“ดร.กนก”ห่วงโควิด รอบ 3 รุนแรงกว่าเดิม ลั่น หยุดให้ราชการจูงจมูก

เมื่อวันที่ 13 เม.ย. ศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รอบ 3 ที่รุนแรงกว่าเดิมว่า เสนอให้รัฐบาลจัดทำยุทธศาสตร์ แก้ปัญหาทั้งระบบอย่างชัดเจนด้วยการถอดบทเรียนจากปัญหาที่เกิดขึ้นในการแพร่ระบาดครั้งที่ผ่านๆมา นำมาคิดวิเคราะห์จัดการปัญหาอย่างตรงไปตรงมา เริ่มจากการปรับแนวทางแก้ปัญหา จะใช้เฉพาะวิธีช่วยเหลือเยียวยาแบบเดิมไม่ได้ เพราะมรข้อจำกัดเรื่องกำลังเงินของประเทศที่คงไม่ไหว ดังนั้นการคิดขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศตต้องมีเป้าหมายและวิธีการที่ถูกต้องแม่นยำ ที่สำคัญคือต้องเร่งทบทวน เงินกู้ 400,000 ล้านบาท ตามพ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้าน เพราะที่ผ่านมา การเบิกจ่ายไร้ความคืบหน้าและดูเหมือนว่า จะไม่ได้ผล ไม่ช่วยให้ประชาชนและ SME เกิดการฟื้นตัวตามที่วางเป้าหมายไว้ เพราะเน้นแต่การสร้างถนน ซ่อมแซมอาคารและฝึกอบรม ไปจนถึงการเจาะน้ำบาดาล เป็นการใช้งบประมาณครั้งเดียวแล้วเลิก ไม่ได้แก้ปัญหาอย่างตรงจุดและไม่ช่วยเพิ่มศักยภาพของประชาชน ในการสร้างรายได้

“สิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการคือการคิดนอกกรอบ อย่าทำตัวเป็นรัฐราชการ ทำตามข้อเสนอของข้าราชการทุกเรื่อง เพราะถ้าเป็นแบบนั้นเราไม่จำเป็นต้องมีฝ่ายการเมืองก็ได้ แต่ที่ต้องมีนักการเมืองเข้าไปช่วยควบคุมบริหารจัดการประเทศ ก็เพื่อกำหนดทิศทางที่ถูกต้องเพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชน ปัญหาที่เกิดขึ้น เป็นเพราะกำหนดจากราชการที่ไม่เคยเข้าถึงหัวใจและปัญหาของประชาชน ทำให้การแก้ไขไร้ประสิทธิภาพ รัฐบาลจึงไม่ควรอยู่กับความคิดแบบเดิม เพราะจะไม่มีวันนำพาประชาชนผ่านวิกฤตนี้ไปได้”ศ.ดร.กนก กล่าว

รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า
ประชาชนระดับฐานรากโดยเฉพาะเกษตรกรและ SME ขนาดเล็ก ประกอบอาชีพด้วยภูมิปัญญาดั้งเดิม ขาดความรู้ที่เป็นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่จะเพิ่มการผลิตและสร้างรายได้ใหม่ ในขณะที่มหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยต่าง ๆ มีความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรวมทั้งบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ แต่ความคิดและทัศนคติของอาจารย์และนักวิจัยไม่ใส่ใจต่อการลงไปทำงานกับเกษตรกรและ SME ในพื้นที่ เพราะไม่ใช่หน้าที่ความรับผิดชอบของตน อีกทั้งระบบราชการและกฎระเบียบไม่เอื้อให้มหาวิทยาลัยลงไปทำงานในพื้นที่กับเกษตรกร อุปสรรคที่ขวางกั้นทั้งความคิดและทัศนคติของอาจารย์ นักวิจัยและกฎระเบียบของระบบราชการเป็นเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลจะต้องแก้ไข ปลดล็อค ให้ทีมงานจากมหาวิทยาลัยออกไปช่วยเกษตรกรและ SME ได้ นอกจากนี้ยังพบว่าแม้ชนบทมีปัญหาและอุปสรรคต่อการพัฒนาและสร้างรายได้มากมาย ในทางกลับกันชนบทก็มีความได้ปรียบเชิงเปรียบเทียบ ที่ในเมืองไม่มี เช่น ชนบทมีธรรมชาติที่ยังอุดมสมบูรณ์ มีความหลากหลายทางชีวภาพ มีอากาศที่สะอาด มีภูมิทัศน์ที่งดงาม มีสายน้ำที่ใสสะอาด มีพืชพันธุ์ และผลผลิตจากป่าที่มีคุณค่าสูง ที่ไม่สามารถหาได้ในเมืองมากมาย ต้องนำความได้เปรียบเหล่านี้ มาบริหารจัดการให้เกิดสินค้าและบริการใหม่

“จะทำแบบนี้ได้รัฐบาลต้องเปิดใจ จัดทำโครงการที่พุ่งตรงไปยังพื้นที่เป้าหมายในชนบท กำหนดงบประมาณให้ถูกจุดไม่เช่นนั้นทุ่มงบประมาณมหาศาลไปแบบเทกระจาด ก็ไม่สามารถแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจได้ โอกาสของรัฐบาลที่จะแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจจากโควิด 19 ใกล้หมดเวลาแลัว กิจการของบริษัทขนาดใหญ่สามารถเอาตัวรอดได้ด้วยตัวเอง แต่เศรษฐกิจฐานรากของคนตัวเล็กตัวน้อยกำลังใกล้ตาย ถ้าประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศอยู่ไม่รอด ประเทศชาติจะอยู่รอดได้อย่างไร” ศ.ดร.กนก กล่าว

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

วธ. เปิดบ้านศิลปินแห่งชาติ "ร.ต.ทวี บูรณเขตต์" ศิลปินแห่งชาติ ผู้สร้างสรรค์ประติมากรรม "พระพุทธชินราช" จำลอง
ศาลให้ประกันตัว "สมรักษ์ คำสิงห์" ตีวงเงิน 4 แสนบาท คดีพรากผู้เยาว์-พยายามข่มขืนสาว 17
นาทีประวัติศาสตร์! นายกฯร่วมพิธีลงนาม FTA ฉบับแรกไทยกับยุโรป ความสำเร็จรัฐบาล สร้างโอกาสยุคทองการค้า-ลงทุน
กรมโยธาธิการและผังเมือง เน้นย้ำ “มาตรการป้องกันฝุ่น” ก่อสร้างอาคาร ร่วมเดินหน้าเร่งแก้ไข PM 2.5
“เต้” เล่านิทานคืนสยองขวัญ “คนบนฝั่ง” อำนาจล้น-สั่งปิดปากคดี “แตงโม”
ผู้นำสิงคโปร์เตือนสงครามโลกหากถูกบังคับเลือกข้าง
ทหารเกาหลีเหนือพุ่งโขกเสาหนีโดนจับ
ผู้นำสหรัฐฯจี้ปูตินจบสงครามไร้สาระหรือเจอแซงชั่น
สหรัฐฯขึ้นบัญชีฮูตีองค์กรก่อการร้ายต่างชาติ
DSI เข้าเรือนจำ แจ้งข้อหาเพิ่ม ‘บอสพอล-สามารถ’ สมคบร่วมฟอกเงิน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น