วันที่ 5 พ.ค.66 พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ใช้ชื่อว่า “รวมพล คนเบอร์ 5” ที่บริเวณใต้สะพานพระราม 8 เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร โดยมีแกนนำพรรคนำโดย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค, นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี , นายชัชวาลล์ คงอุดม รองหัวหน้าพรรค, ม.ล.ชโยทิต กฤดากร หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ผลัดกันขึ้นปราศรัยนำเสนอนโยบายของพรรค พร้อมช่วยหาเสียงให้กับ ผู้สมัครของพรรค 3 คน 3 เขต ได้แก่ เขตเลือกตั้งที่ 31 นายประเวช แสวงสุข หมายเลข 5 เขตทวีวัฒนา,เขตตลิ่งชัน (ยกเว้นแขวงบางเชือกหนัง), เขตเลือกตั้งที่ 32 นายอิทธิพัทธ์ เศรษฐยุกานนท์ หมายเลข 5 เขตบางกอกน้อย (เฉพาะแขวงศิริราช), เขตบางกอกใหญ่,เขตภาษีเจริญ (ยกเว้นแขวงบางหว้า แขวงบางด้วนและแวงคลองขวาง), เขตธนบุรี (เฉพาะแขวงวัดกัลยาณ์ แขวงหิรัญรูจีและแขวงบางยี่เรือ), เขตตลิ่งชัน (เฉพาะแขวงบางเชือกหนัง) และเขตเลือกตั้งที่ 33 นางรัดเกล้า สุวรรณคีรี หมายเลข 5 เขตบางพลัด, เขตบางกอกน้อย (ยกเว้นแขวงศิริราช) ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรครวมไทยสร้างชาติ จะขึ้นเวทีปราศรัยในช่วงค่ำ
ม.ล.ชโยทิต หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ขึ้นเวทีกล่าวถึงนโยบายด้านเศรษฐกิจระบุว่า ปัจจุบันประเทศไทยเศรษฐกิจฟื้นแล้ว ในพื้นฐานของความสงบ และเป็นที่ยืนยันได้จากองค์กรด้านเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นธนาคารโลก ที่รายงานว่าประเทศไทยฟื้นตัวอย่างมั่นคง แต่มักจะมีคนไปด้อยค่าประเทศไทยว่า แก้ปัญหาไม่ได้ ประเทศไทยจะมีการลงทุน แต่ละพรรคต่างๆ มีนโยบายหลักการแจก เป็นการกู้เงินมาแจกจนเป็นปัญหา กับการปล้นจากอีกกลุ่มไปให้อีกกลุ่มจนเกิดความแตกแยก บางพรรคก็จะปฏิวัติวัฒนธรรมที่ทำให้ครอบครัวแตกแยก
“ประเทศไทยบอบช้ำมามากแล้ว ดังนั้นจึงควรจะยุติความขัดแย้ง เพื่อให้เกิดความมั่นใจจากต่างชาติเข้ามาลงทุน ถ้าอยากได้ความสงบ และความเจริญเติบโตของเศรษฐกิจของไทยอย่างต่อเนื่อง ขอให้เลือกพรรครวมไทยสร้างชาติ เบอร์ 22 และผู้สมัครของพรรคเพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เป็นผู้นำของประเทศต่อไป” ม.ล.ชโยทิต กล่าว