"วัคซีนโรคหัด" เตือนผู้ปกครองอย่าลืมพาบุตรหลาน ฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดให้ครบ 2 เข็ม หลังพบ 5 จังหวัดในไทยมีอัตราป่วยสูงสุด ส่วนใหญ่เป็นเด็กแรกเกิดถึง 4 ปี
ข่าวที่น่าสนใจ
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรมควบคุมโรค ได้รายงานถึงสถานการณ์โรคหัดในประเทศไทยว่าในปี 2565 ที่ผ่านมาพบว่าผู้ป่วยโรคหัด จำนวน 230 ราย และในปีนี้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 19 เมษายน 2566 พบว่ามีรายงานผู้ป่วยโรคหัด จำนวน 79 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 0.12 ต่อแสนประชากร ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต
กลุ่มอายุพบอัตราป่วยโรคหัดสูงสุด (ตามลำดับ) ได้แก่
- กลุ่มอายุแรกเกิด – 4 ปี (35.44 %)
- กลุ่มอายุ 25-34 ปี (18.99 %)
- กลุ่มอายุ 35-44 ปี (16.46 %)
จังหวัดที่มีอัตราป่วยโรคหัดสูงสุด 5 อันดับแรก (ตามลำดับ) ได้แก่
- ยโสธร
- ภูเก็ต
- ยะลา
- นราธิวาส
- กรุงเทพมหานคร
แต่ยังไม่พบการระบาดเป็นกลุ่ม ขณะเดียวกันมีการรายงานการติดโรคหัดในต่างประเทศซึ่งผู้ป่วยมีประวัติเดินทางกลับจากประเทศไทย จำนวน 2 ราย
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า กรมควบคุมโรค คาดการณ์ว่าด้วยสภาพอากาศในช่วงนี้จะมีโอกาสพบผู้ป่วยโรคหัดได้ และโรคหัดติดต่อผ่านทางเดินหายใจมีอาการคล้ายไข้หวัด คือ มีไข้ ไอแห้ง ๆ มีน้ำมูก และตาแดง หลังจากมีไข้ประมาณ 3–4 วัน จะเริ่มมีผื่นนูนแดงขึ้นที่ใบหน้า แล้วค่อยลามไปแขนและขา เมื่อผื่นขึ้นประมาณ 1-2 วัน ไข้จะเริ่มลดลง โดยในผู้ป่วยบางรายสามารถพบภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ปอดอักเสบ สมองอักเสบ เป็นสาเหตุทำให้เสียชีวิตได้
‘โรคนี้สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัด (MMR) ตั้งแต่วัยเด็ก กรมควบคุมโรคแนะนำให้ฉีด 2 เข็ม เข็มแรกเมื่ออายุ 9 -12 เดือน และเข็มที่สองตอนอายุ 2 ปีครึ่ง ทั้งนี้ โรคดังกล่าวมักเกิดการระบาดในพื้นที่ที่มีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำกว่า 95% ประชาชนควรพาบุตรหลานเข้ารับวัคซีน ตามเกณฑ์ที่กำหนด เมื่อมีอาการไข้ ไอ และผื่นขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์ เมื่อได้รับการวินิจฉัยยืนยันโรคหัดแล้ว ควรหยุดเรียนหรือหยุดงานประมาณ 4 วันหลังจากผื่นขึ้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422′ น.ส.ไตรศุลี กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง