สมรภูมิเดือดชลบุรี “ทีมเสี่ยเฮ้ง”​ ส่ง “สจ.ตี๋” ชิงพื้นที่หวังชนะใจ “คนพานทอง”

32 ปี บนเส้นทางการเมืองท้องถิ่นของ "สจ.ตี๋" ได้รับความไว้วางใจจาก “ทีมเฮ้ง” ผลักดันชิงพื้นที่เมืองชล เอาชนะใจคน "พานทอง"

สมรภูมิเลือกตั้งภาคตะวันออก จังหวัดที่ร้อนแรงที่สุด คนทั้งประเทศกำลังจับจ้องไปที่ “จังหวัดชลบุรี” ที่นำโดย 2 แม่ทัพ บ้านใหม่ – บ้านใหญ่ ที่ต่างก็เปิดตัวส่งไพร่พล ลงมาสู้สึกท้ารบ วัดพลังกันถึง 10 เขต 10 พื้นที่ ซึ่งอีกไม่กี่วันนี้ก็จะรู้ผลจากเสียงตอบรับของในพื้นที่ และสำหรับ “สจ.ตี๋” สุรพงศ์ นำชัยรุจิพงศ์ ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดชลบุรี เขต 3 เบอร์ 2 อดีตนักการเมืองท้องถิ่น ที่ได้รับความไว้ใจจากชาวบ้านล้นหลาม ก่อนที่ครั้งนี้จะลงสนามการเมืองระดับชาติ และในวันนี้ ทีมข่าว Top News ได้เปิดใจสัมภาษณ์ “สจ. ตี๋” ถึงเรื่องศึกเลือกตั้งครั้งที่กำลังจะมาถึง

 

“สจ. ตี๋” ย้อนเล่าเรื่องราวความหลัง ให้เราฟังว่า ได้ทำงานการเมืองในจังหวัดชลบุรี มา 32 ปี เริ่มต้นจากการเป็นผู้ใหญ่บ้าน จากนั้นก็นั่งตำแหน่ง สมาชิกสภาเทศบาล (สธ.) และเป็นรองนายกเทศมนตรี ก่อนจะมาเป็น สมาชิกสภาจังหวัด (สจ.) 3 สมัย จากนั้นก็ลาออก ซึ่งที่ผ่านมาเคย ทำงานเป็นเลขาท่าน “สุชาติ ชมกลิ่น”​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มากว่า 14 ปี อยู่ด้วยกันมาก่อนที่ ท่านสุชาติ จะลงการเมือง 2 ปี ( ท่านสุชาติทำงานการเมืองมา 12 ปี ) จนกระทั่งท่านสุชาติ รับตำแหน่ง ส.ส. ตนเองก็นั่งตำแหน่งผู้ช่วย ส. ส. ตำแหน่งผู้ชำนาญการ และ ตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญด้านการเมือง

 

 

“ ก่อนที่จะมาทำงานกับท่านสุชาติ ผมก็เป็นอิสระมาตลอด ไม่ได้สังกัดบ้านใดบ้านหนึ่งในชลบุรี แต่ก็ต้องยอมรับว่าอาจจะมีไปมาหาสู่กันบ้างกับ ”บ้านใหญ่” ช่วงแรกๆที่ผมทำการเมือง ผมเติบโตมาด้วยตัวเอง ไม่มีสังกัด จนกระทั่งมาดำรงตำแหน่ง สมาชิกสภาจังหวัด (สจ.) ก็มาอยู่กับ ท่านสุชาติ จากวันนั้นจนวันนี้นับได้ 14 ปีแล้ว จึงรู้สักนิสัยใจคอกันดี เรื่องบางเรื่องที่ท่านสุชาติ ถูกโจมตี ล้วนแล้วเป็นเรื่องบิดเบือนจากข้อเท็จจริง คนพูดแต่งเติม หรือบางเรื่องก็พูดไม่หมด อาจจะมีมูล แต่บทสรุปออกมาไม่ใช่เรื่องจริง ผิดเพี้ยนไปหมด”

 

ข่าวที่น่าสนใจ

“สจ.ตี๋” ยอมรับว่า รัฐมนตรีสุชาติ หรือ “เสี่ยเฮ้ง” เป็นคนที่ทุ่มเททำการเมือง อันไหนที่เป็นผลประโยชน์ของประชาชน รัฐมนตรีสุชาติ ไม่เคยนิ่งดูดาย และพร้อมที่จะแก้ปัญหาแบบทุ่มสุดตัว เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดให้ทุกเรื่อง ด้วยกำลังของตัวเองเท่าที่มีอยู่ ดังนั้นเรื่องการทรยศหักหลัง ลืมบุญคุณยิ่งไม่ต้องพูดถึง

“ผมเล่นการเมืองท้องถิ่น ดูแลรับใช้ประชาชนคนชลบุรี อยู่ในเขตเมืองมาตลอด และนี่เป็นครั้งแรกที่ลงสนามการเมืองระดับชาติ ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ทางผู้นำท้องถิ่นหลายๆคนเรียกร้องให้ผมมาลงพื้นที่ เขต 3 จังหวัดชลบุรี ส่วนความมั่นใจที่จะชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ ผมให้เปอร์เซ็นต์ตัวเองสูง เพราะเขตนี้เป็นเขตที่แบ่งขึ้นมาใหม่ เมื่อก่อนชลบุรี มีเพียง 8 เขต ตอนนี้มีถึง 10 เขต ส่งผลให้ไม่มีใครคนใดคนหนึ่ง เป็นเจ้าของพื้นที่เดิมในเขตนี้ ผู้สมัครทุกคนต้องนับ 1 เท่าๆกัน ซึ่งผมเองในฐานะอดีตนักการเมืองท้องถิ่น ก็ใช้ประสบการณ์ตลอด 32 ปี มาดูแลรับใช้พี่น้องอย่างต่อเนื่องและเต็มที่ จึงคิดว่าจะได้รับโอกาสที่ดีจากคนในพื้นที่ เขต 3 ชลบุรี”

 

“สจ.ตี๋” บอกด้วยว่า การลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้ แม้จะเป็นครั้งแรก แต่ก็ไม่รู้สึกว่าใครเป็นคู่แข่งคนสำคัญ ไม่รู้สึกว่าใครเป็นคู่แข่งของเรา อย่างที่บอกว่าทุกคนนับ 1 เท่ากันในเขตนี้ ถึงแม้บางท่านที่ลงรับสมัครจะผ่านสนามการเมืองมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายว่า ผลงานการดูแลรับใช้ชาวบ้านจะประสบความสำเร็จ หรือหวังจะเกาะเอากระแสพรรคอย่างเดียวก็คงยาก เพราะชาวบ้านเค้าฉลาด และรู้ว่าใครที่จะมาเป็นตัวแทนเค้า

“ทุกคนมีสิทธิ์มั่นใจในตัวเองได้ และให้คะแนนตัวเองได้ บางท่านอาจจะให้คะแนนตัวเองถึง 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นสิทธิ์ของเค้า แต่จะได้รับความไว้วางใจจากชาวบ้านมาน้อยแค่ไหนต้องไปวัดกันในวันเลือกตั้งจริง”

“สจ.ตี๋” ระบุว่า สำหรับเรื่องที่หน้าห่วงในพื้นที่ เรื่องที่ 1 ปัญหาเรื่องการประมงน้ำจืด เรื่องน้ำในหน้าแล้ง ไม่มีน้ำเลี้ยงปลา ซึ่งชลประทานเค้าจะไม่ปล่อยน้ำ ควรต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จเพื่อจะมาแก้ปัญหาระยะยาว เพราะเขตพานทอง มีผู้ประกอบอาชีพทำประมงน้ำจืดกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ , เรื่องที่ 2 คือเรื่องอาหารปลาแพง ซึ่งก็ต้องประสานจัดการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาทางแก้ไข อาจจะจัดตั้งเป็นสหกรณ์ให้ชาวบ้านมาซื้อในราคาถูก หรือวิธีอื่นๆ นี่คือสิ่งที่ต้องดำเนินการ

 

 

 

 

“ส่วนเรื่องที่ 3 คือเรื่องของการจราจร เพราะการจราจรของสี่แยกดอนหัวฬ่อ มันติดขัดมาก สิ้นเปลืองทั้งเวลา และเชื้อเพลิง ส่งผลต่อสุขภาพจิตของผู้สัญจรผ่านไปมา ควรจะผลักดันก่อสร้างสะพานต่างระดับ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องเข้าแก้ไขอย่างเร่งด่วน ในขณะเดียวกันการจราจรในเขตพานทองก็มีปัญหา เช่นกัน ในชั่วโมงเร่งด่วนแต่จุดนี้แก้ได้ไม่ยาก เรื่องที่ 4 คือ เรื่องของการยกระดับคุณภาพทางการศึกษาให้เข้มข้นกว่าเดิม เพื่อคนในพื้นที่จะได้ไม่ต้องส่งลูกหลานไปเรียนต่างอำเภอ “

“สจ.ตี๋” ทิ้งท้ายว่า ส่วนเรื่องใหญ่ของจังหวัดก็คือ EEC ในอนาคตอยากจะให้มีผู้นำหรือผู้บริหารท้องถิ่น เข้ามามีส่วนร่วมในการเป็นที่ปรึกษา หรือเป็นอนุกรรมการพิเศษ เพื่อร่วมกันปกป้องผลประโยชน์ ชาวบ้าน

 

 

 

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน
สถาปนาเขตพื้นที่คุ้มครองฯ ชาติพันธุ์ชุมชนชาวเลโต๊ะบาหลิว
ผบ.ตร.สั่งสอบคลิปแก๊งต่างด้าว แสดงพฤติกรรมเย้ยกม. กำชับคุมเข้ม ใช้ยาแรง

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น