วันที่16 ส.ค. 2564 นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่กำลังจะเกิดขึ้นว่า การอภิปรายครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อนๆ และตนขอร้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้อยู่ถึงวันอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะ ตนกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับท่านก่อนที่จะถึงวันอภิปรายฯ เนื่องจากปัจจุบันประชาชนทั้งประเทศไม่เอานายกฯแล้ว บวกกับปัญหาโควิด-19 ที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เกือบจะ 1 ล้านคน จำนวนผู้เสียชีวิต 7,000-8,000 คนแล้ว สถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบันค่อนข้างวิกฤตมาก ตอนนี้ มีอยู่ 2 ทางเลือก ให้ นายกฯ เลือก
คือ 1.ฝืนเป็นนายกฯ ต่อไปทั้งที่ประชาชนไม่ต้องการ และ 2.ลาออกจากการเป็น นายกรัฐมนตรี
นายมงคลกิตติ์ กล่าวต่อว่า ตนอยากให้ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลทุกคนฟังเสียงร้องไห้ของประชาชน และนำไปบอกนายกรัฐมนตรี ให้รีบลาออก หากพล.อ.ประยุทธ์ไม่ลาออกตอนนี้ ตนเชื่อว่ามีโอกาสเปลี่ยนแปลงที่ท่านไม่คาดคิด ทางเดินของนายกรัฐมนตรีจะมีไม่มากนัก หากลาออกผลกระทบแบบเบาที่สุด คือ ต้องถูกดำเนินคดีและยึดทรัพย์ในอนาคต แต่หากฝืนเป็นนายกฯ ต่อไป และในช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจ หากพรรคร่วมรัฐบาลยังจะยกมือให้อยู่ ตนจะบอกว่าพรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคอื่นๆ ปิดพรรคได้เลย ครั้งหน้าไม่ต้องลงเลือกตั้ง เพราะจะไม่มีประชาชนเลือกพรรคเหล่านี้อีกต่อไป ต่อให้พรรคจะมีเงินมากขนาดไหนก็ตามก็ไม่มีอะไรทดแทนชีวิตประชาชนได้ แต่หากยังฝืนอยู่ ยังหน้าด้านอยู่ ตนเชื่อว่าจุดจบของนายกรัฐมนตรี จะคล้ายๆ กับ มุอัมมาร์ กัดดาฟี หรือไม่ก็ ซัดดัม ฮุสเซน