“ณฐพร” พร้อมร้องยุบก้าวไกล ชี้แชทไลน์หลุดชื่อ “ปิยบุตร” ชี้นำพรรค เข้าข่ายครอบงำ โยงคิดล้มล้าง

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายปิยบุตร พิมพ์ข้อความลงในแชทกลุ่มไลน์ ว่า ยกเลิกมาตรา 112 ไปเลย ไม่ใช่แก้ไขใช่หรือไม่ นายณฐพร กล่าวว่า ความจริงแล้วกลุ่มคนเหล่านี้ที่บอกว่าแก้ไข แต่จริง ๆ แล้วต้องการยกเลิกมากกว่า ซึ่งในเอกสารไลน์หลุดเห็นได้ชัดว่า นายปิยบุตร ให้ยกเลิกทำอะไรและวิธีการทำอย่างไรบ้าง ซึ่งผิดครอบงำพรรคเหมือนกัน ดังนั้นตนคิดว่าไลน์หลุดชุดนี้จะเป็นพยานหลักฐานสำคัญที่ทำให้หลาย ๆ คดีทะลุปรุโปร่งว่าบุคคลพวกนี้กระทำผิดจริง แม้ในคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินัจฉัยว่าเป็นการล้มล้าง อันนี้ก็เข้าข่ายทุกคนจะต้องถูกพิจารณา

นายณฐพร กล่าวว่า ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสถาบันหลักของประเทศ ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ เพราะฉะนั้นใครจะล่วงละเมิดล่วงเกินมิได้ตามมาตรา 6 ซึ่งมาตรา 112 เป็นกฏหมายประกอบมาตรา 6 ดังนั้นพรบ.พรรคการเมือง หรือ พรบ.ต่าง ๆ ถึงบัญญัติว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบัน ซึ่งเป็นปฏิปักษ์ถ้าตีความกันจริง ๆ พวกนี้ก็เป็นปฏิปักษ์ คือ ต้องการล้มเลิกสถาบันเพื่อเปลี่ยนระบอบการปกครองเป็นระบอบประธานาธิบดี นี่คือจุดประสงค์ของพวกเขา จึงโจมตีสถาบัน โดยวิธีโจมตีพยายามหลีกเลี่ยงใช้ถ้อยคำ หรือหลีกเลี่ยงในการพูด

“วิธีการโจมตีสถาบัน บุคคลเหล่านี้จะหลีกเลี่ยงใช้ถ้อยคำ เช่น เวลาคุณช่อไปดีเบตก็อ้างว่าเด็กพูดเรื่องงบประมาณ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลย แต่เรื่องที่เกี่ยวข้องจริง ๆ คือเรื่อง ไปล้มล้าง ไปลบหลู่ เผาพระบรมฉายาลักษณ์ เขียนข้อความต่าง ๆ อันนี้คือการล้มล้าง เป็นปฏิปักษ์ แต่มาอ้างว่าเพียงต้องการปฏิรูป แต่จริง ๆ ไม่ใช่ หลักความคิดพวกนี้คือการล้มล้าง ” นายณฐพร กล่าว

นายณฐพร กล่าวอีกด้วยว่า มาตรา 112 เป็นกฎหมายพิเศษใช้กับประชาชนทุกคน ไม่ได้ใช้กับคนใดคนหนึ่ง ต้องการรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่ให้มาละเมิด กล่าวร้าย อาฆาต ซึ่งคำว่าละเมิดเหนือกว่าคำว่ากล่าวร้าย อาฆาต ละเมิดหมายถึง จะทำการใดไม่ได้ ทั้งพระบรมรูป สัญลักษณ์ต่าง ๆ เพราะฉะนั้น มาตรา 112 จึงเป็นหมายพิเศษที่คุ้มครองพระมหากษัตริย์โดยเฉพาะ จะไปปฏิรูปอย่างไรก็ไม่ได้ เพราะถ้าไม่มีมาตรา 112 ก็จะมาวิจารณ์ทำร้าย สถาบันก็จะเสื่อมโทรม ดังนั้นการที่นายปิยบุตรหรือหลายคนบอกว่าจะปฏิรูปมันปฏิรูปไม่ได้ เพราะเป็นกฎหมายพิเศษ ไม่ใช่กฎหมายหมิ่นประมาทประชาชนทั่วไป หรือ การที่บอกว่าให้เป็นความผิดทางแพ่ง ใครมีเงินแล้วมาด่าให้ร้ายทำไม่ได้ เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์ห้ามใครละเมิด กล่าวล่วง ทำลาย ให้เสื่อมโทรม

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า เกรงหรือไม่ ว่าหากพรรคก้าวไกล ถูกตัดสินความผิดถูกยุบพรรคแล้วมีกระแสตีกลับว่าไปกลั่นแกล้ง นายณฐพร กล่าวว่า ประเทศไทยต้องเอากฎหมายเป็นหลัก ไม่ใช่เอาการกระทำเป็นหลัก การกระทำพรรคก้าวไกลทุกคนรู้อยู่แล้วว่ามีเจตนาเปลี่ยนแปลงการปกครอง โดยมุ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังนั้นจึงทำทุกอย่างเพื่อล้มล้าง การที่เอาเด็กออกมา ชักจูงเด็ก ความจริงพวกเราตามหลังพรรคก้าวไกล พรรคก้าวไกลใช้ระบบคอม ในการชักจูงเด็ก ทำคอมมอนสคูล พรรคก้าวไกลเป็นพรรคการเมืองที่ “อันตรายที่สุด” ต้องการล้มล้างการปกครองเป็นหลัก

ตนอยากประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนทั่ว ๆ ไปรับรู้ว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ไม่เคยทำร้ายประชาชน มีแต่ช่วยเหลือประชาชน และพระมหากษัตริย์ทุก ๆ พระองค์ มีความห่วงใยประชาชนเป็นหลัก ไม่เคยเป็นศัตรูกับประชาชนและไม่เคยกล่าวร้ายประชาชน ซึ่งกฎหมายคุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์ ทางสภานิติบัญญัติ เป็นคนออกกฎหมาย สถาบันพระมหากษัตริย์มิได้เป็นคนออกเอง ดังนั้นการที่เด็กหรือคนกระทำการต่าง ๆ หันกลับมาคิดพิจารณาดีว่ากฎหมายมาตรา 112 ไม่ได้ทำร้ายประชาชนเลย ดังนั้นในการเลือกตั้งส.ส.ครั้งนี้ถ้าต้องการให้ประเทศไทยหมดจากระบอบประชาธิปไตยก็เลือกพรรคก้าวไกล เข้ามาไม่ทำอะไรวัตถุประสงค์หลักต้องการล้มล้างระบอบสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเดียว