วันที่ 9 พ.ค. 66 สถานีข่าวท็อปนิวส์ ได้จัดเวทีดีเบต เลือกตั้ง 2566 “วิชั่นตัวตึงพรรคการเมือง” โดยมีตัวตึงจากพรรคการเมืองต่างๆเข้าร่วมดีเบตในครั้งนี้จำนวน 6 พรรคด้วยกัน ประกอบด้วย นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย ,นายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีม กทม.พรรคพลังประชารัฐ ,นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ,นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ผู้สมัครส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ,นายชื่นชอบ คงอุดม รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ และนาวาอากาศตรีศิธา ทิวารี แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคไทยสร้างไทย
สำหรับประเด็นคำถามที่น่าสนใจอาทิ มาตรา 112 มีปัญหากับพรรคการเมืองใดหรือไม่?
โดยนางสาวมัลลิกา กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์และหัวหน้าพรรคท่องจนขึ้นใจแล้วว่า ไม่แตะ ไม่ยกเลิก และไม่แก้ไขมาตรา 112 ดังนั้นชัดเจนว่าพรรคประชาธิปัตย์จะรักษาไว้ซึ่งสถาบันหลักของชาติทั้งหมด คนที่มีปัญหากับมาตรา 112 คือคนที่มีเจตนาทำผิด หากมีปัญหาที่การบังคับใช้ก็ต้องไปดูขั้นตอนของตำรวจ อัยการ และศาล ซึ่งหากไม่เจตนาตนก็เห็นศาลยกฟ้อง ดังนั้นขณะนี้มาตรา 112 ไม่ใช่เป็นประเด็นที่จะทำให้นำไปสู่การยกเลิก แก้ไข หรือไปแตะต้อง ส่วนคนที่ยุ่งกับ 112 คือคนตัวเตี้ยๆหรือไม่นั้น ในการดีเบตแต่ละเวทีเขาก็พยายามจะบอกเหตุและผล แต่เหตุและผลของเขา ก็ล้มล้างด้วยเหตและผลของเรา เพราะเด็กๆที่คุณปกป้องนั้น เขาเจตนาทำผิด
ขณะที่นายอรรถวิชช์ ยืนยันว่าพรรคชาติพัฒนากล้าไม่มีปัญหากับมาตรา 112 ซึ่งดูเหมือนโทษจะกว้าง แต่กฎหมายมาตรานี้มีทั้งหมด 3 ฐานความผิด ได้แก่ ดูหมิ่น หมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้าย และมีแนวปฏิบัติอยู่แล้วว่าความผิดใด จะมีโทษจำคุกกี่ปี ซึ่งตนเป็นพรรคการเมืองพรรคเดียว ที่ไปเจอนายสมศักดิ์ เทพสุทิน เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม โดยอยากให้มีการตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองก่อน ว่าใครควรโดนฟ้องหรือไม่โดนฟ้อง ขณะเดียวกันตนเห็นว่าการแก้ไขและการยกเลิกไม่เหมือนกัน การบอกว่าจะเอาม.112 จากคดีหมวดความมั่นคงไปอยู่ในหมวดอื่น ให้เหลือเฉพาะหมิ่นประมาทอย่างเดียว ไม่ใช่การแก้ไข นั่นคือการยกเลิก และจะส่งผลให้คดีที่เกิดขึ้นมันหายไปทั้งหมด ทั้งนี้พรรคชาติพัฒนากล้าเป็นพรรคเศรษฐกิจ แต่สิ่งหนึ่งที่เราต้องการให้เกิดมากที่สุดคือความปรองดอง สถาบันฯต้องปกป้อง ส่วนสิทธิของน้องๆก็ต้องปกป้อง และไม่ให้เขาไปในทิศทางที่มันไม่ถูกต้อง