดอั้นกดดันจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน คืนเกิดเหตุโดยยังไม่ระบุชื่อจำเลยว่าเป็นผู้เรียกเงินหรือของาน หากจำเลยไม่โทรศัพท์เรียกเงินและของานก็ไม่ มีเหตุที่นายศักดิ์ดาจะต้องพูดเรื่องร้ายแรงเช่นนี้ในที่ประชุม หลังจากนั้นในช่วงบ่ายจำเลยก็ไม่เข้าประชุมอีก นอกจากนี้จำเลยยังโทรศัพท์ไปพูดกับนายภาดล ซึ่งเป็นการกระทำในลักษณะเดียวกับที่จำเลยพูดกับนายศักดิ์ดา ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน

 

ข่าวที่น่าสนใจ

นายศักดิ์ดาและนายภาดลต่างดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมที่ต้องไปชี้แจงเกี่ยวกับ งบประมาณต่อคณะอนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ 2 ที่มีจำเลยเป็นรองประธานในวันรุ่งขึ้น พฤติการณ์ บ่งชี้ว่าจำเลยโทรศัพท์ไปเจรจาต่อรองผลประโยชน์จากโครงการที่จำเลยกำลังมีส่วนในการพิจารณางบประมาณดังที่นายศักดิ์ดาและนายภาดลเบิกความ

คำเบิกความของนายศักดิ์ดาจึงมีเหตุผลและสอดคล้อง เชื่อมโยงกับพยานอื่นทำให้มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ พยานหลักฐานที่ไต่สวนมามีน้ำหนักมั่นคงรับฟังได้ว่า จำเลยได้ กระทําตามข้อกล่าวหาในฟ้องจริง จำเลยเป็นส.ส. กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พรบ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 และอนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ 2 ใน คณะกรรมาธิการวิสามัญดังกล่าว จึงเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าพนักงานของรัฐ และเป็น เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา

จำเลยในฐานะอนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ 2 ย่อมมีอำนาจ หน้าที่เสนอความเห็นตามกรอบแนวทางการพิจารณา รวมถึงสามารถเสนอความเห็นในการปรับลด งบประมาณของหน่วยงานต่อที่ประชุมคณะอนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ 2 เพื่อให้ที่ประชุมพิจารณาลง มติเห็นชอบและเสนอคณะ กมธ.วิสามัญฯ พิจารณาต่อไป แม้จำเลยเพียงคนเดียวจะไม่มีอำนาจ เด็ดขาดในการปรับลดงบประมาณของกรมทรัพยากรน้ำบาดาลดังที่จำเลยอ้าง เพราะผลการพิจารณาต้อง
เป็นไปตามมติที่ประชุมก็ตาม แต่การเสนอความเห็นเกี่ยวกับงบประมาณในขั้นตอนต่างๆ ดังกล่าวถือได้ว่า เป็นอำนาจหน้าที่ของจําเลย ซึ่งจําเลยอาจเสนอความเห็นให้คุณหรือให้โทษแก่งบประมาณของหน่วยราชการที่พิจารณา

การที่จําเลยโทรศัพท์ไปเรียกเงินและของานจากนายศักดิ์ดา ย่อมเป็นการกระทําในตำแหน่งและอยู่ในอำนาจหน้าที่ของจำเลยโดยตรง การกระทำ ของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นการเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสําหรับจําเลยโดยมิชอบ เพื่อกระทําการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งของจำเลย ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ และเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่กรมทรัพยากร ความผิดตาม พรป.รัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 น้ำบาดาล และราชการ มาตรา 173 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ซึ่งเป็นบทเฉพาะแล้ว จึงไม่จําต้องปรับบทความผิด หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามฟ้อง

อนึ่ง เมื่อการกระทำของจำเลยเป็น ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ซึ่งเป็นบททั่วไปอีกจำเลยกระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา ย่อมมีผลให้จำเลยพ้นจากตำแหน่งนับแต่วันหยุด ปฏิบัติหน้าที่ และต้องถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไป โดยไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือสมัครรับ เลือกเป็น ส.ส., ส.ว. สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นตลอดไป และไม่มี สิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองใด ๆ ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81 วรรคหนึ่งและวรรคสอง กับให้ศาลมีอำนาจสั่งเพิกถอนสิทธิ เลือกตั้งมีกำหนดเวลาไม่เกิน 10 ปี ด้วยหรือไม่ก็ได้ แต่เนื่องจากในคดีหมายเลขแดงที่ คมจ. 1/2566 ของศาลฎีกา ศาลมีคำสั่งให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้คัดค้าน (จำเลยคดีนี้) มีกำหนดเวลา 10 ปี นับแต่วันที่ 6 ม.ค.2566 อันเป็นวันที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาในคดีดังกล่าว ซึ่งการกระทำในคดีดังกล่าวเป็นการกระทำเดียวกันกับคดีนี้ จึงเห็นสมควรไม่สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยในคดีนี้อีก

 

พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 173 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 การกระทำของจำเลย เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 อันเป็นกฎหมาย บทที่มีโทษหนักที่สุด องค์คณะผู้พิพากษามีมติเสียงข้างมาก ลงโทษ จำคุก 6 ปี กับให้จำเลยพ้นจากตำแหน่งนับแต่วันที่ 19 เม.ย.2565 อันเป็นวันที่ศาลมีคำสั่งให้จำเลย หยุดปฏิบัติหน้าที่ในคดีนี้ และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของจำเลยตลอดไป โดยไม่มีสิทธิสมัครรับ เลือกตั้งหรือสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหาร ท้องถิ่นตลอดไป และไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองใด ๆ ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81 วรรคหนึ่งและวรรคสอง

โดยภายหลังศาลมีคำพิพากษ์นายอนุรักษ์ ได้ยื่นคำร้องขอประกันตัวในชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา ศาลฎีกามีพิพากษา ให้นายอนุรักษ์ มีความผิดคดีฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ให้พ้นจากจากตำเเหน่งหน้าที่เพิกถอนสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งตลอดไป และไม่มีสิทธิ์ดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ และเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เปิด 10 ฉายาดารา ปี 67 "แน็ก ชาลี -เจนี่-นาย-ใบเฟิร์น" มาครบ " หนุ่ม กรรชัย" พีกสุด
"เท้ง ณัฐพงษ์" ข้องใจ ปมกกต. ฟันอาญา สส.ชลบุรี พรรคปชน. แจ้งบัญชีใช้จ่ายเท็จ โวยกลั่นแกล้งการเมือง แค่ข้อหาเล็กน้อย
รวบหนุ่มมะกันเผาผู้โดยสารหญิงในซับเวย์นิวยอร์ก
"นายกฯ" ไม่โกรธฉายาครม.ปี 67 มองเป็นสีสัน ลั่น "รัฐบาลพ่อเลี้ยง" ก็ดีช่วยทำงาน เพราะพ่อมีประสบการณ์
"นายกฯ" อวยพรปีใหม่คนไทย ขอให้มีความสุขเรื่องใกล้ตัว บอกปีหน้าเป็นปีแห่งโอกาส รัฐบาลจะทำเต็มที่
ทร.เอาจริง! ติดเขี้ยวเล็บให้ปชช.แนวชายแดน สอนจับปืน-ศัตรูมาพร้อมซัดโป้ง
คดีสังหาร สจ.โต้ง ส่อบานปลาย คลิปเสียงโผล่อีกไขปมยิง โยงเงินปริศนา 70 ล้าน
"อดีตสว.สมชาย" ชี้ฝ่ายอนุรักษ์เดินหมากผิด เปิดโอกาส"ระบอบทักษิณ"ฟื้นชีพรอบวกส้ม
ม่วนกรุ๊ป เริ่มแล้ว เทศกาลตีคลีไฟชัยภูมิ หนึ่งเดียวในโลก 1 ครั้งในรอบปี สุดคึกคัก
ชาวเวียดนามในโฮจิมินห์ดีใจมีรถไฟใต้ดินใช้แล้ว

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น