ห้ามพลาด Top News เกาะติดโค้งสุดท้ายศึกเลือกตั้ง ฟังจากปาก “บิ๊กตู่-พีระพันธุ์” ตอบทุกคำถาม ไขทุกข้อสงสัย วันนี้ 6 โมงเย็น

ห้ามพลาด Top News เกาะติดโค้งสุดท้ายศึกเลือกตั้ง ฟังจากปาก "บิ๊กตู่-พีระพันธุ์" ตอบทุกคำถาม ไขทุกข้อสงสัย วันนี้ 6 โมงเย็น

เมื่อวันที่ 27 เม.ย. 66 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค แคนดิเดตนายกฯพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดใจกับ Top News ว่า สาเหตุที่ต้องเข้ามาเป็นนายกฯ เพราะไม่อาจทนเห็น บ้านเมืองไม่สงบแบบนั้นได้ ซึ่งขณะนั้นก็ใกล้เกษียณอายุราชการทหารแล้ว สิ่งที่ตั้งใจเข้ามาเพราะอยากทำให้บ้านเมืองสงบสุขในเวลานั้นที่ประชาชนขัดแย้งกันอยู่มากประเทศเดินหน้าไม่ได้ ซึ่งมีความจำเป็นหากจะแก้ปัญหาต้องมีอำนาจตัดสินใจและต้องเป็นนายกฯ จึงจะทำได้ แต่เมื่อเข้ามาก็อยู่จนถึงวันนี้ ผ่านอะไรมากมาย เจอกับทั้งวิกฤตและโอกาส โดยร่วมมือกับคณะรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทุกคนเพื่อแก้ปัญหา จึงอย่าลืมว่าประเทศเราผ่านอะไรมาแล้วบ้าง ทั้งอดีตปัจจุบันและจะเจออะไรอีกในอนาคตเพราะฉะนั้นการเป็นผู้นำประเทศต้องมองให้กว้างทั้งใน ทั้งนอกประเทศและมองทั้งโลกด้วย มองปัญหาให้รอบด้านความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์สงครามปัญหาในระยะยาวซึ่งต้องเตรียมรับมือให้พร้อมรวมถึงค่าครองชีพไฟฟ้าราคาพลังงาน ซึ่งรัฐบาลของเราพยายามแก้ปัญหามาโดยตลอดและไม่น้อยหน้ากว่าใครในทุกมิติที่ว่ามา

ขณะที่พลเอกประยุทธ์ ยอมรับว่า ได้ทำงานมา 8 ปีถือว่าได้ทำมาสำเร็จมากพอสมควร แต่ยังไม่มากพอที่จะมีความสุข จึงไม่อยากทิ้งให้เกิดความค้างคาหลายอย่างใกล้สำเร็จ อีกหลายอย่างต้องทำต่อ ตามนโยบายพรรคคือทำแล้ว ทำอยู่ แล้วทำต่อ ไม่อยากให้สิ่งที่ทำมาแล้วสูญสลายไปโดยสิ้นเชิงด้วยการเปลี่ยนแปลงไม่มีหลักเกณฑ์ หลักการ ตนยอมรับไม่ได้ และที่สำคัญ มีหลายคนจำนวนมากพอสมควรก็อยากให้ตนทำต่อให้สำเร็จ จึงเป็นเหตุที่ต้องมาตัดสินใจ ว่าจะอยู่ต่อหรือไม่อยู่ต่อ ซึ่งการอยู่ต่อตามกลไกปกติทำไม่ได้อยู่แล้ว กระทะต้องเข้ากลไกทางการเมืองประชาธิปไตยต้องมีการเลือกตั้งจึงต้องมาอยู่ตรงนี้ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับประชาชนว่ายังยอมรับการทำงานของตนหรือไม่ ในสิ่งที่ตนพยายามอธิบายหลายครั้งมักจะตอบยาวเพราะมีกระบวนการคิดในสมองบอกถึงเหตุผลความจำเป็นและวิธีการแต่วันนี้คนชอบอ่านอะไรสั้นๆ บางทีก็พลาดจึงขอว่าให้ฟังกันบ้างสักนิด ยืนยันว่าไม่ได้ขัดแย้งกับใครทุกคนมีสิทธิ์ที่จะคิดได้มีความเห็นต่างได้หมดไม่อยากเป็นประเด็นความขัดแย้งให้มากขึ้น

 

 

พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่าตลอด 8 ปีที่ผ่านมาได้เน้นย้ำว่า ได้ให้ความสำคัญเรื่องการดูแลประชาชนผู้มีรายได้น้อย อย่างที่ทุกคนพูดว่า ประชาธิปไตยคือความเท่าเทียมและเป็นธรรม วันนี้เราจึงให้ความเท่าเทียมด้านการเข้าถึงโอกาส น้ำถนนหนทางรถไฟฟ้าการทำงานต้องทำให้ทุกคน เข้าถึงโอกาสให้มากขึ้น และการเข้าถึงกฎหมาย โดยใช้กฎหมายเดียวกันทั้งประเทศ หากมีกฎหมายใดที่ล่าช้าไม่ทันสมัยและสร้างโอกาสให้คนมากขึ้นก็ต้องแก้ไข และรัฐบาลให้ความเป็นธรรมคนทุกคนต้องได้รับการดูแลดูแลแบบพุ่งเป้าสำหรับคนที่เดือดร้อนมาก คนที่มีรายได้น้อยมากๆ ต้องดูแลเป็นพิเศษ ก่อน ซึ่งต้องไปดูว่าจะทำอย่างไรในการดูแลประชาชนได้มากที่สุด ซึ่งประชาชนมีหลายกลุ่มหลายอาชีพ แต่ประชาชนระดับล่างไม่มีเงินเดือน จึงต้องช่วยอย่างที่ไม่ทำให้ระบบการเงินการคลังของประเทศล้มเหลว ถ้าให้เยอะไปก็มีปัญหา เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐก็จะช่วยคนที่ เดือดร้อนมาก ซึ่งต้องทำต่ออย่างต่อเนื่อง ยกระดับประเทศไทยให้เป็นการพัฒนาปานกลางและให้ไปถึงระดับสูงโดยเร็วที่สุดสิ่งสำคัญคือสวัสดิภาพและสวัสดิการของคนการศึกษาการเรียนรู้การแก้ปัญหาหนี้สิน แก้ความยากจน

ด้านตัวแทนประชาชน เป็นหญิงสูงวัย ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว โดยระบุว่า ป้าชื่นชอบการบริหารงานของพลเอกประยุทธ์ ที่ ขณะนั้นชาวนาถูกโกงในโครงการรับจำนำข้าว พอพลเอกประยุทธ์เข้ามากล้าตัดสินใจและเด็ดขาดในเรื่องที่ถูกต้อง จ่ายเงินให้ชาวนาทันทีแค่นี้ก็ได้ใจประชาชนแล้ว และมีความกล้ายึดคืนที่ดินป่าสงวนโดยไม่เกรงกลัวผู้มีอิทธิพล อีกทั้งให้ความสนใจกับประชาชนคนรากหญ้าที่มีจำนวนมาก และไม่ใช่เธอช่วยคนจนแต่ก็ดูแลคุณทุกสาขาอาชีพดึงผู้ที่มีความสามารถมาช่วยงานด้านเศรษฐกิจมาเป็นที่ปรึกษา เช่นก่อนหน้านี้มีการจ่ายเงินให้กับเกษตรกร ผ่านช่องทางผู้ใหญ่บ้าน กำนันหรืออบต.ทำให้เงินรั่วไหลถึงมือเกษตรกรไม่ครบ เมื่อพลเอกประยุทธ์เข้ามาบริหาร ก็แก้ปัญหาโดยการจ่ายเงินโอนตรงไปยังเกษตรกรเลย เพื่อป้องกันปัญหาการโกงเงินเกษตรกร

นอกจากนี้ พลเอกประยุทธ์ ระบุอีกว่า ที่ผ่านมาได้คิดระบบ G Wallet จ่ายเงินผ่านแอพเป๋าตัง ซึ่งมีประชาชนใช้ระบบนี้อยู่จำนวน 55 ล้านคน วันนี้ประชาชนไม่ต้องพกเงินสดแล้วใช้ระบบนี้ทางโทรศัพท์ได้เลย และสามารถใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐผ่านบัตรประชาชนได้เลย

“ประชาชนที่คิดเป็น มองส่วนรวม สังคม ประเทศชาติ ถึงไปด้วยกันได้ แต่ถ้าสร้างความแตกแยกทุกชนชั้น มันไปไม่ได้ ทุกอย่างพังทลายหมดเลย ก็ขอขอบคุณและผมยินดีจะทำต่อให้”

 

 

ทำไมถึงต้องเลือกพรรครวมไทยสร้างชาติ??

พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า แม้เป็นพรรคที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นมาใหม่ แต่คนที่มาร่วมกันมีประสบการณ์ ทำงานเป็นทั้งด้านบริหารถือว่ามีความพร้อมอยู่แล้วมีหลายกลุ่มหลากหลายผ่านงานการบริหารมาแล้ว เป็นนักการเมืองน้ำดี ไม่ใช่จะทำอะไรก็ได้ พูดไปเรื่อย กฎหมายว่ายังไงก็ไม่รู้ การเงินการคลังของประเทศเป็นอย่างไร ก็ไม่ทราบ จะมาพูดปากเปล่าแบบนี้ไม่ได้ พูดทำให้คนเชื่อแล้วไปในทางที่ทำงานไม่ได้ สิ่งที่ทำดีๆ มาก็ล้มหมด นี่คือเหตุผลหนึ่งที่ตนไปอยู่กับเขา

 

ทำไมคนไทย จึงต้องเลือก “พลเอกประยุทธ์”??

พลเอกประยุทธ์ ระบุว่า ในเมื่อมีคนดีพร้อมที่จะมาทำงานการเมือง เป็นพรรคใหม่ขึ้นมา มีดีเอ็นเอที่ดีชาติศาสนาพระมหากษัตริย์และประชาชนและคิดว่าเป็นพรรคพี่พึ่งได้ในทุกโอกาส คิดว่าประเทศไทยต้องบริหารด้วยคุณลักษณะนี้ รวมไทยสร้างชาติ เราพร้อมที่จะร่วมมือกันทำความดีเพื่อแผ่นดิน ทำให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม แต่วันนี้ถ้าอะไรที่มันดีแต่มาด้อยค่าจนไม่ดี สิ่งที่ดี ๆ มีเยอะแยะในประเทศ ประชาชนมีความคิดหลากหลาย ตนรับฟังทั้งหมดทั้งในโซเชียลและผ่านคำถามจากทีวีช่องต่างๆ วันนี้พรรครวมไทยสร้างชาติมีคนอีกเยอะที่พร้อมจะมาทำงานให้กับประเทศชาติ มีคนหลายช่วงวัย นำปัญหามาคิดรวมกันว่าจะแก้อย่างไร แต่จะมาแยกกลุ่ม แยกฝ่าย แยกอายุ มันไปไม่ได้ทั้งหมด เพราะปัญหามีทุกระดับ

 

บางคนถามว่า จะเลือกพลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯต่อ? เพราะเป็นได้แค่2 ปี สู้เลือกคนที่อยู่ได้ 4 ปีไม่ดีกว่าหรือ??

พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า ประเทศไทยยังไงก็ต้องมีรัฐบาลต่อหนึ่งถึงแม้ตนไม่อยู่ก็ต้องมีคนอื่นอยู่ซึ่งจะมีแคนดิเดตนายกฯกันอยู่แล้วหากฉันอยู่2 ปีและเหลืออีก2 ปีก็ให้คนอื่นต่อ ถ้ามีการเลือกนายกรัฐมนตรี อีกครั้งหนึ่งหากพรรคได้รับเลือกเข้าไปจำนวนมาก ในการเลือกตั้งครั้งนี้ก็พอจะมั่นใจได้ว่าทุกอย่างที่ทำมา4ปี 8 ปี จะได้สานต่อไปและพร้อมจะปรับแก้อะไรก็ได้ เพราะมียุทธศาสตร์ชาติอยู่แล้ว วางไว้เป็นมาตรฐานอยู่แล้ว 6 เรื่อง ที่เราทำเสร็จเพราะมียุทธศาสตร์ชาติ ไม่ฉะนั้นก็ไม่ต่อเนื่องเพราะทุกรัฐบาลมีเวลาไม่มาก โครงการใหญ่ๆ ก็ทำไม่ได้ที่เราทำได้เพราะเราอยู่มายาวก็ทำได้ ถนนหนทาง รถเมล์ รถไฟฟ้า มอเตอร์เวย์ รถไฟทางคู่ ก็ทำไว้เยอะแล้ว แต่ถ้ารัฐบาลมีเวลาจำกัดก็ทำอะไรได้ยาก ปัญหาคือเวลามีจำกัด ผมได้อยู่ 2 ปีที่เหลืออีก 2 ปีก็เป็นนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เพราะเป็นแคนดิเดตนายกฯเบอร์ 2 ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการคัดสรรอีกครั้ง จนกว่าจะครบ 2 ปี ตามนโยบายทำแล้วทำอยู่ทำต่อ

“ถ้าผมไม่อยู่แล้ว ก็มีคนมาทำต่อไปเรื่อย ๆ ต้องหาคนที่มีหลักการความคิดที่ดี มีความปรารถนาดี ไม่มีผลประโยชน์ สุจริต โปร่งใส เป็นธรรมในทำนองนี้ ข้อสำคัญคือต้องแก้ปัญหาให้กับประชาชนผู้มีรายได้ยังน้อย ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน อยู่ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ ต้องทำให้ต่อเนื่อง ประเทศไทยมีคนประกอบด้วยอาชีพหลากหลายหลายอาชีพ หลายช่วงอายุ หลายวัย ทุกวัยเป็นบริบทภาพใหญ่ต้องเคลื่อนที่ไปด้วยกัน โดยรัฐบาลเป็นคนขับเคลื่อน และต้องเป็นนายกที่มาขับเคลื่อนเชิงนโยบายมีทั้งนโยบายพรรคและนโยบายรัฐบาล”

พลเอกประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า นโยบายพรรคพรรคการเมืองก็เปรียบเหมือนสโมสรฟุตบอลทีมต่างๆ ก็แข่งขันและว่ากันไปแต่พอมาเป็นรัฐบาลแล้วทั้งหมด ถือว่าเป็น ทีมชาติ และทีมชาติก็ต้องมีกัปตันทีมมีกัปตันผู้ช่วย มีนายกฯ มีรองนายกฯ ต้องช่วยกันและไปด้วยกัน มันไม่ง่ายนักในการบริหารแบบประชาธิปไตย 100% แต่ก็ทำมาแล้ว ทำมา4 ปี ทุกคนก็แฮปปี้ มีหลายคนที่เป็นรัฐมนตรี มาบอกกับตนว่า รู้สึกดีที่นายกให้เกียรติทุกคนเพราะให้เกียรติและไม่รังเกียจใครทั้งสิ้นไม่มีใครจะเกลียดคนได้ทุกวัน เป็นทุกข์เปล่าๆ มีแต่ให้ความรัก มีความเข้าใจ ใครยิ่งว่าก็ให้อภัย อโหสิกรรมเขาไป ถ้าเรารับไว้ทั้งหมดเราก็แย่คนเดียว คำพระบอกว่า ใครให้ร้ายคนอื่นสิ่งนั้นก็กลับไปถึงตัวเองทั้งหมด

 

 

หลังเลือกตั้งมาเป็นรัฐบาล อะไรที่จะทำต่อและทำให้สำเร็จให้ประชาชน?

พลเอกประยุทธ์ ตอบว่า สิ่งที่อยากทำต่อให้สำเร็จ คือ การแก้ไขเรื่องการบริหารระบบราชการซึ่งมีหลายอย่างต้องแก้ไข ตามแนวทาง “รื้อ ลด ปลด สร้าง” รื้อ รื้อกฎหมายที่ไม่จำเป็นและระเบียบต่างๆที่เป็นปัญหาอุปสรรคต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน ลด ปัญหา อุปสรรคต่อการดำเนินชีวิตการประกอบอาชีพต่างๆ ปลด คือ ปลดสิ่งที่เป็นพันธะ ปลดหนี้สิน สร้าง คือ สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างสิ่งใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้นที่สำคัญคือการสร้างทรัพยากรมนุษย์ของเราสร้างคนให้เหมาะสมกับศตวรรษที่ 21 เพราะโลกเปลี่ยนไปเยอะแล้ว เมื่อโลกเปลี่ยนเราต้องปรับ

ขณะเดียวกันก็ต้องมีนโยบายที่ดูแลผู้มีรายได้น้อยกลุ่มเปราะบางอย่างต่อเนื่องเช่นนโยบายที่ออกมาผลตอบรับเยอะ คือ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และเมื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลก็จะเป็นสวัสดิการพลัสให้เพิ่มขึ้นจาก 300 บาทเป็น 1,000 บาท สามารถนำไปใช้ประโยชน์ด้านอื่นได้มากขึ้น เช่น กู้ฉุกเฉิน 10,000 บาท เพราะ เดือน ละ 1,000 บาท ถือ เป็นรายได้สามารถกู้และ ผ่อนได้ คนละ 1,000 บาทปีก็ 12,000 บาท ดีกว่าให้คนหันไปหาหนี้นอกระบบดอกเบี้ยแพง และต้องไปกวาดล้าง หนี้นอกระบบต่อด้วย และผู้สูงอายุก็จะปรับเบี้ยให้เท่ากันตั้งแต่ 60 ปี ปรับให้เท่ากันทั้งหมด เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะอยู่ถึง 100 ปี

นอกจากนี้ยังมีโครงการเกษตรกรโคล้านครอบครัว แก้ไขปัญหากองทุนหมู่บ้านหนี้สินก็เยอะแยะไปหมดจะทำอย่างไรต้องไปช่วยเขาเพื่อจะปลดหนี้ขณะเดียวกันก็ต้องสร้างอาชีพใหม่ให้ด้วยเรื่องการเลี้ยงโคเพื่อนมีทรัพย์สิน ให้ผู้สูงอายุทำงานเพื่อตีราคาเป็นค่าจ้าง แล้วนำไปลดหนี้

รวมถึงโครงการคนละครึ่ง ภาค 2 โครงการเราเที่ยวด้วยกัน มียอดเงินที่จะใช้สนับสนุนทั้ง 2 โครงการ 58,000 ล้านบาท เมืองหลักไม่ค่อยเป็นห่วง เพราะมีนักท่องเที่ยว มาเที่ยวเยอะแล้ว ส่วนเมืองรองต้องมีการส่งเสริม ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเป็นจุดหมายเดียวกันของนักท่องเที่ยวที่มาทั้งเมืองหลักและเมืองรองเชื่อมต่อกัน เพื่อมีรายได้เข้าภาครัฐกลับมา ช่วงก่อนหน้านี้ตามตลาด มีแต่คนขาย ไม่มีคนซื้อ แต่ทุกวันนี้มีทั้งคนซื้อและคนขายเยอะ แต่กำลังซื้อยังไม่เพียงพอ รัฐบาลจึงต้องสนับสนุนลงไปในแต่ละกลุ่มให้มีงานทำเพื่อการตลาดดีขึ้น พัฒนาฝีมือแรงงานเพื่อมีรายได้และทำงานได้มากขึ้น มีกำลังซื้อมากขึ้นตามมา ทั้งนี้เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่าย แบ่งเบาภาระประชาชน

ที่สำคัญทุกคนต้องเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้มากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะ เอสเอ็มอีวิสาหกิจชุมชน สหกรณ์ และต้องพัฒนาฝีมือแรงงาน ไปทำงานต่างประเทศ ลดอัตราการว่างาน คนตกงานลง นอกจากนี้ยังมีนโยบายลดภาษีให้ผู้ประกอบการ พร้อมหา ทุนให้ผู้ประกอบการเรียนวิชาชีพ อำเภอละ 100 ทุน สอนฝึกงานนักเรียน นักศึกษา ให้มีวิชาชีพให้มีทักษะอาชีพ รวมทั้งมีกองทุนความเสมอภาคทางการศึกษา ช่วยเหลือนักเรียนที่ต้อง ออกจากระบบการศึกษากลางคัน เพราะมีปัญหาครอบครัว มีปัญหาการเงิน จะช่วยทำให้ 3,000,000 คนได้กลับมาเรียนต่อ มีค่าเรียน ค่ารถ ค่าเดินทาง ค่าอาหารให้ ซึ่งจะต้องหาเงินเข้าประเทศ

พลเอกประยุทธ์ กล่าวถึง การดูแลด้านสุขภาพให้กับประชาชนโดยใช้เทเลเมดิซีน ปรึกษาหมอทางไกลทางออนไลน์ การจ่ายยาต่างๆ ต้องร่วมมือกันหลายภาคส่วน ร้านขายยาด้วย

พลเอกประยุทธ์ ยอมรับว่า แฟนคลับส่วนใหญ่อยู่ในช่วงคุณลุง คุณป้าเยอะ แต่กลุ่มวัยรุ่นก็มีบ้าง เนื่องจากมีคนรู้จักติดตามตั้งแต่ช่วงเป็นทหาร ผู้บัญชาการทหารบก แก้ปัญหาความสงบความมั่นคงมาตลอด เขาเชื่อมั่นว่าผมเป็นคนสุจริตเพราะผมเป็นอย่างนั้นไม่คดโกงใครทั้งสิ้น เพราะได้รับการสั่งสอนมาแบบนั้นและซื่อสัตย์กับตนเอง ซื่อสัตย์ กับประเทศชาติของผม ซื่อสัตย์กับการใช้จ่ายเงินงบประมาณภาครัฐ ไม่เคยมีผลประโยชน์ แต่ถ้าใครทำก็ดำเนินการไปตามกฎหมาย

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

สำหรับคำถามจากประชาชนถึงนายกฯเกี่ยวกับประเด็นการแก้ปัญหาค่าไฟแพงและช่วยเหลือค่าครองชีพ แก้ปัญหาปากท้องประชาชนนั้น?

พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์ทุกวัน เรื่องค่าไฟค่อนข้างหนักเหมือนกันในช่วงนี้ เพราะอากาศร้อน แต่ละบ้านใช้ไฟกันเยอะ และปัจจัยการพึ่งพาแหล่งพลังงานจากภายนอก ทั้งแก๊สและน้ำมันค่อนข้างมาก มีการนำเข้ามาเกือบ 100% เพราะภายในประเทศร่อยหรอเกือบหมด

“วันนี้ถ้ารัฐบาลไม่ดูแล มันจะเสียหายหนักยิ่งกว่านี้เยอะ เพราะว่ารัฐบาลใช้เงินดูแลด้านพลังงานไปแล้วทั้งหมด มากกว่า 300,000 ล้านบาทไปแล้ว บางทีต้องตัดลดการเก็บภาษี ปรับลดการเก็บภาษีเข้ากองทุนน้ำมัน ต้องทำให้หน่วยงานต้องมีเงินทุนสำรอง ถ้าสมมติว่าล้มลงไปก็จะพังทั้งระบบ เพราะระบบต่อเนื่องทำงานด้วยกัน ทุกวันนี้ถ้ารัฐบาลไม่ช่วยยิ่งแย่กว่านี้ เมื่อไปเทียบดูที่สิงคโปร์ น้ำมันดีเซล ลิตรละ 65 บาท เบนซิน ลิตรละ 72 บาทต่อลิตร ลาว น้ำมันดีเซล ลิตรละ 38 บาท เบนซิน ลิตรละ 52 บาท ไทย ดีเซล 33 บาท เบนซิน 36 บาทต่อลิตร นี่คือความต่างกันขนาดนี้เลย ถือว่าไทย ราคาอยู่ในระดับต่ำเมื่อเปรียบเทียบในอาเซียน ยิ่งถ้าไปเทียบกับประเทศแถบยุโรป ยิ่งเทียบไม่ได้เลย ทั้งที่เขามีแหล่งพลังงานของตัวเองด้วย”

 

ส่วนเรื่องการช่วยค่าไฟนั้น

พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลดูแลค่าไฟให้ประชาชนมาโดยตลอด ย้อนไปดูว่าดูแลผู้ที่ใช้ไฟ 150-300 หน่วยให้กับกลุ่มเปราะบาง และล่าสุดครม.อนุมัติโดยผ่านความเห็นชอบกกต.แล้ว ช่วยผู้ใช้ไฟที่มากกว่า 300 แต่ไม่เกิน 500 หน่วย ใช้วงเงินกว่า 10,000 ล้านบาท เพราะสถานการณ์ราคาน้ำมันประกอบกับอากาศที่ร้อน การใช้เครื่องไฟฟ้ามาก ประชาชนก็ดูแค่ราคาอย่างเดียวแต่ต้องดูการใช้ด้วยว่าใช้ไปกี่หน่วยด้วย

ทั้งนี้ พลเอกประยุทธ์ ยืนยันว่า เห็นใจความเดือดร้อนของประชาชน ได้สั่งการให้ ทั้งกระทรวงพลังงาน การไฟฟ้า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีหลายหน่วยงาน หารือเพื่อดูแลประชาชนในระยะเร่งด่วนนี้ไปก่อน **แต่ถ้าได้เราเป็นรัฐบาลต่ออีก ต้องหามาตรการอื่นและจะสอดรับการปรับสัดส่วนพลังงานไปแล้วพอดี ในความต้องการการใช้พลังงานอาจจะเปลี่ยนไป ภาคอุตสาหกรรม ที่กำลังสร้างพลังงานหมุนเวียนขึ้นมาจำนวนมากพอสมควร ที่เปิดมาใหม่คือพลังงานสีเขียวในภาคอุตสาหกรรมใช้แก๊ส น้ำมันลดลง ลดการนำเข้าพลังงานลงได้

“วันนี้รัฐบาลช่วยเหลือกลุ่มผู้มีรายได้น้อย คิดเป็น 80% กับคนทั้งประเทศ ที่เหลืออีก20 % เป็นคนที่สามารถจ่ายเองได้ แต่ก็เข้าใจว่าอยากได้เพิ่ม จึงต้องไปดูด้วยว่าระบบจะรับไหวหรือไม่ สมมุติถ้าได้เป็นรัฐบาลอยู่ต่อบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและโครงการคนละครึ่ง จะทำต่อ สามารถใช้จ่ายค่าพลังงาน สามารถใช้เติมน้ำมัน ซื้อแก๊สหุงต้มได้ ซึ่งคิดเอาไว้แล้วซึ่ง เป็นนโยบายของพรรครวมไทยสร้างชาติ ถ้าได้เป็นรัฐบาล วันนี้เราช่วยค่าไฟผู้มีรายได้น้อยอยู่แล้ว หน่วยละ 93 สตางค์ เกือบ 1 บาท หลายคนอาจจะไม่ทราบ ถ้าจะให้มากกว่านี้ ก็ต้องหาเงินมากขึ้นถ้าไม่พอก็ต้องไปกู้มาไม่อยากสร้างภาระและไม่อยากมีปัญหาหนี้สาธารณะอีก”

พลเอกประยุทธ์ ระบุด้วยว่า การแก้ปัญหาค่าครองชีพต้องไปจัดการเรื่องการขึ้นราคาสินค้าแบบไม่มีสาเหตุต้องให้กระทรวงพาณิชย์ลงไปจัดการการกำหนดราคากลาง ตรวจสอบทุกสัปดาห์ ซึ่งให้กระทรวงที่รับผิดชอบลงไปดำเนินการแก้ปัญหา หารือในครม. ว่าจะช่วยให้สินค้าถูกลงได้ไหม ขอคนไทยรักกัน บางทีผู้ประกอบการก็ช่วยโอกาส ขึ้นราคาแบบไม่มีเหตุผล ยืนยันว่า นายกฯไม่ได้โทษใคร

นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อของไทยเราขณะนี้ก็ต่ำลงมาก อยู่ที่ 3% ถือว่าต่ำมากๆ เพราะอัตราเงินเฟ้อมีผลต่อหลายอย่าง ซึ่งกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ดูแลมาโดยตลอด เป็นหน่วยงานอิสระ ไปสั่งไม่ได้ ซึ่งก็ทำได้ดี ไทยเราได้รับความชื่นชมว่า เงินบาท เป็นสกุลเงินที่แข็งแกร่ง

พลเอกประยุทธ์ แสดงความคิดเห็นต่อคำถาม ที่ว่า พรรครวมไทยสร้างชาติมี นโยบายประชานิยม หรือไม่ ว่า คำว่าประชานิยมคืออะไร คือประชาชนนิยมชมชอบหรือไม่ บางครั้งต้องมาดูคำว่าถูกต้องกับถูกใจมากกว่าถ้าจะทำให้คนถูกใจก็ต้องทำให้ถูกต้องถูกต้องตามกฏหมายระเบียบและให้ความเป็นธรรมไม่ใช่ว่า ไปทุ่มให้ตรงนี้มากจนเกินไปและไปทำให้ระบบการเงินการคลังเสียหาย เงินไม่พอและต้องไปกู้หนี้ยืมสินมีปัญหาหนี้สินอีก

“ไม่อยากไปก้าวล่วงพรรคอื่น แต่อยากให้ประชาชนคิดให้เป็นไม่ใช่ว่าฉลาดหรือไม่ฉลาด แต่อยู่ที่คนนำเสนอ ที่ตนอธิบายอ้อมไปอ้อมมาเพื่อต้องการ สร้างการเรียนรู้ ว่ามีความเชื่อมโยง อะไรบ้างไม่ใช่ถาม 1 ตอบ 1 ถาม2 ตอบ2 ซึ่งต้องมีคำอธิบายทุกข้อ เพื่อนำไปสู่คำตอบอีก1 ข้อ ต้องการสร้างระบบความคิด เมื่อเกิดความเข้าใจกันหมดทุกคน ก็จะร่วมมือกัน ผมถึงชอบพรรคนี้ เพราะชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ ความหมายดี ชาติเราต้องร่วมกันสร้างต่อไปเพื่อประชาชนเพราะชาติ คือ ประชาชนและแผ่นดิน”

พลเอกประยุทธ์ ยอมรับว่ามีความขัดแย้งกันมากขึ้น เพราะโลกมันเปลี่ยน ทั้งเทคโนโลยีและโซเชียลมีความทันสมัยคนเข้าถึงข่าวสารกันหมดมีการแข่งขัน พ่อแม่ผู้ปกครองไม่ค่อยได้ดูแลบุตรหลานเพราะต้องทำงาน

 

 

หากเจอกับกลุ่มวัยรุ่นหนุ่มสาวที่เห็นต่างจะมีชุดคำพูดอย่างไรเพื่อสื่อสารกลุ่มเหล่านี้?

พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่าคิดว่าปัญหาทุกปัญหาสามารถแก้ได้ด้วยการพูดคุยหารือร่วมกัน แต่บางประเด็น ก็ต้องระมัดระวังเพราะสุ่มเสี่ยง ตนเป็นคนรับฟังความคิดเห็นคน แต่ไม่ได้แสดงออกและไม่ได้ปฏิเสธ ซึ่งได้รับฟังในทุกช่องทางโดยให้กระทรวงพม. เปิดเวทีรับฟังความเห็นคนรุ่นใหม่ นักศึกษา และหาวิธีการทำให้บ้านเมืองเรียบร้อย สงบ สันติ โดยสันติวิธีหลายอย่าง หากแก้ปุบปับก็พัง เพราะฉะนั้น เราอย่าทำลายโครงสร้างดีๆ ที่เรามีอยู่เลย

บางส่วนอยากให้มีการแก้กฎหมายบางมาตราที่มีมายาวนานนั้น?

พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมเคยบอกแล้วว่าทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ถือเป็นการสร้างโอกาสและให้ความเท่าเทียม สมมุติว่าอยู่ภายใต้กฎหมายฉบับนี้ที่เค้าห้ามทำ ถ้าไม่ทำก็ไม่ผิดกฎหมาย เพราะกฎหมายอยู่เฉยๆ กฎหมายเราไม่เหมือนประเทศอื่น ไม่ใช่ฟรีไปทั้งหมด ไทยถือเป็นประเทศที่มีความเป็นมายาวนาน มีสิ่งที่ยึดถือ ยึดมั่นที่ทุกคนเชื่อมั่นอยู่เคารพกฎหมาย โดยเฉพาะกฏหมายที่เขาอยากจะให้แก้ ผมยังไม่เห็นประโยชน์อะไรซักอย่าง ผมอาจจะพูดในฐานะที่ผมเป็นอดีตทหารก็ตาม คนอื่นอาจจะคิดไม่เหมือนผม ไม่เป็นไร แต่มองว่าไม่ใช่ส่วนที่จำเป็น ไปดูไปแก้กฎหมายที่เป็นปัญหาให้กับประชาชนดีกว่าไหม ที่เป็นอุปสรรคการค้าการลงทุน ทุกคนพยายามดึงเอากฎหมายนั้น มารวมกับกฎหมายนี้ ซึ่งตามรัฐธรรมนูญทุกคนต้องปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ รัฐธรรมนูญเขียนไว้อย่างนั้น หากจะแก้ไปทางอื่น ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเกิดอะไรจะดีขึ้นหรือเปล่า ไม่รู้ แต่ก็อยากให้คนไทยช่วยกัน ผมคิดว่าคนไทยเคารพอยู่เยอะมาก ผมเกรงว่าจะมีปัญหาต่อไปในอนาคต คือการแบ่งคน ผมไม่อยากให้แบ่งกันอีกแล้ว เพราะวันนี้เราพัฒนากันก้าวหน้าเจริญเติบโต ทุกคนสนใจอยากมาประเทศไทย ก็มีแนวทางหาเงิน 4 ล้านล้านบาทแล้ว อย่าให้สิ่งเหล่านี้มันต้องล้มไปเลย เหมือนกับเรากำลังต่อโครงสร้าง ต่อเติมตึกบ้านเก่าเราอยู่ แล้วถ้ามันเกิดแฉลบออกไป จะทำอย่างไร วัสดุขาดแคลนจะทำได้ยังไง เหมือนเราสร้างบ้าน ถ้าเค้าไม่มาลงทุน ประเทศเราบ้านหลังใหญ่ก็ต้องพังอีกนั่นแหละ กลับไปที่เดิม 8 ปีที่ผ่านมา ก็ไม่ได้อะไรก็จะเป็นเหมือนเขาว่า ทั้งที่มันกำลังจะได้ และได้มาบ้างแล้ว”

พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า แม้ว่าหลายคนอาจจะฟังเขามา ฟังเพื่อนมา แต่ก็เริ่มเข้าใจ ตนไม่ได้ดูถูกใคร แต่จะทำให้ดีที่สุดและทำดีที่สุดแล้ว หลายครั้งที่ลงพื้นที่ไปเจอคนที่ มีปัญหาเดือดร้อนมากๆ นั่งเศร้า ไม่มีความสุข ตนก็รู้สึกเจ็บปวด จากนั้นก็จะสั่งให้หน่วยงานตามไปดูว่าจะช่วยอย่างไร สั่งกระทรวงมหาดไทย กระทรวงพม.ลงไปสำรวจให้ทั่วถึง สร้างงานให้ ช่วยให้เข้าถึงระบบสาธารณสุข การเรียนรู้ อาชีพใช้งบประมาณไปกว่า 180,000 ล้านบาท

“สิ่งที่อยากฝากไปถึงพี่น้องประชาชน คืออย่างเดียว ไม่ว่าจะคิด จะทำ หรือตัดสินใจอะไรก็ตาม ขอให้คิดถึงส่วนรวมว่าจะทำอะไรให้ประเทศชาติเราสงบเรียบร้อย มีเสถียรภาพเพราะว่ามันเป็นบอกเกิดของความเจริญเติบโตทุกด้านของเราเพราะฉะนั้นความสงบความมีเสถียรภาพด้านความมั่นคงทุกอย่างเกี่ยวพันกับเศรษฐกิจและสังคมไปด้วยถ้าประชาชนจะทำอะไรก็ตามที่เป็นกระบวนการประชาธิปไตยก็ห้ามใครไม่ได้ ยกเว้นการกระทำความผิดกฎหมายขอให้นึกถึงประเทศชาติของท่านไว้บ้างนึกถึงคนอื่นเขาไว้บ้าง ทำอะไรถ้ามันเดือดร้อนคนอื่น คนทั้งประเทศ คนส่วนใหญ่ โอกาสของเรามันจะหายว่าไปกับตา เหมือนเดิมเกิดวิกฤตขึ้นทันที สิ่งที่เราคิดไว้ว่าเราจะแก้ปรับตรงนั้นปรับตรงนี้หาเงินเข้า 4 ล้านล้านบาทหายไปหมดไปกับตา และผมถามว่าเราจะอยู่แบบนั้นหรือ อย่าไปถึงจุดนั้นเลยก็คาดหวังอย่างนั้นขอร้องอย่างเดียว และขอให้สถาบันครอบครัวพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ครอบครัวนี่คือสังคมไทยถ้ามันไม่มีอะไรซักอย่างจะเคารพใคร เพราะความสัมพันธ์ครอบครัวมันยิ่งใหญ่มาก ต่างประเทศอายุ 18 ปีออกจากบ้านไปแล้วแต่ประเทศไทยจะกี่ปีก็อยู่บ้านได้ ไปไหนไกลก็คิดถึงกัน”

พลเอกประยุทธ์ สรุปทิ้งท้ายว่า “การศึกษาและประวัติศาสตร์เป็นสิ่งสำคัญ ความรู้ ความเข้าใจ ความรักความสามัคคี เป็นบ่อเกิดแห่งความสำเร็จทุกประการ จากประสบการณ์ของตนเคยเกิดขึ้นมาแล้ว อย่าให้เกิดขึ้นอีกสิ่งที่ไม่ดี ไม่งามอีก วันนี้หลายคนฟังแล้วอาจจะชอบหรือไม่ชอบก็ไม่เป็นไร ไม่ชอบผม ผมไม่ว่า แต่อย่าไม่ชอบประเทศของท่าน อย่าด้อยค่าประเทศตัวเอง เข้าใจไหม อะไรที่ไม่ดีผมขอรับไว้หมด เพราะผมรับแล้วไปแก้ไข แต่ถ้าด้อยค่าประเทศของตัวเอง มันไม่ใช่แค่ความสุขใจในการด้อยค่า ในการว่าใครแต่ประเทศของท่านก็เสียหายลงทุกวัน และการพูดตรงนี้ไม่ใช่อยู่แค่คนสองคน คนดูกี่ล้าน แต่ไปถึงต่างประเทศหรือไม่มันเชื่อมโยงกันหมดต่างประเทศ เขารู้ รู้ว่าเราเข้มแข็งเรื่องอะไร ทำไมต้องด้อยค่าให้มันแย่ลง ผมว่าประเทศมันถอยหลังแบบนั้นไม่ได้ ยิ่งเราจะพัฒนาให้เจริญเติบโตมากขึ้น เราต้องมีความเข้มแข็งเพียงพอที่จะปกป้องสิ่งเหล่านี้…คือประเทศของเรา”

 

 

ล่าสุดวันนี้ 9 พ.ค. 66 Top News เกาะติดโค้งสุดท้ายศึกเลือกตั้ง 2566 “ทำแล้ว ทำอยู่ เพราะอะไรลุงตู่ต้องทำต่อ ?” ตอบทุกคำถาม ไขทุกข้อสงสัย นโยบายแต่ละด้าน เศรษฐกิจการแก้ไขปัญหาปากท้อง สวัสดิการทางสังคม การปฏิรูปการศึกษา ปมขัดแย้งทางการเมือง ทุกเรื่องที่คนไทยอยากรู้ ฟังจากปากแบบสุด exclusive ถามแบบตาจ้องตา แหวกหัวใจคุย กับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และ คุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค 2 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรครวมไทยสร้างชาติ

ดำเนินรายการโดย สันติสุข มะโรงศรี 9 พฤษภาคมนี้ เวลา 18:00-20.00 น. ในทุกช่องทางของ สถานีข่าว #TopNews ห้ามพลาด!

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน
สถาปนาเขตพื้นที่คุ้มครองฯ ชาติพันธุ์ชุมชนชาวเลโต๊ะบาหลิว
ผบ.ตร.สั่งสอบคลิปแก๊งต่างด้าว แสดงพฤติกรรมเย้ยกม. กำชับคุมเข้ม ใช้ยาแรง
รมว.วัฒนธรรม เปิดงานรวมญาติชาติพันธุ์ชาวเลครั้งที่ 14 ชุมชนชาวเลโต๊ะบาหลิว กระบี่ เร่งส่งเสริมวิถีชีวิต วัฒนธรรมชาวเล
ป้าย สุดเจ๋ง "รับซื้อบ้านผีสิง" เจ้าของป้ายรับซื้อจริง มารีโนเวทขาย
"สุดาวรรณ" เยี่ยมชมชุมชนชาวเลสังกาอู้-วิถีวัฒนธรรมชาวเลอูรักลาโวยจ จ.กระบี่
สจ.ธรรมชาติฟ้องตรงอัจฉริยะเรียกค่าเสียหาย 10 ล้านบาท

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น