จากกรณีที่มีตัวแทนบุคลากรด่านหน้าทางการแพทย์ รพ.ภูมิพลอดุลยเดชกว่า 10 คน ออกมาร้องเรียน พร้อมกับเปิดเผยว่าพบข้อพิรุธในการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ของโรงพยาบาลหลายอย่าง โดยเฉพาะเอกสารรายชื่อผู้ได้รับวัคซีนไฟเซอร์ของรพ.ภูมิพลอดุลยเดช ที่ไม่ได้มีแค่บุคลากรด่านหน้าเท่านั้น ทำให้รายชื่อบุคลากรด่านหน้าแพทย์ ที่เป็นแพทย์ และพยาบาลที่ดูแลผู้ป่วยโควิด-19 โดยตรงประมาณ 100-200 คน ไม่ได้รับการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์บูสเตอร์โดสเข็ม 3 และเมื่อวันที่15 ส.ค. ที่ผ่านมา จากนั้น พลอากาศโทธนวิตต สกุลแสงประภา เจ้ากรมแพทย์ทหารอากาศ ได้เรียกตัวแทนบุคลากรด่านหน้าทางการแพทย์ รพ.ภูมิพลอดุลยเดช มาพูดคุยทำความเข้าใจไปเรียบร้อยแล้ว
ล่าสุด พลอากาศโทธนวิตต แถลงข่าวชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า รพ.ภูมิพลฯที่ปฏิบัติภารกิจดูแลผู้ป่วยตามภารกิจของกองทัพอากาศ โดยดูแล 1.รพ.ภูมิพลฯ 2.รพ.ทหารอากาศ (สีกัน) 3.รพ.จันทรุเบกษา 4.รพ.สนามวัฒนาแฟคตอรี่ และ รพ.สนามที่ ทอ. รับผิดชอบ ตนเองในฐานะตัวแทนกรมการแพทย์ทหารอากาศต้องขออภัย และขอรับความผิดชอบในความบกพร่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นระหว่างผู้บริหารและบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า จนทำให้เกิดความไม่พอใจ ทั้งนี้ยืนยันและขอให้ความมั่นใจกับบุคลากรด่านหน้าของรพ.ว่าภายในสัปดาห์นี้จะได้รับวัคซีนไฟเซอร์เข็มที่สาม 100% จากที่ได้จากที่ได้รับการจัดสรรมาจากกรมควบคุมโรค 3,700 เข็ม เรามีบุคลากรอยู่ประมาณ 2,000 กว่าคน ส่วนวัคซีนที่เหลือจะนำไปฉีดให้กับบุคลากรด่านสองและด่านสามของรพ.ต่อไป
“เรื่องวัคซีนในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาต้องดูแลลูกน้อง หากลูกน้องยังไม่ได้รับก็เป็นไปไม่ได้ที่จะนำวัคซีนตรงนี้ไปฉีดให้กับกลุ่มวีไอพี ถ้ามีคนไปทำแบบนั้นก็คงโง่เต็มทน และไม่มีเหตุผลที่เราจะต้องไปให้วัคซีนคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง และที่ผ่านมาก็ไม่มีผู้ใหญ่ในกองทัพอากาศโทรศัพท์มาขอวัคซีนไฟเซอร์แต่อย่างใด ปีนี้โรงพยาบาลภูมิพลฯ ครบรอบ 72 ปี เราทำงานเพื่อพ่อหลวงและประชาชนมายาวนาน แต่เมื่อมีเรื่องที่ไม่เข้าใจเผยแพร่ไปในโซเชียลฯ ทำให้ชื่อเสียงมัวหมอง ข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่ใส่กันเต็มเหนียว ทำให้เราเสียใจ เพราะองค์กรของเราก็มีบุคลากรที่ดีทำงานให้กับองค์กร อย่างไรก็ตามผมไม่อยากให้โยงเป็นเรื่องวัคซีนทางการเมือง เพื่อไปกระทบกับรัฐบาล ซึ่งจากนี้ไปเราจะไปปรับปรุงเรื่องระบบและการสื่อสารภายในองค์กรของเราให้ดีขึ้น” พลอากาศโทธนวิตต กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ระบุว่าจะไปยื่นป.ป.ช. ให้ให้ตรวจสอบและเรียกร้องให้ผู้บัญชาการทหารอากาศตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องนี้ พลอากาศโทธนวิตต กล่าวว่า ก็ไม่เป็นอะไรขอให้เป็นเรื่องของนายศรีสุวรรณไป แต่ในส่วนของตนได้เข้ามาแก้ไขปัญหา เพื่อเป็นสะพานเชื่อมระหว่างผู้บังคับบัญชา บุคลากรด่านหน้า และผู้บริหารของโรงพยาบาล ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีการประชุมทำความเข้าใจร่วมกันไปแล้ว และยืนยันว่าไม่ได้มีการคาดโทษทางวินัยอย่างที่โซเชียลนำไปเผยแพร่แต่อย่างใด ตั้งแต่เกิดเรื่องมาตนได้รายงานเรื่องให้ผู้บัญชาการทหารอากาศรับทราบโดยตลอดซึ่งท่านก็ไม่ได้สั่งการอะไรลงมาเป็นพิเศษ เพียงแต่ย้ำให้ไปแก้ไขปัญหาและทำความเข้าใจอย่างเร่งด่วน
ขณะที่พลอากาศตรีหญิงอิศรญา สุขเจริญ ผอ.รพ.ภูมิพลอดุลยเดช กล่าวยืนยันว่าการจัดลำดับในการจัดสรรวัคซีนให้กับบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลภูมิพลฯมีความโปร่งใส โดยจะนำไปฉีดให้กับผู้ที่ได้รับวัคซีนซิโนแวคครบสองเข็มแล้ว เพื่อที่จะได้รับวัคซีนไฟเซอร์เป็นเข็มสาม ทั้งนี้ได้มีการจำแนกกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ตามลำดับความเสี่ยง ซึ่งใครที่มีความเสี่ยงมาก โดยการดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดจะได้รับวัคซีนก่อน เช่น เจ้าหน้าที่กองแพทย์ประจำโรคอุบัติใหม่ หรือไอซียู ตลอดจนถึงห้องตรวจระบบทางเดินหายใจ เจ้าหน้าที่เปล่ เจ้าหน้าที่จุดคัดกรองและเจ้าหน้าที่ธุรการ ซึ่งจะครอบคลุมทั้งหมด ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าเพราะเหตุใดช่างโยธา ช่างซ่อมประปา และช่างซ่อมไฟฟ้าจึงได้รับสิทธิ์ด้วยนั้น เพราะคนกลุ่มนี้อยู่ในงานกลุ่มธุรการ หากระบบสาธารณูปโภคในรพ.เสียก็ต้องให้กลุ่มความรู้เหล่านี้เข้ามาซ่อมแซม ยืนยันว่าไม่ได้ให้วัคซีนล่าช้า
พลอากาศตรีหญิงอิศรญา กล่าวต่อว่า ส่วนรายชื่อที่มีความซ้ำซ้อนและหลุดออกไปทางโซเชียลมีเดียนั้นเป็นรายชื่อที่ยังไม่ได้รับการตรวจสอบ ทั้งนี้ต้องไปดูว่าข้อมูลเหล่านี้หลุดออกไปได้อย่างไร รวมถึงจำนวนวัคซีนเป็นการทยอยเข้ามา ตอนแรกจึงไม่สามารถแจ้งไปยังบุคลากรด่านหน้าได้ว่าจะได้รับวัคซีนในวันไหน จนอาจทำให้เกิดความเครียดและเกิดความไม่พอใจ จากนี้เราจะต้องทบทวนระบบใหม่ แต่ขอให้มั่นใจว่าภายใน3วันนี้เราจะฉีดวัคซีนไฟเซอร์บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าให้ครบทุกคน ซึ่งยืนยันว่าไม่ได้มีการคาดโทษกับบุคคลที่นำข้อมูลมาเปิดเผย ทั้งนี้รายชื่อที่เกิดความซ้ำซ้อน เพราะมาจากการใช้ระบบ Google ฟอร์ม ซึ่งบุคลากรที่ลงทะเบียนทำอาจจะไม่แน่ใจว่าใส่ชื่อตนเองไปแล้วหรือไม่ ทำให้ใส่เพิ่มไปอีก ในขณะเดียวกันหน่วยงานต้นสังกัดก็ส่งชื่อมาด้วยอีกทางหนึ่งจึงทำให้เกิดรายชื่อซ้ำซ้อน แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องยึดตามเลขบัตรประชาชนเป็นหลัก ส่วนรายชื่อที่มีข้อสังเกตว่าทำไมมีคำขึ้นต้นด้วยนาย นาง และนางสาวนั้นทั้งที่บุคลากรเหล่านั้นมียศเป็นทหารเนื่องจากเป็นการลงทะเบียนผ่านบัตรประชาชนจึงทำให้ไม่มียศนำหน้าชื่อ