วันที่ 29 เม.ย.66 นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นำขุนพลทีมเศรษฐกิจ ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ผู้เชี่ยวชาญด้านคมนาคมขนส่งฯ พร้อมด้วยนายเมธี อรุณ (เมธี ลาบานูน (รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์) ผู้สมัคร ส.ส.นราธิวาส เขต 2 นายไพเจน มากสุวรรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังกวัดสงขลา นายนิยม พรรณราย รองประธานสภาเทศบาลนครหาดใหญ่ นายประสิทธิ์ ช่วยชูสกุล เลขานุการนายก อบจ.สงขลา ขึ้นเวทีปราศรัยในหัวข้อ “ทิศทางเศรษฐกิจหาดใหญ่จะเป็นอย่างไร” และ เปิดวิสัยทัศน์ของนายนิพัฒน์ อุดมอักษร ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 เบอร์ 4 โดยมีพี่น้องประชาชนในเขตเทศนครหาดใหญ่ และประชาชนผู้สัญจรไปมากว่าสองหมื่นคนให้ความสนใจเข้าร่วมรับฟังการปราศรัยอย่างเนืองแน่น ณ บริเวณลานหน้าหอนาฬิกาหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
ซึ่งในส่วนของ ดร.สามารถกล่าวช่วงหนึ่งว่า หาดใหญ่มีทำเลยุทธศาสตร์ในการเป็นศูนย์กลางคมนาคมขนส่งภาคใต้ ถึงเวลาแล้วที่จะต้องขับเคลื่อนหาดใหญ่ด้วยระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งพรรคมีนโยบายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งในหาดใหญ่และพื้นที่ใกล้เคียง อาทิ รถโมโนเรล ซึ่งหาดใหญ่จะประสบปัญหาในเรื่องการจราจรติดในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน ซึ่งอบจ.สงขลาในสมัยท่านนิพนธ์เป็นนายกอบจ.ได้ริเริ่มโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้ารางเดี่ยว มีระยะทางยาว 13 กิโลเมตร วงเงินประมาณ 16,000 ล้านบาท โดยเริ่มตั้งแต่บ้านพรุ-รถตู้ตลาดเกษตรควนลังในระยะแรก ซึ่งขณะนี้ได้ทำประชาพิจารณ์ และทำในสิ่งแวดล้อมเรียบร้อยหมดแล้ว ในส่วนระยะที่สองจะขยายเส้นทางจากสถานีน้ำพุ ถนนลพบุรีราเมศวร์ และจากสถานีคอหงส์ไปยังสวนสาธารณะหาดใหญ่ และระยะที่สาม จะเป็นเส้นทางเชื่อมระหว่างสถานีหาดใหญ่ในกับสถานีคลองเรียน จนถึงศูนย์การค้าไดอาน่า ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อรถตุ๊กตุ๊ก รถสองแถว และวินมอเตอร์ไซด์
ดร.สามารถ กล่าวต่ออีกว่า เวลานี้ผมมีผลการศึกษา และแบบเบื้องต้นอยู่ในมือแล้ว การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA ก็ผ่านการพิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว ซึ่งทางพรรคประชาธิปัตย์พร้อมที่จะผลักดันให้โมโนเรลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ซึ่งก็จะแก้ปัญหารถติดในเมืองหาดใหญ่ได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นก็มีรถไฟรางคู่หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์เชื่อมต่อไปสู่กรุงเทพฯ ซึ่งจะทำให้ย่นระยะเวลาเหลือเพียง 8 -10 ชั่วโมง ซึ่งเป็นรถไฟที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า เพื่อรองรับรถไฟจากประเทศมาเลเซียที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเช่นกัน ซึ่งจะทำให้การเดินทางของนักท่องเที่ยวมีความสะดวกสบายยิ่งขึ้น และจะทำให้เกิดเงินทุนหมุนเวียนในหาดใหญ่มากขึ้น รวมถึงจะช่วยกระตุ้นให้มูลค่าการค้าการขายชายแดนระหว่างไทย- มาเลเซียพุ่งสูงที่สุดของประเทศ ราว 660,000 ล้านบาท และในส่วนของถนนมอเตอร์เวย์ พรรคปชป.ทำสายแรกตั้งแต่กรุงเทพ – ชลบุรี โดยทำเป็นมอเตอร์เวย์ จตุรทิศ หาดใหญ่จากสะเดาไปด่านนอก แบบเสร็จแล้วเหลือเพียงการเจราจากับทางมาเลย์เท่านั้น ซึ่งจะทำให้การค้าขายการส่งออกดีขึ้น อีกเรื่องคือเรื่องของสะพานเชื่อมเกาะสมุย ถ้ามีสะพานใช้เวลาเพียง 20 นาที ซึ่งผมเป็นคนริเริ่มคิดในเรื่องนี้มานานแล้ว โดยทำเป็นแบบสะพานขึง ถ้ามีโครงการเหล่านี้จะทำให้การเดินทางท่องเที่ยวของชาวมาเลย์และสิงคโปร์เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นเราต้องการทำหาดใหญ่ให้เป็นศูนย์กลางขนส่ง และศูนย์กลางการเงินให้ได้ เนื่องจากหาดใหญ่มีความพร้อมในทุกด้าน จึงต้องอาศัยแรงผลักดันจากพี่น้องประชาชนให้ความมั่นใจในพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเลือกนายนิพัฒน์ อุดมอักษร ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 เบอร์ 4 และเลือกพรรคประชาธิปัตย์เบอร์ 26