อ.เขาสมิง จ.ตราด/เวลา 10.00 น.วันที่ 27 เมษายน 2566 นายรังสิมันต์ โรม อดีตสส.พรรคก้าวไกล และโฆษกพรรคก้าวไกล นางเบญจา แสงจันทร์ กรรมการพรรค เดินทางมาเปิดปราศรัยหาเสียงของพรรคก้าวไกลที่ตลาดสดเทศบาลตำบลแสนตุ้ง อ.เขาสมิง จ.ตราด มีนายศักดินัย นุ่มหนู อดีตสส.ตราด พรรคก้าวไกล ร่วมหาเสียงด้วย นายศักดินัย ได้ขึ้นกล่าวคำปราศรัยกับพี่น้องชาวตำบลแสนตุ้งว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ขอชาวตำบลแสนตุ้งเลือก”ศักดินัย นุ่มหนู”ที่เป็นลูกหลานของชาวตำบลแสนตุ้งเพราะเกิดที่บ้านท่าหาด ต.แสนตุ้ง กลับเข้าไปเป็นสส.ตราดอีกครั้ง โดยตนเองและครอบครัว เป็นเกษตรกร และเป็นคนธรรมดา เหมือนทุกคนในที่นี้ แต่มีความตั้งใจที่จะเข้าไปทำงานการเมืองเพื่อช่วยเหลือพี่น้องชาวแสนตุ้ง ซึ่งจังหวัดตราดที่มีขาทางเศรษบกิจ 4 ขามคือมการเกษตรกรรม,การท่องเที่ยว การค้าชายแดน และการทำประมง โดยการแก้ปัญหาเหล่านี้จะต้องมีผู้ที่มีความเข้าใจและรู้กระบวนการทำงานทางการเมืองมากพอ ซึ่งตนเองมีความพร้อมในเรื่องนี้ และต้องการเข้าไปผลักดันให้สามารถขับเคลื่อนได้ อย่างมั่นคงและทได้ พร้อมกันนี้ช่วยกาพรรคก้าวไกลเพื่อให้พิธา ลิ้มเจริญรัตน์เป็นนายกรัฐมนตรี
หลังจากที่นายรังสิมันต์ โรม และนางสาวเบญจา แสงจันทร์ เดินทางมาถึงแล้วได้พบปะประชาชนบริเวณหน้าตลาดสดเทศบาลตำบลแสนตุ้ง ซึ่งมีประชาชนและเยาวชนจำนวนหนึ่งขอถ่ายรูปและมอบพวงมาลัยให้ พร้อมขึ้นรถปราศรัยหาเสียงกับพี่น้องชาวตำบลแสนตุ้ง กระทั่งเวลา 11.45 น.คณะของนายรังสิมันต์ โรม และนางสาวเบญจา แสงจันทร์ พร้อมนายศักดินัย นุ่มหนู เดินทางมาที่ตลาดนัดเทศบาลตำบลหนองบอน อ.บ่อไร่ ที่มีพ่อค้าแม่ค้ามาจำหน่ายสินค้าและอาหาร ซึ่งนายรังสิมันต์ โรม กล่าวปราศรัยกับชาวหนองบอนโดยบอกถึงนโยบายที่จะทำให้ภาคการเกษตรของจังหวัดตราดดีขึ้นราคาผลิตภัณฑ์มีมูลค่าเพิ่มขึ้น เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และช่วงหนึ่งที่นายรับสิมันต์ โรมเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางออกมาทั้งในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบมาติดตามการปราศรัยได้กล่าวติดตลกว่า หากได้เป็นรัฐบาลจะคืนทรงผมให้กับตำรวจทุกคน ซึ่งได้รอยยิ้มจากเจ้าหน้าที่ตำรวจหนองบอน และตำรวจสายสืบจ.ตราดที่มาติดตามอยู่ หลังจากนั้นได้เคลื่อนรถยนต์ปราศรัยไปในพื้นที่เทศบาลตำบลหนองบอนและกล่าวปราศรัยเป็นจุดๆ ก่อนเดินทางมายังเทศบาลตำบลบ่อพลยอ อ.บ่อไร่ จ.ตราด และขึ้นรถยนต์ปราศรัยไปรอบตลาดนัดเทศบาลตำบลบ่อพลอย ซึ่งยังมีพ่อค้า แม่ค้าไม่มากนัก
นายรังสิมันต์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า จากการลงพื้นที่ในภาคตะวันออกตั้งแต่จังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด รวมทั้งสระแก้ว มีแนวโน้มว่า พรรคก้าวไกลจะได้สส.ของพรรคในหลายจังหวัดโดยเฉพาะจังหวัดตราด จังหวัดปราจีนบุรี และสระแก้ว มั่นใจจะได้รับการเลือกตั้งแน่นอน ขณะจังหวัดระยอง และชลบุรี หรือในจังหวัดจันทบุรีซึ่งมีผู้สมัครของพรรคที่ทำงานมาอย่างต่อเนื่อง และมั้นใจจะปักธงที่ชลบุรี หรือระยองได้มรวมทั้งจ.จันทบุรีที่แม้ครั้งที่ผ่านมาจะได้ยกจังหวัดและลาออกจากพรรคไป เหลือเพียงคนเดียวแต่ก็มีอยู่ 1 เขตที่เป็นความหวังและมีโอกาสเข้ามาได้เช่นกัน ทั้งนี้ นโยบายของพรรคก้าวไกลสามารถช่วยเหลือพี่น้องในภาคตะวันออกได้มากและโดนใจจึงมั่นใจว่า ภาคตะวันออกพรรคก้าวไกลจะได้ผู้แทนราษฎรเข้ามามากเหมือนการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา
“วันนี้จากโพลของหลายสำนักพบว่ากระแสของพรรคก้าวไกล กระแสของหัวหน้าพรรคที่ประชาชนต้องการให้เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีมากที่สุด ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงนโนยาบของพรรคมีจุดแข็งที่ออกมาชัดเจนและโดนใจ ขณะที่พรรคมีจุดยืนที่ชัดเจนในการทำงาน ซึ่งขณะนี้คุณพิธาก็ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในเรื่องแนวทางการทำงาน 100 วันแรกจะทำอะไร 1 ปี จะทำอะไร และ 4 ปีจะทำอะไร เมื่อได้เป็นรัฐบาลซึ่งพรรคก้าวไกลมั่นใจว่า จะสามารถดำเนินการได้ และรู้สึกได้ว่าพรรคก้าวไดลเป็นพรรคที่พึ่งพาได้ และกระแสนี้ไม่ใช่อยู่แค่โซเชียลแต่กับพื้นที่อื่นๆ เช่นในตลาดหรือในพื้นที่อื่นคุณพิธาก็สามารถพบ และพูดคุยได้ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า พิธามีคะแนนนิยมไม่ใช่เฉพาะโซเชียลเท่านั้น”
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า หากพรรคก้าวไกลได้สส.เข้ามามาก แต่อาจจะยังไม่กล้าที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเพราะเราพึ่งเข้ามาเพียง 2 สมัย และครั้งที่แล้วเราได้สส.เกิน 80 คน แต่ครั้งนี้เราตั้งเป้าหมายให้ได้สส.เข้ามาเกิน 100 คนเพื่อจะได้สามารถเสนอแก้รธน.ได้ และหากทำได้ถึงระดับนั้นเราก็อาจจะจะจัดตั้งรัฐบาลที่เปลี่ยนขั้วจากฝ่ายค้านมาเป็นรัฐบาลโดยไม่เอาพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติ และสุดท้ายหากโพลของพรรคก้าวไกลเพิ่มขึ้นเราอาจจะปรับเป้าหมายเป็น 120หรือ150 เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองมากขึ้น