จากกรณีที่โลกโซเชียลได้มีการแชร์คลิปการปะทะความเห็นระหว่างนางสาวพรรณิการ์ วานิช ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล กับประชาชนเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์และมาตรา 112 ขณะที่เจ้าตัวลงพื้นที่หาเสียง ที่ตลาดเซฟวัน จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา
โดยนางสาวพรรณิการ์ อ้างว่ามาตรา 112 ถูกนำมากลั่นแกล้งทางการเมือง เด็กไปทำโพลเรื่องงบประมาณสถาบันฯ ซึ่งเป็นเรื่องรัฐบาล ไม่ใช่เรื่องสถาบันฯ เด็กติดคุก ขณะที่ประชาชน ตอบโต้ว่า ไม่มีใครกลั่นแกล้ง ทำให้นางสาวพรรณิการ์และทีมงานตอบโต้ว่า ทำไมเด็กติดเต็มเลย กลั่นแกล้งหรือไม่
จากนั้นประชาชนได้ย้อนว่า ไปด่าเขาหรือไม่ สถาบันฯอยู่มานานกว่าที่คุณจะเกิดด้วยซ้ำ พวกคุณทำความดีความงามเท่าพระมหากษัตริย์หรือไม่ ซึ่งนางสาวพรรณิการ์ได้ย้อนถามว่า พูดมาทำอะไรบ้าง ซึ่งประชาชนก็ได้ตอบโต้ว่า ที่ประเทศเจริญมาถึงวันนี้ ช่อ พรรณิการณ์ก็บอกว่า ที่ประเทศไทยเป็นอยู่มาทุกวันนี้ เพราะทหารที่ไปล้มตายหรือไม่ ทหารที่ไปล้มตายเป็นไพร่หรือเจ้า แล้วเจ้าตายหรือไม่ ซึ่งประชาชนก็ตอบกลับว่ามีพระมหากษัตริย์ไปหนักหัวใคร
โดยก่อนหน้านี้ นายสันติสุข มะโรงศรี ผู้ประกาศข่าวช่องท็อปนิวส์ ได้แสดงความคิดเห็น ถึงประเด็นดังกล่าว โดยระบุว่า “ไปดูข่าวท็อปนิวส์”
พี่ผู้ชายคนหนึ่ง เถียงกับช่อ ว่ามีสามนิ้วไปเผาพระบรมฉายาลักษณ์จึงโดน 112 มีความผิด ถูกดำเนินคดี ถ้าแค่วิจารณ์รัฐบาลทำได้เลย ไม่มีใครว่า ช่อเสียงดัง และมีพวกมากกว่า พูดข่มว่า ไม่มี เผาพระบรมฉายาลักษณ์ก็โดนเผาทรัพย์ ไม่ใช่ 112
พี่ผู้ชายบอก ไปดูข่าวท็อปนิวส์ แล้วช่อและสาวก ก็บูลลี่ ด้วยการโห่ฮาป่า ความจริง มีคดีเผาพระบรมฉายาลักษณ์ แล้วศาลพิพากษาจำคุก (รายละเอียดในคอมเม้นท์) ย้ำ ศาลพิพากษา เพราะฉะนั้น พี่ผู้ชาย พูดถูก รู้จริง ดูข่าวท็อปนิวส์ข่าวถูกต้อง ส่วนพวกรู้กลวง ได้แต่บูลลี่ ช่างน่าเวทนา แสดงว่าไม่สนใจคดีพวกเดียวกันเองเลยด้วย ด้วยเหตุนี้ จึงมีคนไปทำผิด 112 ติดคุก เพื่อให้นักการเมืองนำมาหาประโยชน์ทางการเมืองต่อไปเรื่อย ๆ