“บิ๊กตู่” นำครม.เคาะขอเบิกงบฯเพิ่มหมื่นล้าน ช่วย 2 มาตรการลดภาระค่าไฟ

"บิ๊กตู่" นำครม.เคาะขอเบิกงบฯเพิ่มหมื่นล้าน ช่วย 2 มาตรการลดภาระค่าไฟ

วันที่ 25 เม.ย.66 ที่ทำเนียบรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภายหลังการประชุมครม. ว่า วันนี้มีหลายเรื่องต้องพิจารณา โดยเฉพาะ การใช้งบประมาณที่ต้องพิจารณาเป็นพิเศษ ซึ่งหลายคนคงรอฟังว่ารัฐบาล จะดูแลเรื่องพลังงานอย่างไร ที่ผ่านมาก็ให้ย้อนกลับไปดูว่ารัฐบาลดูแลค่าไฟอย่างไร สำหรับผู้ใช้ไม่เกิน150 กับ 300 หน่วย และวันนี้เพิ่มการดูแลในส่วนผู้ใช้ไฟ 500 หน่วย ซึ่งความเป็นไปของเรื่องพลังงานมีรายละเอียดปลีกย่อยมากมาย ในส่วนของพลังงานทดแทน พลังงานหมุนเวียนยังอยู่ในขั้นตอนการก่อสร้าง ไม่ได้เอามาใช้จ่ายบวกรวมตรงนี้ เป็นเรื่องของอนาคตเป็นคนละเรื่องกันเพราะเป็นเรื่องอนาคต โดยจะชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมภายหลัง รวมถึงในส่วนคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ขอให้ไว้วางใจซึ่งกันและกัน เราพยายามทำให้ดีที่สุดแล้ว

นายกรัฐมนตรียังบอกว่าเป็นข้อกังวลเหมือนกัน โดยเฉพาะที่มีการไปหาเสียง เรื่องพลังงานของพรรคการเมืองต่างๆว่าจะลดเท่านั้น เท่านี้ ถ้ามาดูข้อเท็จจริง มันมีรายละเอียดอีกมาก ทั้งเรื่องเหตุผลและความเป็นจริง สิ่งสำคัญที่สุดคือการพยายามทำให้ประเทศไทย มีการเจริญเติบโตทางด้านการรักษาสิ่งแวดล้อมด้วย ซึ่งที่เราอนุมัติช่วยเหลือค่าไฟ 2 งวดมันทำให้เกิดภาระ

ส่วนที่บอกว่าผลิตไฟฟ้าสำรองเกิน 50-60% ไม่ใช่ตัวเลขนั้น ขอให้เข้าใจอย่าไปหาเสียงทำให้เกิดความตื่นตระหนก ทำให้การบริหารทำไม่ได้ ซึ่งวันนี้ที่ประชุม ครม. เห็นชอบ อนุมัติ เพิ่มเติมให้มีการต่อขยายช่วยกลุ่มเปราะบาง ออกไปอีก 4 เดือน และเพิ่มเติมในกลุ่มที่ใช้ไฟฟ้า500 หน่วยขึ้นไป ลด 150 บาท และค่าเฉลี่ยทั้ง 2 ฝ่ายทั้งประชาชนและอุตสาหกรรมค่าไฟจะเท่ากัน จากเดิมที่เสียสละจ่ายหน่วยละ 5 บาท เป็นภาระของภาคอุตสาหกรรม ซึ่งนายกฯก็ดูแลหมด พร้อมบอกว่าการดูแลคนส่วนใหญ่มันลำบากเหมือนกัน แต่ละประเภทมีคนเท่าไหร่ ก็ต้องมุ่งเป้าว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร

 

ข่าวที่น่าสนใจ

พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงงบประมาณที่ใช้ในการช่วยเหลือค่าไฟฟ้า ในเดือนพฤษภาคมนี้ ใช้งบ 3,500 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาใช้ไปแสนกว่าล้าน รวมถึงเรื่องการลดภาษี หากต่อไปอีกก็จะใช้กว่าหมื่นล้านบาท

โดยวันนี้มติครม.เห็นชอบร่วมกันและจะนำส่ง กกต. พิจารณา เพื่อนำงบกลางมาใช้ช่วยเหลือประชาชน ซึ่งสถานการณ์ค่าพลังงานยังไม่แน่นอน ราคาขึ้นลงอยู่แบบนี้มาตลอด ต้องดูว่าจะทำอย่างไร ต้องแก้ปัญหาไป ซึ่งงบประมาณก็จำกัดพอสมควร หนี้ที่เกิดจากพยุงราคาพลังงานซึ่งเป็นการดำเนินการของรัฐวิสาหกิจ ยืนยันรัฐบาลจะให้ความเป็นธรรมกับทุกภาคส่วนที่ร่วมบริหารจัดการพลังงาน เพราะรัฐบาลไม่สามารถจะลงทุนทั้งหมดได้ ดังนั้นจึงให้เอกชนเข้ามาลงทุนด้วยแต่ต้องเป็นไปตามกฎหมาย กติกาที่มีอยู่ สิ่งใดที่เป็นปัญหาด้านกฎหมาย กระทรวงพลังงานก็ได้ดูแลในเรื่องสัญญาต่างๆ ให้กรมอัยการพิจารณาดูแล้ว ขณะนี้ได้รับรายงานมาแล้วว่าเป็นธรรมหรือไม่เป็นธรรม

พร้อมกันนี้นายกฯยังอธิบายด้วยว่าการช่วยเหลือค่าไฟจะแบ่งเป็น 2 ส่วน โดยจะเป็นการช่วยเหลือค่าไฟในหน้าร้อน 1 เดือน(พฤษภาคม) ซึ่งสภาพอากาศร้อนทำให้มีการใช้ไฟฟ้าที่สูงกว่าปกติ โดยเฉพาะการเร่งความเย็นของแอร์ ซึ่งมีการชี้แจงมาแล้วว่ามีการใช้เพิ่ม 2-3 เท่า หลายคนบอกเปิดแอร์เหมือนเดิม ซึ่งการเร่งแอร์ค่าไฟก็เพิ่มขึ้นเป็น 2-3 เท่า ดังนั้นการที่จะเอาบิลค่าไฟฟ้ามาดู อย่าเอามาเทียบเฉพาะด้านขวามือ ให้ดูทั้งหมด กรุณาเสนอให้ครบ โดยให้ดูบิลฝั่งซ้ายที่เป็นหน่วยวัดไฟฟ้าด้วยว่าเดือนนี้กับเดือนที่ผ่านมาต่างกันอย่างไร ไม่เช่นนั้นก็จะเข้าใจกันผิด

 

ในช่วงท้ายนายกฯถามผู้สื่อข่าวว่ามีอะไรจะถามอีกหรือไม่ พอแล้วเรื่องพลังงานปวดหัว ก่อนจะขอบคุณสื่อและประชาชนทุกคน ก่อนจะบอกอีกว่าวันนี้พูดในนามรัฐบาล และขอขอบคุณ พรรคร่วมรัฐบาลและรองนายกฯ และบรรดารัฐมนตรีที่ส่วนใหญ่เข้ามามาประชุม ครม. แต่บางคนก็จำเป็น มีการลาเป็นเรื่องปกติ ซึ่งตามจริงก็ลาได้หมด แต่อย่างว่าแต่ละคนมีภารกิจแตกต่างกันไป แต่อย่างไรก็ตามทุกคนต้องได้รับบันทึกการประชุม ทุกท่าน ไม่ว่าจะอยู่หรือไม่ เพราะถือเป็นมติครม. ในการขับเคลื่อนด้วยกัน

 

ทั้งนี้ นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติคณะรัฐมนตรี วันนี้ (25 เมษายน 2566) รับทราบ รายงานสถานการณ์การใช้ไฟฟ้าของประชาชนประเภทบ้านอยู่อาศัยในช่วงฤดูร้อนปี 2566 และเห็นว่ามีความจำเป็นสำหรับมาตรการช่วยเหลือประชาชนระยะเร่งด่วนในส่วนของค่าไฟฟ้า ซึ่งได้รับผลกระทบจากต้นทุนราคาเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น และสภาพภูมิอากาศของประเทศไทยที่สูงกว่า 40 องศาเซลเซียส ในหลายพื้นที่ของประเทศ ส่งผลให้เกิดความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ซึ่งจะได้นำเสนอคณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณา ให้ความเห็นชอบการใช้งบประมาณสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 169 (3) กำหนด

แนวทางการช่วยเหลือ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ราคาพลังงานโลกสูงขึ้น ดังนี้

1. มาตรการต่อเนื่องของกระทรวงพลังงานที่ได้ดำเนินการอยู่ในช่วงเดือนมกราคม – เมษายน 2566 (การช่วยเหลือค่าไฟฟ้าของกลุ่มเปราะบาง) เพื่อลดผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงสถานการณ์ราคาพลังงานโลกที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากสถานการณ์ขัดแย้งในภูมิภาคยุโรป แม้ราคาพลังงานโลกเริ่มมีการปรับตัวลดลงจากช่วงปี 2565 โดยมีแนวทางช่วยเหลือค่าไฟฟ้าแก่ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน โดยให้ส่วนลดแบบขั้นบันได แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยในพื้นที่ของการไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค รวมทั้งผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่เป็นผู้ใช้ไฟฟ้ารายย่อยของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่บริการของกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ สำหรับงวดเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม 2566 (4 เดือน) โดยกำหนดให้เป็นส่วนลดค่าไฟฟ้าก่อนการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราส่วนลดเดียวกันกับช่วงเดือน มกราคม – เมษายน 2566 ((1) ผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าระหว่าง 1-150 หน่วยต่อเดือน ให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าจำนวน 92.04 สตางค์ต่อหน่วย โดยมีผลต่างค่าไฟฟ้า ตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (ค่า Ft) เรียกเก็บและส่วนลด 1.39 สตางค์ต่อหน่วย (2) ผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าระหว่าง 151-300 หน่วยต่อเดือน ให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าจำนวน 67.04 สตางค์ต่อหน่วย โดยมีผลต่างค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (ค่า Ft) เรียกเก็บและส่วนลด 26.39 สตางค์ต่อหน่วย) ทั้งนี้ คาดว่าจะมีผู้ได้รับการช่วยเหลือรวมทั้งสิ้นประมาณ 18.36 ล้านราย ใช้งบประมาณรวมในกรอบไม่เกิน 7,602 ล้านบาท สำหรับงวดเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม 2566 (4 เดือน) จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น

2. มาตรการช่วยเหลือประชาชนระยะเร่งด่วน เป็นมาตรการช่วยเหลือประชาชนในส่วนของค่าไฟฟ้า ซึ่งได้รับผลกระทบจากต้นทุนราคาเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น และสภาพภูมิอากาศของประเทศไทยที่สูงกว่า 40 องศาเซลเซียส ในหลายพื้นที่ของประเทศ ส่งผลให้เกิดความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 โดยให้ส่วนลดแก่ผู้ใช้ฟ้าบ้านอยู่อาศัยในพื้นที่ของการไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้า และผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่บริการของกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ จำนวน 150 บาทต่อราย โดยกำหนดให้เป็นส่วนลดค่าไฟฟ้าก่อนการคำนวนภาษีมูลค่าเพิ่ม ในรอบบิลเดือนพฤษภาคม 2566 ซึ่งเป็นช่วงเดือนที่มีสถิติความต้องการไฟฟ้าสูงสุดของประเทศและจะเริ่มลดลงในเดือนมิถุนายน ทั้งนี้ เพื่อเป็นลดภาระของประชาชนซึ่งผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้า ไม่เกิน 500 หน่วยต่อเดือน จำนวน 23.40 ล้านราย โดยใช้งบประมาณรวมในกรอบไม่เกิน 3,510 ล้านบาทจากงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น

เนื่องจากปัจจุบันอยู่ในห้วงการยุบสภา คณะรัฐมนตรี จะต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะได้นำเสนอคณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณา ให้ความเห็นชอบการใช้งบประมาณสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 169 (3) กำหนด

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนายกรัฐมนตรียืนยันถึงความพยายามของรัฐบาล ในแก้ไขปัญหาไฟฟ้าแพงเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ที่ผ่านมารัฐบาลดูแลลดภาระให้แก่กลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้ากลุ่มเปราะบาง ที่ใช้ไฟฟ้า 1-300 หน่วย ครอบคลุมกว่า ร้อยละ 80 ครัวเรือน ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็เดินหน้าเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานของประเทศ โรงไฟฟ้าสีเขียว สำหรับภาคอุตสาหกรรม เพื่อเป็นคาร์บอน เครดิต ของประเทศ ส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ในอนาคตเชื่อว่า การใช้พลังงานสะอาดของไทยจะมีสัดส่วนที่จะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับพลังงานที่มาจาก fossil สอดคล้องกับทิศทางและแนวโน้มโลกในการใช้พลังงานสีเขียว

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ผู้นำสูงสุดปัดอิหร่านไม่มีกองกำลังตัวแทน
ฮูตีเคลมผลงาน F/A-18 โดนสอยร่วงทะเลแดง
สื่อทำเนียบฯ จัดเต็มฉายาครม.ปี 67 "รัฐบาล (พ่อ) เลี้ยง" นายกฯท่องโพย วาทะแห่งปี "สามีคนใต้"
“ว้าแดง”เหิมหนัก! สั่งคนไทยห้ามเก็บของป่า ชาวบ้านผวา-ซ้อมอพยพถี่ยิบ
เมีย-แม่ยาย หอบเงินล้าน บุกติดสินบนตำรวจ ช่วยผัวค้าเฮโรอีน สุดท้ายถูกซ้อนแผนโดนรวบตัว
ไทยตอนบนอากาศยังหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 12 องศา ใต้เจอฝนฟ้าคะนองบางแห่ง กทม. มีหมอกบางตอนเช้า ร้อนสุด 31 องศา
ฮีโร่โอลิมปิคเหรียญทองน้องอร “ฉายาสู้โวย” ร่วมแข่งขันกีฬาพื้นบ้าน ในงานกีฬาประจำปีอบต.ไทยสามัคคี พร้อมลงแข่งขันตีกอล์ฟบก สร้างความสนุกสนานเฮฮา
"สธ." ยันพบชาวเมียนมา ป่วยอหิวาฯ รักษาฝั่งไทย 2 ราย อาการไม่รุนแรง
สุดทน "พ่อพิการ" ร้อง "กัน จอมพลัง" หลังถูกลูกทรพี ใช้จอบจามหัว-ทำร้ายร่างกาย จนนอน รพ.นับเดือน
สลด กระบะชนจยย.พลิกคว่ำตก "ดอยโป่งแยง" เชียงใหม่ เจ็บตายรวม 13 ราย

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น