พล.ต.อ. สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร เดินทางมาประชุมถึงสถานการณ์การชุมนุมในวันนี้ พร้อมด้วย พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น ,พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. ฐานะโฆษก บช.น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล
พล.ต.อ. สุวัฒน์ ผบ.ตร. ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนก่อนการประชุม ว่า ที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความระมัดระวังมาโดยตลอด โดยเเนวทางปฏิบัติของสื่อมวลชน จะมีการกำหนดพื้นที่ปลอดภัย เเละจะต้องปฏิบัติหน้าที่ นำเสนอข่าวที่ไม่ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เเต่หากสื่ออยู่บริเวณเเนวประทะ ก็มีโอกาสที่จะได้รับบาดเจ็บ
ส่วนกรณีที่หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าการสลายชุมนุมมีความรุนเเรงขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาไม่ได้ใช้ พ.ร.บ.ชุมนุม เเต่เป็นการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งหากตำรวจไม่ทำอะไรเลย ก็จะทำให้ประชาชนจาดความเชื่อมั่น ซึ่งกรุงเทพมหานคร เป็นพื้นที่ควบคุมโรคโควิด 19 ห้ามจัดชุมนุม จึงขอให้ตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันโรคระบาด เเละขอให้คำนึงถึงผลกระทบคนทั้งประเทศ
ดังนั้นตำรวจจึงไม่อาจนิ่งเฉยได้ บางครั้งมีการยึดพื้นที่ก่อนการชุมนุม เเต่ก็ทำภายใต้เหตุผลจำเป็น เเละเหมาะสมกับสถานการณ์ ยืนยันว่าการรักษาความสงบเรียบร้อย เจ้าหน้าที่คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ เป็นไปตามมาตรฐานสากล เเละถือว่าเบามาก หากเทียบกับบางประเทศ แต่ทั้งนี้ ไม่ว่าจะระมัดระวังมากเพียงใด หากเกิดความวุ่นวายขึ้น ก็ยากที่จะป้องกันการบาดเจ็บ แม้แต่เจ้าหน้าที่เองก็บาดเจ็บทุกวัน ซึ่งไม่อยากให้เกิดเรื่องเเบบนี้
พล.ต.อ.สุวัฒน์ ยืนยันอีกว่า เจ้าหน้าที่ไม่เคยเริ่มก่อน เว้นแต่ผู้ชุมนุมมีการเผาทำลายทรัพย์สิน หรือทำร้ายเจ้าหน้าที่ก่อน พร้อมย้ำว่าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ไม่ได้เพิกเฉย สำหรับการดำเนินคดี มีการจับกุมผู้กระทำผิดไปแล้วกว่า 130 ราย เเละเกือบทั้งหมดได้รับการประกันตัว ซึ่งศาลอนุญาให้ปล่อยตัวชั่วคราว มีเพียงบางส่วนที่ควบคุมตัวไว้ดำเนินคดี ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ทำตามไปตามหลักนิติรัฐ เเละนิติธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ เเละช่วง 1 ปีที่ผ่านมา มีการดำเนินคดีเกี่ยวกับความมั่นคงไปกว่า 2,000 ครั้ง