“บิ๊กตู่” ติดตามคดี “แอม ไซยาไนด์” ชี้หากผิด ต้องลงโทษเด็ดขาด

"บิ๊กตู่" ติดตามคดี "แอม ไซยาไนด์" ชี้หากผิด ต้องลงโทษเด็ดขาด

จากกรณีเมื่อวันที่ 26 เม.ย. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน กก.5 บก.ป.ได้ควบคุมตัว นางสรารัตน์ หรือ แอม รังสิวุฒาภรณ์ อายุ 36 ปี เท้าแชร์ใน จ.กาญจนบุรี ผู้ต้องหาคดีวางยาฆ่าผู้อื่น มายื่นคำร้องขออำนาจศาลฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน

 

 

 

 

โดยพนักงานสอบสวนระบุพฤติการณ์สรุปว่า ก่อนเกิดเหตุนางสรารัตน์ หรือ แอม ผู้ต้องหาออกอุบายนัดหมายให้ น.ส.ศิริพร ขันวงษ์ หรือ ก้อย ผู้ตายไปพบที่หมู่บ้าน เพื่อจะพาผู้ตายไปฆ่าแล้วฆ่าเอาทรัพย์สิน โดยต่อมาวันที่ 14 เม.ย. 2566 เวลาประมาณ 06.30 น.ผู้ตายได้ขับรถยนต์ โตโยต้า ยาริส สีขาว ทะเบียน กน 2340 กาญจนบุรี ออกจากบ้านของตนเอง ที่ จ.กาญจนบุรี มุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านพฤกษาการ 1 จ.นครปฐม เมื่อมาถึงหมู่บ้านผู้ตายได้นำรถยนต์มาจอดไว้แล้ว เดินมาขึ้นรถยนต์โตโยต้า วีออส สีบรอนซ์ ทะเบียน กต 9532 นครปฐม โดยมีผู้ต้องหาเป็นคนขับ

จากนั้นผู้ต้องหาได้ขับรถออกจากหมู่บ้านไปกับผู้ตาย ระหว่างที่ผู้ตายและผู้ต้องหาอยู่ในรถ ผู้ต้องหาได้นำสารพิษไซยาไนด์ใส่ในอาหารหรือเครื่องดื่มให้ผู้ตายบริโภคโดยมีเจตนาฆ่า ในวันเดียวกันเวลา 09.00 น.ผู้ต้องหาและผู้ตายขับรถยนต์มาถึงบริเวณศาลาประชาคมริมแม่น้ำแม่กลอง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี และได้จอดรถบริเวณนั้น โดยผู้ตายเดินลงบันได เพื่อไปปล่อยปลา ส่วนผู้ต้องหาไม่ได้เดินตามไปด้วยหลังจากที่ผู้ตายปล่อยปลาได้สักพัก ขณะกำลังจะเดินขึ้นบันไดก็หมดสติล้มลง เมื่อผู้ต้องหาเห็นว่าผู้ตายกำลังหมดสติ จึงเดินลงบันไดไป จากนั้นก็เดินกลับขึ้นมาเพียงคนเดียว โดยไม่ได้เข้าไปช่วยเหลือผู้ตาย ซึ่งกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุสามารถบันทึกภาพไว้ โดยภายในมือของผู้ต้องหาได้เอาโทรศัพท์มือถือของผู้ตายบางส่วนมาด้วยหลายเครื่อง แล้วขับรถยนต์ออกจากที่เกิดเหตุไป ปล่อยให้ผู้ตายนอนหมดสติอยู่ในที่เกิดเหตุ โดยผู้ต้องหาไม่ให้ความช่วยเหลือใดๆ จนผู้ตายถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา

ทั้งนี้จากการสืบสวนทราบว่า หลังเกิดเหตุเมื่อวันที่ 16 เม.ย. 2566 ผู้ต้องหาได้นำถุงดำ ซึ่งภายในมีกระปุกใส่ Potassium Cyanide โพแทสเซียมไซยาไนด์ สารพิษ พร้อมกับสิ่งของอื่น ๆ กรอบป้ายทะเบียน บัตรเอทีเอ็ม และเอกสารการเสียชีวิตของนายสุทธิศักดิ์ หรือ แด้ พูนขวัญ แฟนของผู้ต้องหาที่เสียชีวิต เมื่อวันที่ 12 มี.ค. 2566 ในท้องที่ อ.เมือง จ.อุดรธานี โดยผู้ต้องหานำถุงดำไปฝากไว้กับผู้อื่น เพื่อให้เอาไปซุกซ่อนและเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตรวจยึดไซยาไนด์ และสิ่งของอื่น ๆ ได้ในเวลาต่อมา

 

 

 

จากการตรวจพิสูจน์สารคัดหลั่งจากศพของ น.ส.ศิริพร ผู้ตาย โดยกลุ่มงานพิษวิทยา สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ พบสารไซยาไนด์ ในเลือด ปริมาณที่เป็นสาเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายได้ เชื่อว่า ผู้ต้องหาเป็นผู้นำสารพิษไซยาไนด์ ใส่ในอาหารให้ผู้ตายบริโภคช่วงเวลาที่ผู้ต้องหาอยู่กับผู้ตาย ต่อมาวันที่ 24 เม.ย. 2566 มารดาผู้ตายได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ป.ให้ดำเนินคดีผู้ต้องหา ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่น พนักงานสอบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐานของอำนาจศาลอาญาอนุมัติหมายจับที่ 1285/2566 ลงวันที่ 25 มิ.ย. 2566 ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4) ติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหา ได้ที่อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคารบี) ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

ข่าวที่น่าสนใจ

ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนจะต้องสอบปากคำพยานเพิ่มเติมอีก 10 ปาก รอผลการตรวจพิสูจน์ของกลาง รอผลการตรวจชันสูตรพลิกศพ รอผลการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือ และประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา จึงขอฝากขังผู้ต้องหาไว้เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 26 เม.ย.- 7 พ.ค. 2566
ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวน ขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา เนื่องจากผู้ต้องหามีอดีตสามีเป็นข้าราชการตำรวจ เกรงว่า จะไปข่มขู่พยาน และยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน

โดยเมื่อวานนี้ (26 เม.ย.) ไม่มีญาติหรือทนายความของนางสรารัตน์ หรือ แอม ผู้ต้องหามายื่นคำร้องและหลักทรัพย์ ขอประกันตัวแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ จึงนำตัวนางสรารัตน์ไปควบคุมไว้ที่ทัณฑสถานหญิงกลางต่อไป

ล่าสุดวันนี้ (27 เม.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ครั้งที่ 2/2566 และเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 4/2566 ถึงกรณีแอม ไซยาไนด์ หรือ นางสรารัตน์ (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาหมายจับศาลอาญา ข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน”

 

 

ว่าในเรื่องดังกล่าวเป็นหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่แล้ว ซึ่งก็ได้มีการสอบถามไปแล้ว หลายเรื่องที่เป็นประเด็นข่าวทางสื่อ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเขาทำงานกันอยู่แล้ว ขอให้ฟังทางผบ.ตร.ก็แล้วกัน และถ้าผิดก็ต้องลงโทษเด็ดขาด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ทหารถือปืนคุมเข้ม! หวั่น “พม่า” หนีโรคห่ามาไทย ซีลด่าน-ห้ามเข้าออก
เปิดใจพนักงานขนส่ง ปมทะเลาะ ชกต่อยลูกค้า อ้างถูกยั่วยุก่อน พบดีกรีเป็นถึงอดีตแชมป์มวยดัง
"อ.สุขุม" ชี้ชัด "ภท." ไม่ใช่พรรคอีแอบ ทำหน้าที่แทนอนุรักษ์นิยม โหวตสวนประชามติแก้รธน.
ซานต้า ซานตี้ กว่า 500 คน ร่วมงานวิ่งสุด FUN สนุก RUN ส่งท้ายปี ต้อนรับเทศกาลคริสต์มาส สร้างสีสันริมชายหาดพัทยา
ผู้สมัคร ส.อบจ.พรรคปชน. นครปฐม ติดป้ายขวางทางเท้า เจอชาวบ้านโวยเพียบ
โจรใต้กระหน่ำยิง อส.ดับคาที่! แถมกระพือข่าวมั่ว-ป้ายสีคนตาย
"พิชัย" สะท้อนผ่านเวที ม.โตเกียว ยันการเมืองไทยมั่นคง เร่งเจรจา FTA ชวนญี่ปุ่นขยายลงทุน
สาวสองโหด พาเพื่อนรุมทำร้าย "แม่ลูกอ่อน" ถึงบ้าน บังคับกราบเท้า พร้อมถ่ายคลิปไปลงโซเชียล
สายแคมป์ห้ามพลาด! ทล.เปิด 37 จุดกางเต็นท์ฟรีช่วงปีใหม่ หนุนท่องเที่ยวในประเทศอย่างยั่งยืน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น