เวที Top News ชัดเจน 9 พรรคประสานเสียงไม่แก้ ม. 112 เพราะสถาบันฯต้องมีกม.ปกป้อง ควรหยุดยุยง สร้างแตกแยก

เวที Top News ชัดเจน 9 พรรคประสานเสียงไม่แก้ ม. 112 เพราะสถาบันฯต้องมีกม.ปกป้อง ควรหยุดยุยง สร้างแตกแยก

เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 66 สถานีข่าวท็อปนิวส์ ได้จัดเวทีประชันวิสัยทัศน์หัวหน้าพรรคการเมืองและแกนนำพรรค 9 พรรคการเมือง ประกอบด้วย นายกรณ์ จาติกวาณิช หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกฯพรรคชาติพัฒนากล้า เบอร์ 2 , นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกฯพรรคไทยภักดี เบอร์ 21 , นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เบอร์ 26 , นายจุติ ไกรฤกษ์ รองหัวหน้าพรรคและทีมเศรษฐกิจพรรครวมไทยสร้างชาติ เบอร์ 22 , คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกฯพรรคไทยสร้างไทย เบอร์ 32 , นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ หัวหน้าทีมกทม.พรรคภูมิใจไทย เบอร์ 7 , นายนิกร จำนง ประธานคณะกรรมการรโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา เบอร์ 18 , นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์พรรคเสรีรวมไทย เบอร์ 25 , นายอุตตม สาวนายน ประธานคณะกรรมการจัดทำนโยบายพรรคพลังประชารัฐ เบอร์ 37

 

 

สำหรับคำถามที่ 3 เป็นความคิดเห็นของแคนดิเดตนายกฯและหัวหน้าจาก 9 พรรคการเมืองที่มีความเห็นจะแก้ไขมาตรา 112 หรือไม่ เพราะเหตุใด?

 

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ไม่ยกเลิกมาตรา 112 ประชาชนทั่วไปยังมีกฎหมาย เช่นเดียวกับสถาบันก็ต้องมีกฎหมายคุ้มครอง จึงไม่อยากเห็นความแตกแยก และไม่อยากดึงสถาบันลงมาต่ำ โดยทางออกคือ 1 รับฟังปัญหาเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งผู้ใหญ่และเยาวชนที่เห็นต่าง 2 ควรนำเรื่องดังกล่าวเข้าไปหารือในสภาฯ ส่วนตัวมองปัญหาเรื่องนี้เป็นสงครามการเมืองที่แยกเป็นสองขั้ว และทุกคนควรหลุดพ้นจากเรื่องนี้ได้แล้ว ซึ่งพรรคจะไม่สร้างวาทกรรมให้คนเกลียดชัง อย่างไรก็ตามหากเห็นว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นปัญหาควรนำเข้าไปสู่ สสร. เพื่อหาทางออก และให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแก้ไขด้วย

 

 

นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า อย่านำมาตรา 112 มาเป็นเงื่อนไข เพราะไม่มีใครเดือดร้อนกับเรื่องดังกล่าว ตลอด 20 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยไม่เคยมีปัญหาเรื่้องนี้ และมีเรื่องสำคัญอื่นๆ อีกมากมายที่ต้องเร่งแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะเรื่องความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน เศรษฐกิจที่ฝืดเคือง และปัญหาปากท้องที่มีความสำคัญมากกว่า

 

 

นายกรณ์ กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า พรรคจะไม่แก้ไขมาตรา 112 อย่างแน่นอน เพราะไม่มีความจำเป็น เรามีเรื่องหลักที่ต้องทำอยู่แล้ว คือ ความเดือดร้อนของประชาชน และชีวิตความเป็นอยู่ที่สำคัญที่สุด ดังนั้นควรมองเรื่องนโยบายการแก้ไขภายในประเทศจะดีกว่า หากจะพิจารณาเรื่องนี้ต้องแต่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองขึ้นมาหนึ่งชุดที่มีทั้ง ผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้เชี่ยวชาญ เข้ามาดูแลเรื่องนี้อย่างละเอียดถี่ถ้วน และเข้าเกณฑ์หรือไม่

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

นายนิกร กล่าวว่า ไม่มีการแก้ไขมาตรา 112 แน่นอน แต่หากคิดจะทำเรื่องนี้ควรไปปรับปรุงการบังคับใช้ โดยเฉพาะการตั้งคณะกรรมการศึกษา เพื่อนำเข้าสู่สภาแก้ปัญหา โดยต้องหารือกันอย่างจริงจัง ส่วนตัวเห็นว่าไม่ควรนำมาตรา 112 ทิ่มเข้าในสภาเหมือนทุกวันนี้ เพราะจะทำให้เกิดความขัดแย้งในแผ่นดินนี้ ดังนั้นทางออกคือ ควรตั้งคณะกรรมการวิสามัญศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง

 

เช่นเดียวกับ ดร.วรงค์ กล่าวในเรื่องดังกล่าวว่า เรื่องนี้มีขบวนการยุงยงให้เด็กและเยาวชนหลงเชื่อ โดยมีคนวางแผนอยู่เบื้องหลังเป็นการกล่าวหาสถาบันอย่างไม่ถูกต้อง มีคนคอยปั่นยุแยงสร้างกระแสทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่ผ่านมาศึกษาเรื่องนี้มาตลอด และยังมีโอกาสได้คุยกับกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ ทำให้รู้ว่า คนเหล่านี้คิดผิด อย่างไรก็ตามในมุมกลับกันอยากให้มีการคุ้มครองสถาบันเพิ่มมากขึ้น

 

 

ขณะที่นายจุติ กล่าวว่า ทำไมต้องแก้มาตรา 112 อยากทราบว่าต้องการอะไร ไม่ต้องการให้บ้านเมืองสงบสุขหรือไม่ เรื่องนี้มีขบวนการชักใย โดยคนที่ต้องการให้แก้มาตรา 112 คือผู้ให้การสนบสนุนที่เป็นขบวนการด้อยค่า ซึ่งพรรครวมไทยสร้างชาติจะไม่อยู่ในกับดักนี้อย่างแน่นอน

 

 

ด้านนายสมชัย กล่าวว่า เคารพและเทิดทูนสถาบัน ประชาชนทั่วไปหมิ่นประมาทก็ได้รับการปกป้องคุ้มครองตามกฎหมาย ดังนั้นเช่นเดียวกับสถาบันต้องได้รับการคุ้มครอง ทุกคนสามารถถกเถียง หรือเห็นต่างทางการเมืองได้ แต่อย่าหมิ่นประมาทอาฆาตมาดร้ายสถาบัน และที่สำคัญคนที่หมิ่นสถาบันต้องมีบทลงโทษที่แตกต่างกันออกไปด้วย อย่างไรก็ตามหากต้องแก้ไขควรนำเข้าสู่สภานิติบัญญัติ เพื่อหาทางออกที่ถูกต้อง

 

ดร.สามารถ กล่าวว่า พรรคจะไม่แก้มาตรา 112 ประชาชนมีความเดือดร้อนอะไร และที่ผ่านมาสถาบันทำเพื่อประชาชนมามากมาย โดยโครงการต่าง ๆ สำเร็จได้เพราะพระองค์ท่าน ดังนั้นทุกคนต้องรู้บุญคุณของแผ่นดิน ทุกประเทศมีกฎหมายคุ้มครองสถาบันทั้งนั้น และทำไมประเทศไทยจะทำไม่ได้

 

 

 

ส่วนนายอุตตม กล่าวว่า ทุกคนสามารถเห็นต่างกันได้ เพราะการเห็นต่างนั้นไม่แปลก แต่ต้องมาคุยกันด้วยเหตุผล อย่ามาเหมารวม ถ้ากฎหมายมีปัญหาต้องมากคุยรายละเอียดกัน อีกทั้งมาตรา 112 ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนที่จะต้องหยิบยกขึ้นมาในห่วงเวลานี้ ดังนั้นควรทำเรื่องเกี่ยวกับปากท้องของประชาชนให้กินดีอยู่ดีน่าจะดีกว่า

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สุดทน "พ่อพิการ" ร้อง "กัน จอมพลัง" หลังถูกลูกทรพี ใช้จอบจามหัว-ทำร้ายร่างกาย จนนอน รพ.นับเดือน
สลด กระบะชนจยย.พลิกคว่ำตก "ดอยโป่งแยง" เชียงใหม่ เจ็บตายรวม 13 ราย
“สมศักดิ์” ยกนวดไทยเป็นมรดกชาติ สร้างมูลค่าเศรษฐกิจสุขภาพ เล็งพาหมอนวดโกอินเตอร์ โชว์ฝีมืองาน เวิลด์เอ็กซ์โปโอซาก้า ญี่ปุ่น
ห่ามาแล้ว! “แม่สอด” พบติดเชื้ออหิวาต์ เผยญาติฝั่งพม่าซื้อข้าวมากินด้วยกัน
ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ สั่งตั้งคกก.สอบ "ตร.จราจร" รีดเงินแทนเขียนใบสั่ง
สตม. บุกทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กลางคอนโดหรูห้วยขวาง รวบ 6 คนจีน อึ้งเจอซิมการ์ด 2 แสนซิม
ครูบาอริยชาติ เชิญชวนพุทธศาสนิกชน ฉลองสมโภช 18 ปีวัดแสงแก้วโพธิญาณ และทำบุญฉลองอายุวัฒนมงคล 44 ปี
กกต.สั่งดำเนินคดีอาญา "ชวาล" ส.ส.พรรคประชาชน ยื่นบัญชีใช้จ่ายเท็จ โทษคุก-ตัดสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี
จีนเตือนสหรัฐกำลังเล่นกับไฟหลังส่งอาวุธให้ไต้หวัน
อิลอน มัสก์วิจารณ์แรงผู้นำเยอรมันเหตุโจมตีตลาดคริสต์มาส

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น