เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา พลตำรวจโทอิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 เดินทางไปดูการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ และสอบถามพฤติกรรมก่อเหตุชิงทรัพย์ของนายฐิติพงษ์ สายร่วมญาติ อายุ 32 ปี คนร้าย ซึ่งได้ทองรูปพรรณหนัก 1 บาท จำนวน 18 เส้น มูลค่าประมาณ 5 แสน 8 หมื่น 5 พันบาท หลังก่อเหตุนายฐิติพงษ์ วิ่งไปขับขี่รถจักรยานยนต์
ซึ่งจอดไว้หน้าห้างสรรพสินค้า และได้เปลี่ยนสวมหมวกแก๊ปเพื่ออำพลาง และขับขี่รถจักรยานยนต์ไปตามถนนสุขุมวิท และเลี้ยวเข้าถนนสายประชุมมิตร -หาดน้ำริน และขับขี่วนเวียนหลอกตำรวจเพื่อให้สับสนในการติดตามจากนั้นนายฐิติพงษ์ คนร้ายจึงขับขี่รถจักรยานยนต์ไปหาภรรยา ที่ตำบลบ่อวิน อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี และนำทองที่ชิงไปได้ไปขายเพื่อนำไปเสียค่าปรับข้อหาเมาแล้วขับ ซึ่งถูกจับที่ สภ.แสนสุข จังหวัดชลบุรีและใช้จ่ายในการหลบหนี จากนั้นนายฐิติพงษ์ ย้อนกลับมาจังหวัดระยอง โดยไปเช่ารีสอร์ทแห่งหนึ่งในพื้นที่หมู่ 7 ตำบลมาบข่า อำเภอนิคมพัฒนา หลบซ่อนตัว กระทั้งตำรวจสืบสวนรู้เบาะแส และนำกำลังไปปิดล้อมรีสอร์ทเมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมา และจับตัวนายฐิติพงษ์ ไว้ได้ จากนั้นจึงนำตัวไปที่ตำบลบ่อวิน เพื่อตรวจยึดทอง และปืนของกลางที่ใช้ก่อเหตุ และยึดสร้อยคอทองคำ ของกลางกลับคืนมาได้จำนวน 17 เส้น แหวนทองคำ 1 วง เงินสด 6 หมื่น 2 พัน 8ร้อย 20 บาทรวมทั้งรถจักรยานยนต์ที่ใช้ขับขี่ไปก่อเหตุ และอาวุปืนสีดำ 1 กระบอก
พลตำรวจโทอิทธิพล อิทธิสารณชัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบประวัติ นายฐิติพงษ์ ผู้ต้องหา ไม่พบประวัติเคยถูกจับดำเนินคดีอาชญากรรมแต่อย่างใด มีเพียงถูกจับข้อหาเมาแล้วขับเท่านั้น ซึ่งนายฐิติพงษ์ ผู้ต้องหา ให้การว่า ก่อเหตุเพราะต้องการนำเงินไปเสียค่าปรับที่ศาลจังหวัดชลบุรีเท่านั้น ซึ่งตำรวจแจ้งข้อหา วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อความสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือพาทรัพย์นั้นไปหรือให่พ้นจากการจับกุม
