จากกรณีที่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้เปิดเผยระหว่างโฟนอินในรายการโหนกระแส ถึงกรณีการเสียชีวิตของ “ก้อย” ที่เสียชีวิตระหว่างไปปล่อยปลา และพบผลตรวจเลือดมีสารไซยาไนด์ จนนำมาสู่การจับกุม “แอม” ตามหมายจับศาลอาญา ในข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” และยังพบมีความเชื่อมโยงกับผู้เสียชีวิตรายอื่น ๆ ที่ตายในลักษณะใกล้เคียงกัน อีกรวม 10 ราย
โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ให้ข้อมูลว่า มีการพบศพเพิ่มอีก 2 ราย ที่เกี่ยวกับ “แอม” ในพื้นที่ อ.ดอนตูม และ อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม รวมทั้งหมดเป็น 12 ศพ และมีผู้เสียหายอีก 1 รายที่รอดชีวิตมาได้ และได้ให้การกับตำรวจแล้วถึงพฤติกรรมของ “แอม” โดยชัดเจนว่าถูกวางยาจริง หัวใจหยุดเต้นไปแล้ว แต่หมอปั้มหัวใจขึ้นมาได้ทัน ซึ่งหมอบ่งชี้ชัดเจนว่าถูกวางยา และเจ้าตัวก็ยืนยันว่าถูก “แอม” วางยา ซึ่งตอนนี้ตำรวจกำลังสอบปากคำอยู่
ส่วนการดำเนินการคดีที่ศพถูกเผาไปแล้วนั้น เรามีพยานแวดล้อม แม้ศพเผาไปแล้วแต่บางรายก็มีการผ่าชันสูตรพลิกศพ ส่วนรายที่ไม่มีการผ่าชันสูตรพลิกศพ จะอาศัยพยานแวดล้อม พยานบุคคล พฤติการณ์ ในหลายๆเคสที่ซ้ำๆกันรวบรวมให้อัยการเห็น ศาลเห็น ส่วนกรณีแม้ทนายความของ “แอม” มั่นใจว่าจะสู้คดีได้นั้น ในการทำงานตำรวจ ใช้นิติวิทยาศาสตร์ ใช้สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน ใช้พยานแวดล้อม ซึ่งทนายจะไม่มีโอกาสรู้สำนวนเท่ากับตำรวจ
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามหลังจากนี้จะเอาข้อมูลทั้งหมดทุกส่วนมาผนึกเข้าด้วยกัน และดูความเชื่อมโยงว่าถึงใครบ้าง และจะออกหมายจับใครบ้าง ยืนยันว่าถ้าใครรู้หรือเกี่ยวข้อง ยังไงก็ไปไม่รอด ส่วนทางทนายเขาจะสู้คดีอย่างไร ทำหน้าที่ของเขาไป เป็นสิทธิ์ของเขาอยู่แล้ว