ทำความรู้จัก "ยาเลื่อนประจำเดือน" รวมคำตอบทุกข้อสงสัยของสาว ๆ พร้อมแนะ 8 เรื่องน่ารู้ก่อนใช้ยา อธิบายชัด ฉบับย่อยง่ายได้ในที่เดียว
ข่าวที่น่าสนใจ
ประจำเดือน เป็นเรื่องคลาสสิกที่สาว ๆ ต้องเผชิญทุกเดือน ซึ่งมักจะมาพร้อมอาการน่ารำคาญต่าง ๆ เช่น หิวบ่อย ปวดท้อง อารมณ์แปรปรวน และอื่น ๆ อีกมากมาย และที่พีคยิ่งกว่า นางมักจะมาในช่วงเวลาที่เราไม่ต้องการ เช่น ตอนไปเที่ยว เดินป่า หรือทริปดำน้ำ ทำเอาหลายคนหมดสนุกเลยทีเดียว
วันนี้ TOP News จะพาสาว ๆ มาทำความรู้กับตัวช่วยก่อนการเดินทาง อย่าง “ยาลื่อนประจำเดือน” พร้อมแนะนำข้อควรรู้สำคัญที่สาว ๆ ต้องทำความเข้าใจ ก่อนตัดสินใจใข้ยา ติดตามต่อได้ที่นี่TOP News
ยา เลื่อน ประ จำ เดือน คืออะไร
- ยาเม็ดที่มีตัวยาสำคัญ คือ
- นอร์เอทีสเตอโรน (Norethisterone) 5 มิลลิกรัม เป็นฮอร์โมนกลุ่มโปรเจสเตอโรน
- ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่หลุดลอกออกมาเป็นประจำเดือน (จนกว่าจะหยุดยา)
- จึงมีข้อบ่งใช้ในการเลื่อนประจำเดือน
คำแนะนำเกี่ยวกับการกินยาเลื่อนประจำเดือน
- ใช้ยาเมื่อจำเป็นเท่านั้น โดยต้องไปพบแพทย์หรือเภสัชกรก่อน
- ควรเริ่มกินอย่างน้อย 3 วัน ก่อนวันที่จะมีประจำเดือน
- การกินยาก่อนมีประจำเดือนแค่ 1 วัน หรือตอนที่กำลังมีประจำเดือน อาจมีผลช่วยลดปริมาณ และจำนวนวันของการมีประจำเดือน แต่ประจำเดือนอาจมาซ้ำได้ในช่วงเวลาใกล้ ๆ หลังหยุดยาได้
- การใช้ยานาน ๆ หรือบ่อยมากเกินไป อาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงจากการใช้ยาได้ เช่น
- ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ
- ประจำเดือนมากะปริบกะปรอย หรือไม่มาเลย
- นอกจากนี้ อาจพบอาการปวดหัว
- คัดเต้านม คลื่นไส้ เวียนศีรษะได้
- ห้ามใช้ในสตรีตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
- ห้ามใช้ในผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง หรือมีประวัติเป็นโรคหลอดเลือดอุดตัน
- ห้ามใช้ในผู้ที่เป็นโรคตับขั้นรุนแรง
- ห้ามใช้ในผู้ที่เป็นมะเร็งเต้านม
ก่อนจะใช้ยาอะไร ควรปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรก่อนทุกครั้ง และไม่ควรซื้อยามาใช้เอง
รวมข้อสงสัยเกี่ยวกับ “ยาเลื่อนประจำเดือน”
1. เริ่มกินยา เลื่อน ประ จำ เดือน ก่อนประจำเดือนมาแค่ 1 วัน หรือตอนที่กำลังมีประจำเดือนได้ไหม
- ควรเริ่มกินอย่างน้อย 3 วัน ก่อนวันที่คาดว่าจะมีประจำเดือน ครั้งละ 1 เม็ด วันละ 2 ครั้ง (เช้าและเย็น) หรือวันละ 3 ครั้ง (เช้า กลางวัน และเย็น)
- ไม่ควรใช้ยานานเกิน 2 สัปดาห์ และจะมีประจำเดือนภายใน 2-3 วันหลังจากหยุดยา
- ดังนั้น การกินยาก่อนประจำเดือนมาแค่ 1 วัน หรือตอนที่กำลังมีประจำเดือน อาจมีผลเพียงช่วยลดปริมาณและจำนวนวันของการมีประจำเดือนให้น้อยลง แต่หลังจากหยุดยา จะทำให้มีประจำเดือนซ้ำอีกในช่วงเวลาใกล้ ๆ กัน
2. หยุดกินยา เลื่อน ประ จำ เดือนหลายวันแล้ว แต่ประจำเดือนยังไม่มา ควรทำอย่างไร
- อาการไม่พึงประสงค์ที่อาจพบได้จากยานอร์เอทีสเตอโรน (Norethisterone) อาจทำให้ประจำเดือนไม่มาได้เช่นกัน
- หากหยุดใช้ยาเกิน 1 สัปดาห์แล้วประจำเดือนยังไม่มา ควรตรวจการตั้งครรภ์ (ซึ่งอาจเกิดขึ้นก่อนใช้ยานี้ โดยเฉพาะผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้คุมกำเนิดในเดือนนั้น ๆ)
- และควรปรึกษาแพทย์เพื่อทราบสาเหตุและการรักษาที่เหมาะสม
3. ระหว่างกินยา เลื่อน ประ จำ เดือนอยู่ แล้วมีเพศสัมพันธ์ จะตั้งครรภ์หรือไม่?
- การใช้ยา เลื่อน ประ จำ เดือน จะเริ่มใช้อย่างน้อย 3 วัน ก่อนวันที่คาดว่าจะมีประจำเดือน ซึ่งเป็นช่วงปลายของรอบเดือน (ผ่านช่วงไข่ตกมาแล้ว)
- โอกาสการตั้งครรภ์จึงอาจพบน้อย
- อย่างไรก็ตาม มีโอกาสน้อยไม่ได้หมายความว่าไม่มีโอกาส ดังนั้น ควรใช้ถุงยางอนามัยในการคุมกำเนิดร่วมด้วย
4. ไม่รู้ตัวว่าตั้งครรภ์ แต่กินยา เลื่อน ประ จำ เดือน มีผลเสียหรือไม่?
- ยาอาจมีผลต่อการพัฒนาอวัยวะเพศภายนอกของทารกในครรภ์ได้
- อย่างไรก็ตาม ไม่ได้พบเหตุการณ์ดังกล่าวในทุกกรณี และยังไม่มีรายงานว่ายาทำให้ทารกพิการด้านอื่น ๆ
- ดังนั้น หากพบว่าตั้งครรภ์ อย่าเพิ่งตกใจ ควรไปปรึกษาแพทย์เพื่อติดตามพัฒนาการพร้อมทั้งวางแผนการดูแลทารกในครรภ์อย่างเหมาะสม
- นอกจากนี้ ในผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้คุมกำเนิดด้วยวิธีการที่ถูกต้อง เช่น ไม่ใช้ยาคุมกำเนิดหรือถุงยางอนามัย เป็นต้น ควรตรวจการตั้งครรภ์ก่อนที่จะใช้ยา เลื่อน ประ จำ เดือน
5.กินยาคุมกำเนิดอยู่ แล้วจะใช้ “ยาเลื่อนประจำเดือน” ได้มั้ย
- ผู้ที่กินยาคุมกำเนิดอยู่ หากจำเป็นต้องเลื่อนประจำเดือน สามารถใช้ยาคุมกำเนิดในการเลื่อนประจำเดือนได้ (มีผลทั้งคุมกำเนิดและเลื่อนประจำเดือน)
- ทั้งนี้ ใช้หลักการเดียวกับยานอร์เอทีสเตอโรน (Norethisterone) ให้รับประทานเฉพาะเม็ดที่ประกอบด้วยตัวยาต่อไป (ไม่ใช่เม็ดยาหลอกที่บางคนเรียกว่า เม็ดแป้ง) เพื่อไม่ให้เยื่อบุโพรงมดลูกหลุดลอกออกมา
- ซึ่งวิธีการใช้ยาขึ้นกับตำรับยาคุมกำเนิดแต่ละชนิด หากมีข้อสงสัยว่ายาคุมกำเนิดที่กินอยู่จะสามารถใช้เลื่อนประจำเดือนได้อย่างไร ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้
6. รับประทาน “ยาเลื่อนประจำเดือน” บ่อย ๆ มีผลเสียไหม
- อาการไม่พึงประสงค์ที่พบบ่อยจากการใช้ยานอร์เอทีสเตอโรน (Norethisterone) ได้แก่
- ประจำเดือนผิดปกติ เช่น รอบเดือนมาไม่สม่ำเสมอ ประจำเดือนมาถี่แต่มาแบบกะปริบกะปรอย หรือบางรายอาจประจำเดือนไม่มาเลย
- ดังนั้น จึงไม่ควรใช้ยาเพื่อเลื่อนประจำเดือนบ่อย ๆ
- นอกจากนี้ อาการอื่นที่อาจพบ ได้แก่
- ปวดศีรษะ
- คัดตึงเต้านม
- คลื่นไส้และเวียนศีรษะ เป็นต้น
ขอบคุณข้อมูล : สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และ คณะเภสัชกรรม มหาวิทยามหิดล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง