ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีในโลกโซเชียล ได้มีการนำเอกสารรายชื่อผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ของโรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครราชสีมา แชร์ต่อโดยระบุข้อความว่า “กรณีวัคซีนไฟเซอร์ พบว่า ภรรยา ผอ.รพ. สามีหัวหน้าฝ่ายเภสัชกรรม ได้สิทธิ์ฉีดวัคซีน ทั้งที่ไม่ได้เป็นบุคลากรด่านหน้าอะไร คนใน รพ.ก็ไม่กล้าพูดอะไร เพราะเป็นครอบครัวผู้บังคับบัญชา วัคซีนหล่นหายตามทางก็คนในนี้แหละ” ทำให้มีผู้แชร์ต่อและแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมากนั้น
ล่าสุด นายแพทย์แชมป์ สุทธิศรีศิลป์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ พร้อมคณะผู้บริหารโรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ และ นางปาณิสรา ปัถยาวิชญ์ หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรมและคุ้มครองผู้บริโภค ที่ตกเป็นข่าวในโลกโซเชี่ยล โดยได้มีการนำเอกสารหลักฐานรายชื่อบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ที่เสนอไปให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา พิจารณาจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์มาให้ฉีด มายืนยันถึงความโปร่งใส่ด้วย ทั้งนี้นายแพทย์แชมป์ สุทธิศรีศิลป์ ผู้อำนวนการโรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ กล่าวว่า ภายหลังจากที่ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา ได้แจ้งมาที่โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ ให้ทำการสำรวจบุคลากรทางการแพทย์ ในพื้นที่รับผิดชอบ ทั้งบุคลากรของโรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ, บุคลากรใน รพ.สต., คลินิกเอกชน และสถานประกอบการที่เกี่ยวกับทางการแพทย์ ว่ามีผู้ประสงค์ที่จะฉีดวัคซีนไฟเซอร์จำนวนกี่ราย ซึ่งทางโรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ ก็ได้ทำการสำรวจและได้รายชื่อผู้ที่ประสงค์จะฉีดวัคซีนไฟเซอร์จำนวน 138 คน โดยแบ่งเป็นบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ จำนวน 135 คน และบุคลากรทางการแพทย์ในคลินิกเอกชน จำนวน 3 คน
อีกทั้ง จำนวนนี้มีเภสัชกรในร้านขายยาเอกชน ที่เป็นสามีของนางปาณิสรา ปัถยาวิชญ์ หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรมและคุ้มครองผู้บริโภค และภรรยาของตนเองที่ทำงานอยู่ในคลีนิกเอกชนรวมอยู่ด้วย หลังจากนั้นก็ได้ส่งรายชื่อไปให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมาพิจารณา เพื่อจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์มาให้ ซึ่งต่อมาทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา ก็ได้จัดสรรวัคซีนไฟเซอร์มาให้โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ จำนวน 144 โดส ซึ่งเป็นการให้มาเกิน 6 โดส จากจำนวนที่เสนอชื่อไป ดังนั้นทางโรงพยาบาลฯ จึงได้นำวัคซีนที่เกินไปฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลฯ ที่กำลังตั้งท้อง จำนวน 2 ราย บุคลากรที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนใดๆ เลยอีกจำนวน 3 ราย และบุคลากรที่จองวัคซีนแอสตร้าเซเนก้าเข็มที่ 3 แต่ยังไม่ได้ฉีดอีก 1 ราย เนื่องจากต้องไปดูแลใกล้ชิดกับผู้ป่วยโควิด-19 จึงจำเป็นต้องฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันไว้ก่อน
ทั้งนี้ตนยืนยันว่าได้ทำการสำรวจบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ตามเกณฑ์ที่ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมาทุกประการ และได้รับการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์มาให้ตามที่เสนอชื่อไปทุกราย ส่วนวัคซีนที่ได้รับการจัดสรรเกินมาก็พิจารณาฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าตามความเหมาะสมทุกราย จึงไม่ได้ไปเบียดเบียนวัคซีนของบุคลากรทางการแพทย์คนอื่นเลย
ส่วนบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ ขณะนี้มีอยู่ทั้งหมด จำนวน 185 คน ซึ่งได้ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มไปเกือบทุกคนแล้ว เหลือเพียง 5 คน ที่รอฉีดวัคซีนซิโนฟาร์มในวันที่ 20 สิงหาคม 2564 นี้ ขณะเดียวกันทางโรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ ก็มีผู้ป่วยโควิด-19 อยู่ในการดูแลกว่า 30 คน และมีมาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นบุคลากรทางการแพทย์ทุกคนก็ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเหน็ดเหนื่อย และเสี่ยงอันตรายมาก จึงอยากให้กำลังใจทุกคนปฏิบัติหน้าที่อย่างสุดความสามารถ และวอนสังคมอย่านำเรื่องเท็จมาโจมตีกันจนเสียขวัญกำลังใจ ในช่วงสถานการณ์วิกฤติเช่นนี้
ด้านนายแพทย์นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า สำหรับเรื่องนี้ตนเพิ่งได้รับทราบ ซึ่งขณะนี้ได้สั่งให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว ทั้งนี้ตามหลักเกณฑ์พิจารณาจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์นั้น ตนย้ำว่าต้องจัดสรรให้บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าก่อน ส่วนบุคลากรที่อยู่ในคลินิกเอกชน ตอนนี้มีร้องขอมาเป็นจำนวนมาก ดังนั้นหากมีวัคซีนเพียงพอก็อาจจะพิจารณาให้ในล็อตที่ 2 ซึ่งกรณีดังกล่าวก็ต้องรอทางผู้บริหารโรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติชี้แจงก่อนว่า มีความจำเป็นมากเพียงใดที่นำวัคซีนไฟเซอร์ไปฉีดให้กับบุลคลากรในคลีนิกเอกชน หากพบว่ามีเหตุผลไม่เพียงพอก็จะต้องถูกดำเนินการเอาผิดทางวินัยต่อไป
สำหรับวัคซีนไฟเซอร์ที่กระทรวงสาธารณสุขจัดมาให้จังหวัดนครราชสีมา ในล็อตแรก ได้มาจำนวน 15,000 โดส แต่จากการสำรวจบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลทั่วทั้งจังหวัด มีอยู่ประมาณ 17,000 คน ซึ่งบางส่วนก็ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซเนก้าเข็มที่ 3 ไปแล้ว ดังนั้นจึงจัดสรรให้โรงพยาบาลตามรายชื่อที่เสนอมา หากเหลือก็สามารถนำไปฉีดให้กับบุคลากรด่านหน้าที่ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลได้ ส่วนวัคซีนไฟเซอร์ล็อตที่ 2 จะมาช่วง 2-3 วันนี้ มีประมาณ 5,000 โดส ซึ่งจะส่งให้กับบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าที่เสนอชื่อมาในล็อตที่ 2 ซึ่งจะพิจารณารวมทั้งบุคลากรในคลีนิกเอกชนด้วย