“ศรีสุวรรณ” จ่อร้องกกต.ยุบก้าวไกล กรณีแชทไลน์หลุด ชื่อ “ปิยบุตร” ชี้นำพรรค

"ศรีสุวรรณ" เตรียมเดินหน้าร้องกกต. กรณีแชทไลน์ลับพรรคก้าวไกลหลุดโลกออนไลน์ ขณะที่ส.ส.รับเงินเกิน 3,000 บาทผิดเต็มประตู เร่งหาข้อมูลเชิงลึกจะได้ดิ้นไม่หลุด

จากกรณีทีมข่าวท็อปนิวส์ได้รับแชทข้อความกลุ่มไลน์ ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตว่า เป็นกลุ่มไลน์ของพรรคก้าวไกลหรือไม่ โดยเนื้อหาที่มีการพูดคุยกันในกลุ่มนั้นเป็นช่วงปลายปี 2563 ถึงปี 2564 ซึ่งมีหลายประเด็นสำคัญด้วยกัน ที่สำคัญบางประเด็นอาจทำให้พรรคก้าวไกลถึงขั้นถูกยุบพรคก็เป็นได้ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

 

 

 

ล่าสุดนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ออกมาเปิดเผยเรื่องดังกล่าวว่า ตนได้อ่านข้อความทั้งหมดแล้วจากสื่อออนไลน์ ทุกอย่างมีมูลและเข้าข่ายความผิด โดยเฉพาะความผิดการครอบงำ ตามพ.ร.บ. ถ้าหากทางกกต.วินิจฉัยออกมาแล้วว่า มีความผิดจริง สามารถถึงขั้นยุบพรรคการเมืองดังกล่าวได้เลย ตามมาตร 92 (3) ส่วนตัวเวลานี้กำลังรวบรวมหลักฐานอยู่ โดยเฉพาะแชทไลน์ลับที่เป็นต้นฉบับตัวจริง เพื่อยื่นคำร้องต่อสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในเร็ววันนี้

 

อาจเป็นรูปภาพของ 1 คน และ ข้อความ

ส่วนประเด็นมาตรา 112 ที่มีการจับกุมเด็กที่ฝ่าฝืนนั้น นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องมีผู้ใหญ่คอยชักใย หรือบงการอยู่เบื้องหลังแน่นอน โดยเฉพาะพวกกลุ่มคนที่ไม่หวังดีต่อประเทศชาติ และพยายามดึงสถาบันลงมาต่ำ เด็ก ๆ ที่ถูกจับกุมไปก็เป็นเครื่องมือของกลุ่มคนพวกนี้ เป็นพฤติกรรมที่ไม่ดีกับสังคมและไม่ควรลอกเลียนแบบ ในเมื่อเด็กๆและผู้ใหญ่เหล่านี้กล้ากระทำผิดได้ ก็ต้องสมควรได้รับบทลงโทษกับการกระทำที่เกิดขึ้นด้วย เพราะบ้านเมืองมีกฏหมายชัดเจน อย่ามาอ้างเหตุผลต่าง ๆ นานา ให้มายกเลิกมาตร 112 เพราะคนส่วนใหญ่เขาไม่มีใครเห็นด้วยอย่างแน่นอน

ข่าวที่น่าสนใจ

นายศรีสุวรรณ ยังกล่าวอีกว่า ขณะที่ประเด็นของแชทไลน์ ชื่อเจี๊ยบ ส.ส.กก.คอนถม ได้ส่งข้อความเข้ามาในกลุ่มไลน์ให้ช่วยกันบริจาคเงินซื้อวิทยุสื่อสารให้กับกลุ่มการ์ดวีโว่นั้น เรื่องนี้ก็มีความผิดตามกฎหมายว่า ด้วยผู้ดำรงตำแหน่ง ส.ส. และ ส.ว.ห้ามรับทรัพย์สินหรือ ประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นได้จากผู้ที่ไม่ใช่ญาติ ในแต่ละโอกาสไม่เกิน 3,000 บาท หากผู้ใดฝ่าฝืนรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดเกิน 3,000 บาท มาตรา 128 ของ พ.ร.ป.ว่า ด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

 

 

 

กำหนดโทษ จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งกรณีของบุคคลดังกล่าวมีความผิดเต็มประตูอยู่แล้ว เพราะไปรับเงินบริจาคมาเกิน 3,000 บาท นอกจากนี้ยังมีประเด็นยิบย่อยอีกพอสมควร ทั้งนี้ตนได้อ่านข้อความรายละเอียดต่างๆทั้งหมดแล้วและกำลังหาข้อมูลเชิงลึกอยู่เพื่อให้ดิ้นไม่หลุด คาดว่า ภายในสัปดาห์หน้าจะเดินทางไปยื่นเรื่องต่อกกต.ให้ดำเนินคดีต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เลขาธิการ สปส. แจงเสถียรภาพ "กองทุนประกันสังคม" ย้ำชัดสิทธิประโยชน์ดีเพิ่มขึ้นทุกปี
คึกคักสุดๆ แห่เที่ยวตามรอย "ลิซ่า" ในซีรีส์ The White Lotus 3 ทำยอดจองโรงแรมเกาะสมุยพุ่ง
ผู้ลี้ภัยแอลจีเรียไล่แทงตำรวจในฝรั่งเศส
เต่าทะเลกว่า 6 แสนตัวแห่วางไข่ที่ชายหาดอินเดีย
ฮามาสปล่อย 6 ตัวประกันสุดท้ายภายใต้ข้อตกลงเฟสแรก
‘Super AI Engineer Season 5’ รวมพลังรัฐ-เอกชน-ประชาสังคม ปั้นบุคลากร AI เสริมขีดความสามารถแข่งขันไทย
"ดร.ปณิธาน" ยกพัทยาโมเดล แก้ปัญหา "ชาวอิสราเอล" ล้นเมืองปาย แนะหน่วยมั่นคงบังคับใช้กม.ใกล้ชิด
"อดีตสว.สมชาย" แฉโพย ฮั้วเลือกสว. ชี้เป็นหลักฐาน ดีเอสไอ เร่งนำลากไส้ตัวการใหญ่
‘ทักษิณ’ ปลื้มลงพื้นที่นราธิวาส ในรอบ 19 ปี ปชช.รอต้อนรับ
นายกฯ รับรายงาน ตร.ไทย-กัมพูชา ร่วมมือทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ฝั่งปอยเปต ช่วยเหยื่อคนไทยนับร้อย หลุดพ้น

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น