“บิ๊กตู่” โพสต์แจงค่าไฟแพง โยงค่าต้นทุนแก๊สโลก พ่วงแผนสำรองไฟรัฐบาลปี 55 ผูกมัดซื้อไฟเอกชน ลั่นทำแล้วรุกใช้พลังงานสะอาดแทน แก้ปัญหาระยะยาว

"บิ๊กตู่" โพสต์แจงค่าไฟแพง โยงค่าต้นทุนแก๊สโลก พ่วงแผนสำรองไฟรัฐบาลปี 55 ผูกมัดซื้อไฟเอกชน ลั่นทำแล้วรุกใช้พลังงานสะอาดแทน แก้ปัญหาระยะยาว

26 เม.ย.2566 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha โดยระบุใจความดังนี้ว่า พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รักครับ

การประชุมคณะรัฐมนตรีวานนี้ (25 เม.ย.66) ได้ติดตามสถานการณ์การใช้ไฟฟ้าของประชาชนในช่วงฤดูร้อนปีนี้ เพื่อหารือแนวทางการลดผลกระทบให้กับประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ สรุปเป็นมาตรการระยะเร่งด่วนและระยะยั่งยืน ได้ดังนี้

 

 

1. ประเด็น “ค่าไฟฟ้าสูงขึ้น” มีสาเหตุหลักๆ มาจาก

(1) ในช่วงที่ผ่านมาอุณหภูมิเฉลี่ยทั่วประเทศ สูงกว่า 40 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะในช่วงกลางวัน ทำให้การใช้ไฟฟ้าเพื่อคลายร้อนสูงขึ้น ติดต่อกันหลายวัน

(2) ประเทศไทยนำเข้าเชื้อเพลิงแก๊สธรรมชาติจากต่างประเทศ มาผลิตไฟฟ้าเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ค่าไฟฟ้าในประเทศ ขึ้น-ลงตามราคาพลังงานโลก และอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา (ที่มีความผันผวน) ด้วย

ข่าวที่น่าสนใจ

 

 

ทั้งนี้ รัฐบาลได้เตรียมแนวทางลดผลกระทบ-ค่าครองชีพให้กับภาคครัวเรือน ครอบคลุมบ้านที่อยู่อาศัย-ผู้ใช้ไฟฟ้ารายย่อย กว่า 80% ดังนี้
(1) มาตรการต่อเนื่อง จากช่วง ม.ค.-เม.ย.66 ได้แก่ การให้ส่วนลดค่าไฟฟ้า สำหรับครัวเรือนที่ใช้ไฟ “ไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน” กว่า 18 ล้านครัวเรือน เป็นเวลา 4 เดือน (พ.ค.-ส.ค.66) ซึ่งได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา จากวิกฤตพลังงาน ที่เป็นผลมาจากสงครามในทวีปยุโรป

(2) มาตรการเร่งด่วน ได้แก่ การให้ส่วนลดค่าไฟฟ้า “เพิ่มเติม” 150 บาทต่อราย สำหรับครัวเรือนที่ใช้ไฟ “ไม่เกิน 500 หน่วยต่อเดือน” กว่า 21 ล้านครัวเรือน ในรอบบิล พ.ค.66 หรือค่าไฟฟ้าในเดือน เม.ย.นี้ ที่เป็นช่วงที่อากาศร้อนที่สุด และมีการใช้ปริมาณไฟฟ้าแต่ละครัวเรือนสูงขึ้น ก่อนที่จะเข้าสู่ฤดูฝนช่วง พ.ค.

ซึ่งทั้ง 2 มาตรการจะใช้งบประมาณราว 11,000 ล้านบาท จากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยรัฐบาลเห็นว่าความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเป็นวงกว้างในปัจจุบัน เป็นเหตุผลความจำเป็นที่มีน้ำหนักเพียงพอ ที่รัฐบาลจะนำเสนอคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบตามกฎหมาย และมีผลในทางปฏิบัติต่อไป

 

2. ประเด็น “พลังงานไฟฟ้าสำรอง” และ “ค่าพร้อมจ่าย” มีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนกันอยู่ในสังคม ได้แก่
(1) การสำรองไฟฟ้าในปัจจุบัน เป็นผลมาจากสมมติฐาน-ประมาณการ การขยายตัวทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ในช่วงปี 55 นำมาสู่การทำแผนด้านพลังงาน และสัญญาข้อผูกพันกับเอกชนผู้ผลิตไฟฟ้า ที่ต้องมีการวางแผนล่วงหน้า ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าและการดำเนินการ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงใดๆ ต้องเป็นไปตามกรอบของกฎหมาย และต้องเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แม้ช่วงโควิดจะส่งผลให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าในประเทศลดลงกว่าแผน แต่เมื่อฟื้นตัวจากสถานการณ์และวิกฤตต่างๆ แล้ว ส่งผลดีต่อกำลังผลิตไฟฟ้าสำรองของประเทศ ให้กลับเข้าสู่แผนและเกณฑ์ที่ได้กำหนดไว้

(2) ล่าสุดรัฐบาลนี้ ได้มีการปรับแผนด้านพลังงาน ที่มุ่งส่งเสริมพลังงานสะอาด-สีเขียว ที่มีราคาไม่แพง และมีกำลังการผลิตสำรองที่เข้าสู่กรอบมาตรฐาน (15-20%) ให้สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาของโลก และนโยบายของรัฐบาล เช่น โมเดลเศรษฐกิจ BCG, การส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิต-ใช้-ส่งออกยานยนต์ EV, การมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนของประเทศ ตลอดจนการเก็บคาร์บอนเครดิตของธุรกิจ/โรงงานอุตสาหกรรมของไทย สำหรับลดภาษีก๊าซเรือนกระจก หรือ “ภาษีคาร์บอน” (Carbon Tax) ในการส่งออกสินค้าไปขายในต่างประเทศ รวมทั้งลดปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ในภาคอุตสาหกรรมและภาคขนส่ง

 

(3) การอนุมัติไฟฟ้าของรัฐบาลปัจจุบันกว่า 90% เป็นพลังงานสะอาดทั้งสิ้น มาทดแทนโรงไฟฟ้าจากฟอสซิล ที่จะทยอยปลดระวาง-หมดอายุสัญญาลง และสนองความต้องการพลังงานสะอาดของกลุ่มอุตสาหกรรม ที่มีเงื่อนไขการผลิตสินค้า เพื่อเป็นไปตามมาตรฐานความเป็นกลางทางคาร์บอน โดยจะทยอยมีผลและพร้อมส่งไฟเข้าระบบ ในอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งนอกจากไม่มี “ค่าพร้อมจ่าย” แล้ว ยังจะมีราคาไฟฟ้าที่ถูกกว่าการรับซื้อจากโรงไฟฟ้าที่ผ่านมาอีกด้วย โดยในอนาคตหากมีกำไรจากการขายไฟฟ้าพลังงานสะอาดนี้ ในอัตราพิเศษให้กับอุตสาหกรรมและธุรกิจสีเขียว ก็จะนำกลับมาลดค่าไฟฟ้าให้กับภาคครัวเรือนได้มากขึ้น

 

 

ทั้งหมดนี้เป็นวิสัยทัศน์-นโยบายด้านพลังงานของรัฐบาล ในการเปลี่ยนผ่านประเทศไทย จากการใช้ “พลังงานฟอสซิล” สู่ “พลังงานสีเขียว-สะอาด” โดยจะมีการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ใช้เอง ในภาคครัวเรือน และขายต่อเข้าสู่ระบบได้ด้วย รวมทั้งสร้างความพร้อมให้แก่อุตสาหกรรมไทย ตอบโจทย์กระแสโลก และ ดึงดูดการลงทุนใหม่ๆ เข้ามาในประเทศที่ต้องการพลังงานสีเขียว-สะอาด ยกตัวอย่างเช่น การที่ผู้ผลิตแบตเตอรี่ ดิจิทัลเทคโนโลยี อิเล็กทรอนิกส์ รายใหญ่ของโลก เข้ามาตั้งฐานการผลิตในไทย รองรับนโยบาย EV และอุตสาหกรรมดิจิทัล ก็จะเป็นโอกาสให้เกิดการวิจัยพัฒนาร่วมกันและการถ่ายทอดเทคโนโลยี ตลอดจนเป็นการผลักดันโครงสร้างอุตสาหกรรมไทยให้มีการเปลี่ยนแปลง ไม่ย่ำอยู่กับที่ พร้อมสร้างงาน สร้างอาชีพ ที่มีทักษะและคุณภาพสูง ให้แก่คนรุ่นใหม่ของประเทศไทยมากขึ้นด้วย

 

 

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"อดีตสว.สมชาย" แฉโพย ฮั้วเลือกสว. ชี้เป็นหลักฐาน ดีเอสไอ เร่งนำลากไส้ตัวการใหญ่
‘ทักษิณ’ ปลื้มลงพื้นที่นราธิวาส ในรอบ 19 ปี ปชช.รอต้อนรับ
นายกฯ รับรายงาน ตร.ไทย-กัมพูชา ร่วมมือทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ฝั่งปอยเปต ช่วยเหยื่อคนไทยนับร้อย หลุดพ้น
“เทพไท” เชื่อ 44 อดีตสส.ก้าวไกล ลงชื่อรื้อ แก้ 112 ถูกตัดสิทธิ์ กระทบหนักยิ่งกว่าถูกยุบพรรค
"หม่องชิต ตู่" ส่งกำลังทหารกว่า 150 นาย คุมเข้มเคเคปาร์ค จับหัวหน้าแก๊งคอลเซนเตอร์ กวาดต้อน 450 เหยื่อต่างชาติ
ใต้ป่วนต่อเนื่อง คนร้ายลอบวางบึ้มหน้าร้านสะดวกซื้อ บันนังสตา ตร.เจ็บ 7 นาย-ชาวบ้านอีก 4 เช้านี้บึ้มรถยนต์อีก หน้าห้างสนามบินนราฯ
พรรคไทยก้าวหน้า แถลงขอโทษปชช. แจงคดี “สส.ปูอัด” ขอรอผ่านชั้นอัยการ ก่อนตัดสินใจขับพ้นพรรค
"นิด้าโพล" คนไทยส่วนใหญ่ เชื่อ "เพื่อไทย-ภูมิใจไทย" ขัดแย้งจริง แต่เคลียร์จบได้
มาแน่ เช็กรายชื่อ 39 จังหวัด รับมือพายุฝนถล่ม ลมแรง กทม.โดนด้วย ร้อนสุด 37 องศา
"ตม." งัดข้อมูลซัด "โรม" หน้าหงาย ระบบ Biometrics บันทึกข้อมูลทุกคน ระบบ PIBICS คุมคนต่างด้าว

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น